ถ้าคุณอยากได้ WordPress สปีดแรงๆ คอนฟิกได้ดั่งใจ ผมขอแนะนำ GridPane ที่ร่ำลือกันว่านี่คือตัวจัดการระบบหลังบ้านที่เร็วที่สุดในโลกแล้ว และยิ่งน่าสนใจเข้าไปอีกเพราะไม่นานมานี้ทาง Automattic ผู้สร้าง WordPress ก็เข้ามาร่วมโปรเจ็คนี้ด้วย
ทำความรู้จัก GridPane
GridPane จัดอยู่ในกลุ่มของ Managed WordPress Hosting ที่ไม่ได้มีเซิร์ฟเวอร์หรือพื้นที่เป็นของตัวเอง แต่เป็นตัวควบคุมช่วยติดตั้งและจัดการระบบหลังบ้าน ในลักษณะเดียวกันกับ Ploi.io และ RunCloud เพียงแต่ GridPane โฟกัสที่ WordPress เพียงอย่างเดียว ทำให้ Optimize ระบบรีบประสิทธิภาพออกมาได้ดีที่สุด ต่างจาก Managed Hosting ส่วนใหญ่ที่ออกแบบมากลางๆ ให้รองรับ CMS ทุกตัว
ราคาของ GridPane
แม้ว่าหลายสำนักจะยกให้ GridPane มีระบบที่ดีที่สุด แต่ด้วยราคาอันแสนแพงทำให้คนไม่นิยมมากนัก ซึ่งก่อนหน้านี้มีให้เลือกราคาเดียวคือเดือนละ 200 USD ยังไม่รวมค่า Cloud Hosting และอื่นๆ อีก
แต่ในปี 2022 ทาง GridPane ตั้งเป้าว่าอยากให้คนได้ใช้ของดีกันฟรีๆ และเป็นการกดดันคู่แข่งให้ยกระดับมาตรฐานคุณภาพขึ้นมาด้วย ดังนั้นจึงออกแพ็กเกจให้ใช้ฟรีแบบจำกัดฟีเจอร์ ซึ่งก็เพียงพอและดีกว่าคู่แข่งบางรายด้วยซ้ำ และยังออกแพ็กเล็กเดือนละ 50 USD ออกมาชนกับคู่แข่งด้วย
ซึ่งส่วนตัวแล้วผมใช้แพ็ก Developer เดือนละ 200 USD ครับ ( ลูกค้าที่ทำเว็บกับผมก็จะได้ฟีเจอร์ระดับนี้กันเลย )
การใช้งานไม่เหมาะกับมือใหม่
แม้ว่า GridPane จะมีข้อดีสารพัด แต่ต้องบอกก่อนเลยว่า Panel ตัวนี้ไม่ได้เหมาะกับมือใหม่ ไม่ได้ง่ายเหมือนการใช้ CloudWays ที่จบทุกอย่างได้ในที่เดียว แต่ GridPane จะเหมาะกับนักพัฒนามากกว่า โดยไม่ได้ขายความ All-in-One แต่ขายความยืดหยุ่นในการเชื่อมต่อ API กับบริการอื่นๆ
โดย API Integration แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม คือ
- Cloud Providers เชื่อมต่อกับบริการ Cloud เช่น Vultr, DigitalOcean
- DNS Providers เชื่อมต่อกับบริการ DNS เช่น CloudFlare, DNS Made Easy
- Backup Providers เชื่อมต่อกับพื้นที่สำรองข้อมูล เช่น AWS S3, BackBlaze, Wasabi, Dropbox
- SMTP Providers เชื่อมต่อกับระบบส่งเมล เช่น SendGrid, Mailgun, Mailjet
และเมื่อเชื่อมต่อเรียบร้อยแล้ว การควบคุมต่างๆ ก็สามารถทำผ่าน GridPane ได้ทั้งหมด
ตัวช่วยในการทำ WordPress
มาถึงข้อดีอีกอย่างก็คือการขึ้นเว็บทำได้ง่าย ด้วยการสร้าง Preset ไว้ใช้งาน ตั้งแต่ค่า Server config ไปจนถึง WordPress config ที่สามารถ pre-install plugin และ theme ได้ด้วย และยังสามารถสร้างได้หลาย Preset ตามความเหมาะสม
