รีวิว HUAWEI P50 ชื่อรุ่นไม่มีต่อท้าย แต่ดีไม่แพ้รุ่นโปร
HUAWEI P50 เตรียมส่งเข้าสู่ตลาดบ้านเราต่อจาก HUAWEI P50 Pro ถ้าดูแค่ชื่อรุ่นอาจคิดว่ามันต้องต่างกันพอตัวเลย แต่ในความเป็นจริงแล้ว คนที่ได้ใช้งาน HUAWEI P50 ส่วนหนึ่งชอบรุ่นนี้มากกว่าตัวโปรซะอีก
จุดต่างเชิงสเปคระหว่าง HUAWEI P50 และ HUAWEI P50 Pro
สองรุ่นนี้มีจุดหลักเหมือนกันแทบทั้งหมด เรียกได้ว่ารุ่นธรรมดาไม่น้อยหน้ารุ่นโปรเลย แถมยังเป็นจอแบนแบบที่หลายคนชอบด้วย
HUAWEI P50 | HUAWEI P50 Pro | |
---|---|---|
SoC | Snapdragon 888 4G | Snapdragon 888 4G |
แรม | 8 GB | 8 GB |
หน่วยความจำภายใน | 256 GB | 256 GB |
ขนาดจอ | 6.5 นิ้ว | 6.6 นิ้ว |
ลักษณะหน้าจอ | จอแบน | ขอบโค้ง |
พาแนล | OLED | OLED |
Refresh Rate | 90 Hz | 120 Hz |
PWM Dimming Rate | 1440 Hz | 1440 Hz |
Touch Sampling Rage | 300 Hz | 300 Hz |
ความละเอียดหน้าจอ | 2700 x 1224 | 2700 x 1228 |
กล้องหลัง | – 50 MP True-Chroma, เลนส์สี, f/1.8 – 13 MP Ultra-Wide Angle, f/2.2 – 12 MP Telephoto, f/3.4, OIS, AF | – 50 MP True-Colour, เลนส์สี, f/1.8, OIS – 40 MP True-Colour, เลนส์โมโน, f/1.6 – 13 MP Ultra-Wide Angle, f/2.2 – 64 MP SuperZoom, f/3.5, OIS, AF |
กล้องหน้า | 13 MP, f/2.4 | 13 MP, f/2.4 |
แบตเตอรี่ | 4100 mAh | 4360 mAh |
ชาร์จเร็ว | HUAWEI SuperCharge 66W | HUAWEI SuperCharge 66W |
คาแรกเตอร์กล้องที่ต่างจากรุ่นโปร
อันนี้เป็นเรื่องของความชอบละกันครับ แต่ในภาพรวมต้องบอกว่า HUAWEI P50 จูนสีออกมาดูธรรมชาติกว่า HUAWEI P50 Pro คือสีจะดูคล้ายๆ HUAWEI ยุคก่อนๆ ที่แฟนๆ ชอบ ภาพจะออกแนวสบายตากว่า ไม่เร่งความคมหรือสีสันให้จัดแบบที่ตลาดแมสชอบ ( ภาพออกมาดูธรรมชาติจริงๆ ไม่เหมือนบางค่ายที่นิยามคำว่าธรรมชาติคือสีจัดจ้านสุดๆ )
ถ้าดูด้วยสายตาและความรู้สึกจากการใช้งานจริง HUAWEI P50 เก็บสีสันและ Dynamic Range ได้ดี โดยไม่เร่งให้จัดจนเกินไป ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้สว่าง ส่วนกล้องหน้าก็ทำได้ดีมาก
แต่ถ้าเทียบกับ HUAWEI P50 Pro ก็ต้องบอกว่าทำได้ดีคนละสถานการณ์ อย่างในที่แสงน้อย HUAWEI P50 ให้ภาพที่สว่างกว่าแต่ความคมชัดน้อยกว่า HUAWEI P50 Pro หรืออย่างกล้องหน้าในสภาพแสงจากหลอดไฟสีเหลืองนวล HUAWEI P50 ก็ทำได้คมและให้สกินโทนที่ดีกว่ากันเล็กน้อย