เราสามารถเลือกใช้ได้ทั้ง Nginx และ OpenLiteSpeed ซึ่ง Nginx มีข้อดีที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ส่วน OpenLiteSpeed ก็ถือว่ามาแรงและได้รับการยอมรับว่ารีดประสิทธิภาพได้ดีกว่าหลายเท่าตัว และยังสามารถเลือกใช้ Redis Object Caching ได้ด้วย
ด้านความปลอดภัยก็มี WAF 7G รวมถึง wpFail2Ban ที่กดเปิดใช้งานได้ง่ายๆ และยังสามารถติดตั้งตัวสแกนไวรัสผ่าน command ได้ทั้ง Maldet และ ClamAV และข้อดีอีกอย่างของการใช้ Panel ในลักษณะนี้ คือการที่เราสามารถเลือกสเปคเซิร์ฟเวอร์ได้มากกว่าการควบรวมอย่าง CloudWays ทำให้ช่วยประหยัดงบสำหรับเว็บที่ไม่ต้องการอะไรมาก หรือเลือกสเปคแรงๆ สำหรับเว็บที่กินทรัพยากรเยอะๆ ได้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า Cloud API จะรองรับแค่ไม่กี่เจ้า แต่เราก็สามารถ Custom เลือก Hosting อื่นๆ ก็ได้ โดยการกดสร้างและทำตามคำแนะนำ
การตั้งค่าต่างๆ ทำได้ค่อนข้างละเอียด ตั้งแต่การตั้ง SSL, SMTP, PHP Config, Backup ที่ทำได้ทั้ง Local และ Remote, Clone เว็บ รวมถึงการเปิดใช้งาน Multisite ที่ทำได้ทั้งแบบ Sub-directory และ Subdomain และยังรองรับ WP Ultimo ด้วย
เราสามารถดู Stats หรือ Monitor การทำงานของแต่ละเซิร์ฟเวอร์ได้ แต่ไม่สามารถดูแยกเป็นรายเว็บได้ ส่วนการ FTP สามารถสร้าง user แยกแต่ละเว็บได้ และสามารถจัดการ database ได้ในตัวโดยไม่ต้องติดตั้งเพิ่ม
ส่วนสำคัญอีกอย่างคือระบบ Staging สำหรับพัฒนาเว็บโดยไม่กระทบหน้า Production และสามารถที่จะ Push ข้อมูลไปหรือกลับได้ง่ายๆ เหมาะกับการพัฒนาเว็บให้ลูกค้าดู Prototype และเมื่อทำเสร็จก็กด Push to Production
แยกส่วนของลูกค้าออกมาต่างหาก
ด้วยความที่ระบบ GridPane แม้จะดูเรียบง่ายแต่ก็ไม่เหมาะกับ end user เท่าไร ทางผู้พัฒนาเลยทำระบบแยกต่างหากสำหรับลูกค้าเราในชื่อ panelpress ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ระหว่างทดสอบ สามารถใช้งานได้แต่อาจมี bug ในบางส่วน
โดยจุดประสงค์ของ panelpress คือการลดทอนความกลัวและ user error ของลูกค้าเรา ด้วยการตัดระบบตั้งค่าส่วนลึกออกจากหน้านี้ทั้งหมด เหลือไว้เฉพาะส่วนหลักๆ เช่น ข้อมูลไอดี FTP, การเข้าถึง phpMyAdmin, Backup and Restore และการล็อกอินหน้าเว็บ WordPress แบบ 1-click
บทสรุป
GridPane เหมาะกับคนที่ต้องการรีดประสิทธิภาพเว็บและมีความรู้พื้นฐานอยู่พอควร แม้ว่าจะดูเหมือนราคาสูงแต่ถ้าเทียบกับคู่แข่งที่คุณสมบัติใกล้เคียงกัน ก็จะพบว่า GridPane ถูกและตั้งค่าได้ดั่งใจกว่า สามารถปรับลดเพิ่มในแต่ละส่วนได้ละเอียด และถ้าทำหลายเซิร์ฟเวอร์เมื่อหารเฉลี่ยต้นทุนก็จะยิ่งคุ้มค่า แต่ถ้าคุณเป็นพวกลุยเดี่ยว ไม่ได้มีหลายเซิร์ฟเวอร์ การเลือกใช้ CloudWays ก็อาจจะสะดวกกว่าครับ