แล้วที่ตลกกว่านั้นคืองานวีดีโอ HUAWEI P50 มีฟีเจอร์เยอะกว่า HUAWEI P50 Pro โดยเพิ่มโหมด Steady Shot หรือที่เรียกกันว่า “กันสั่นพิเศษ” ที่ช่วยเพิ่มความนิ่งในการถ่ายวีดีโอ รวมไปถึงระบบ Tracking Shot ที่จะทำการแพนกล้องซูมเข้าหาเป้าหมายโดยอัตโนมัติแม้จะตั้งกล้องไว้นิ่งๆ ก็ตาม …ซึ่งผมเข้าใจว่าน่าจะมีอัปเดทให้ HUAWEI P50 Pro ในอนาคตเหมือนกัน
เอาเป็นว่าสถานการณ์ทั่วไปที่พบได้ในชีวิตประจำวัน HUAWEI P50 เอาอยู่ทั้งหมดครับ เผลอๆ ทำได้ดีกว่า HUAWEI P50 Pro ด้วย ยกเว้นเรื่องการซูมหนักๆ ที่ HUAWEI P50 Pro คือ The Best จริงๆ ครับ
การจัดการความร้อนที่กด Snapdragon ได้อยู่หมัด
เรื่องถัดมาที่ทำได้น่าประทับใจเลยก็คือการจัดการความร้อน อย่างที่รู้กันว่า Snapdragon ยุคหลังนี่ร้อนมาก ซึ่ง HUAWEI P50 Pro ก็ถือว่าจัดการความร้อนได้เก่งแล้ว แต่ HUAWEI P50 จัดการความร้อนได้เก่งนั้นกว่าอีก คือใช้งานจริงแบบเปิดกล้องถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ผลคือ HUAWEI P50 เย็นกว่า ตรงนี้ก็ไม่แน่ใจว่า HUAWEI ใช้เทคนิคไหนถึงจัดการ Snapdragon ได้อยู่หมัดขนาดนี้ แต่เอาเป็นว่า HUAWEI P50 ทำได้ละกัน
HMS กับการใช้งานจริง
การใช้ชีวิตแบบ HMS สำหรับผมก็เรียกได้ว่าไม่มีปัญหาครับ หลังๆ ผมลองใช้ Petal Map ในการนำทาง โดยรวมก็โอเคแต่ข้อมูลบางอย่างก็ยังไม่สดใหม่เท่าไร หรืออย่างการคุยงานทีมผมและพาร์ทเนอร์ใช้ Lark เป็นหลัก ซึ่งมีให้โหลดใน AppGallery ก็เรียกได้ว่าสามารถทำงานได้จริงจังเป็นเครื่องหลักได้เลย หรือแม้แต่ตัวจัดการรหัสผ่านอย่าง Authy และ LastPass ก็มีให้ใช้กันตรงๆ แบบไม่ต้องผ่าน Gspace รวมไปถึง Social Media ต่างๆ หรือ Browser ถ้าต้องการที่ Sync ได้ ผมก็ใช้ Microsoft Edge ที่รองรับทุก OS ดังนั้นผมสามารถใช้ HUAWEI P50 แบบ HMS เพียวๆ ได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องมี Gspace
ส่วนคนที่จำเป็นต้องใช้ LINE ในการดำเนินชีวิต อันที่จริงมันก็ใช้งานได้ครับ เพียงแต่ไม่สมบูรณ์ 100% ซึ่งตรงนี้ก็ต้องรอทางทีมงานพัฒนาเพิ่มเติม …และเท่าที่เคยคุยกับทีมพัฒนาเมื่อปีก่อน เค้าก็บอกว่าต้องใช้เวลาในการแก้ไขระบบเยอะเหมือนกันครับ ก็ต้องให้เวลาเค้าหน่อย
จุดแข็งที่หนีไปไหนไม่ได้คือ Ecosystem
สิ่งที่ผมให้ความสำคัญมากๆ ก็คือ Ecosystem หรือการทำงานร่วมกับของอุปกรณ์แต่ละชิ้น ซึ่งมีแค่ไม่กี่แบรนด์ที่ทำได้ดีในระดับที่น่าใช้จริง ซึ่งผมยกให้ HUAWEI ทำได้ดีไม่แพ้ใครเลย เพราะมี Line up ครบแทบทุกสิ่ง ทั้ง Smartphone, Laptop, Tablet, TV, Headphone, Speaker, Wearable, Monitor และอื่นๆ ที่จะตามมาอีกเยอะแยะ แม้แต่รถยนต์ก็มี
แล้ว HUAWEI ก็ใช้แนวคิดการเชื่อมโยงแต่ละอุปกรณ์เข้าด้วยกันอย่างแนบเนียน เช่น HUAWEI Super Device ที่เป็นมากกว่าการใช้อุปกรณ์แต่ละชิ้นอย่างโดดๆ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่แบรนด์ส่วนใหญ่ยังไปไม่ถึง
ประสบการณ์ใช้งาน HUAWEI P50
การที่ได้ใช้ HUAWEI P50 Pro มาตั้งแต่เปิดตัวแล้วได้มาจับ HUAWEI P50 ต่อ ผมรู้สึกว่ามันคนละอารมณ์กันแม้จะมีไส้ในคล้ายกัน ด้วยหน้าจอแบบแบนเรียบที่เป็นจุดต่างสำคัญ ซึ่งมันก็ดีคนละแบบแล้วแต่ความชอบเลย เรื่องกล้องก็ไม่ได้ด้อยกว่า HUAWEI P50 Pro เลย เพียงแต่มีคาแรกเตอร์สีที่ต่างกัน ผมเข้าใจว่าคนที่ชอบคาแรกเตอร์สีรุ่นเก่าๆ ของ HUAWEI น่าจะชอบครับ
ด้านความเร็วหรือความร้อนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร รวมไปถึงแบตเตอรี่ก็ทำได้ดีเมื่อเทียบกับ Snapdragon ด้วยกัน แต่ก็สู้ยุค Kirin ไม่ได้ ส่วนเรื่อง GMS ในทางปฏิบัติก็มี Gspace และมี Store อื่นๆ อย่างเช่น Aurora, APK Pure, Apptoide ให้ใช้งานเป็นทางเลือกได้ แต่ถ้าใช้ HMS เพียวๆ เลย ผมว่ามันก็ได้สำหรับหรับคนบางกลุ่มนะครับ ขึ้นอยู่กับแอปที่ใช้งานเลย
แต่ที่แน่ๆ ที่ทำให้ผมติด HUAWEI นอกจากเหตุผลเรื่องกล้องก็คือ Ecosystem นี่ล่ะ กลุ่ม Wearable ก็มีให้เลือกทั้ง WATCH FIT 2, WATCH 3 GT Pro, WATCH D และอื่นๆ แล้วยังมีแล็ปท็อป ( โน้ตบุ๊คนั่นแหละ แต่ค่ายนี้เรียกแล็ปท็อป ) และอื่นๆ อีกมากมายที่ได้ใช้งานในชีวิตประจำวัน
ส่วนเรื่องที่ไม่รองรับ 5G ถ้าว่ากันตรงๆ ก็เสียดายนั่นแหละครับ แต่ก็เข้าใจถึงสถานการณ์การเมืองโลก และเมื่อมองในภาพรวมเทียบกับสิ่งที่ขาดหายไป ผมถือว่ามันคุ้มค่า เพราะเอาเข้าจริง 4G ก็เร็วเพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตและทำงานระหว่างอยู่นอกสถานที่แล้ว เพราะอยู่บ้านหรือที่ทำงานก็มี Wi-Fi ให้ใช้งานเน้นๆ
ด้วยเหตุต่างๆ ทำให้ผมใช้ HUAWEI เป็นเครื่องหลักมาเรื่อยๆ แม้จะไม่มี 5G และ GMS ก็ตาม เพราะเมื่อชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียแล้ว ผมมองว่าข้อดีมันเยอะกว่ามากครับ