รีวิว HUAWEI MatePad Air แท็บเล็ตที่ครบทั้งความแรง ความบันเทิง และการทำงาน
นับว่าเป็นปีที่หัวเว่ยประสบความสำเร็จด้านแท็บเล็ตเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะออกมากี่รุ่นก็ขายดิบขายดี แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีรุ่น HUAWEI MatePad Air มาส่งท้ายปี ด้วยความเบาและแรง กับหน้าจอที่คมชัดและตอบสนองไว พร้อมทั้งแป้นพิมพ์และปากกา M-Pencil ที่ใช้จดบันทึกควบคู่กับ HUAWEI Notes ได้เป็นอย่างดี ครอบคลุมการใช้งานแทบทุกรูปแบบ
โปรโมชั่น HUAWEI MatePad Air ( 8+256 GB LTE )
HUAWEI MatePad Air (8+256GB LTE) วางขายในราคา 22,990 บาท โดยสามารถพรีออเดอร์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 – 12 มกราคม 2567
รับทันที HUAWEI Smart Keyboard มูลค่า 4,990 บาท HUAWEI M-Pencil (รุ่นที่ 2) มูลค่า 4,490 บาท HUAWEI Bluetooth Mouse มูลค่า 1,490 บาท HUAWEI FreeBuds Pro 2 มูลค่า 6,499 บาท และ WeTV VIP 3 เดือน มูลค่า 429 บาท (100 สิทธิ์แรก) ช่องทางการสั่งซื้อ Lazada: https://bitly.ws/37bsa
สเปคแรงทุกส่วน และโทรได้
HUAWEI MatePad Air ถือเป็นรุ่นที่จัดเต็มสเปคมาให้แบบสุดหลอดแทบทุกด้าน เริ่มจากชิปเซ็ต Snapdragon 888 แรม 8 GB หน่วยความจำภายใน 256 GB ภายใต้การควบคุมของ HarmonyOS 3.1 ที่รีดประสิทธิภาพออกมาได้เป็นอย่างดี
หน้าจอขนาด 11.5 นิ้ว กับขอบเขตสีระดับ P3 และรีเฟรชเรท 144Hz ที่แสดงสีสันได้ครบถ้วนทุกเฉดและเคลื่อนไหวอย่างลื่นไหลเนียนตา นอกจากนี้ยังมีความละเอียด 2.8K ( 2800 x 1840 ) หรือคิดเป็นความหนาแน่น 291 PPI ซึ่งสูงสุดในบรรดาแท็บเล็ตของหัวเว่ย ระบบเสียงก็ไม่น้อยหน้า ให้ลำโพงมา 4 ตัวเน้นๆ พร้อมกับไมค์อีก 4 ตัวเพื่อความคมชัดในการสนทนา และยังรองรับ Wi-Fi 6 รวมถึงการเชื่อมต่อหูฟัง 2 ชุดได้พร้อมกัน
กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มุมกว้าง 105 องศา รูรับแสง f/2.2 , fixed focal length กล้องหลัง 13 MP รูรับแสง f/1.8 , AF
เนื่องจากรุ่นนี้สามารถใส่ซิมเล่นเน็ตได้ และยังสามารถใช้โทรได้เหมือนมือถือด้วย ส่วนแบตเตอรี่ 8300 mAh พร้อมระบบชาร์จเร็ว 40W ให้ใช้กันแบบไม่อึดอัด แม้จะจัดเต็มทุกด้าน แต่ตัวเครื่องกลับมีความบางเพียงแค่ 6.4 มม. และมีน้ำหนักเบา 518 กรัม
ทำงานได้ทุกที่เหมือนมี Workstation ขนาดพกพา
หลายคนที่ได้ใช้หน้าจออัตราส่วน 3:2 ก็มักจะชื่นชอบ เพราะแสดงผลแนวตั้งได้เยอะกว่า โดยเฉพาะการใช้งานบนอุปกรณ์ที่มีหน้าจอขนาดเล็กอย่างแท็บเล็ต เวลาเปิดเอกสารอย่าง Excel ก็เห็น Row เยอะกว่าหน้าจอ 16:9 หรือการเข้าเว็บก็แสดงเนื้อหาได้เยอะกว่า เช่นกันกับแอปอื่นๆ ก็มีพื้นที่แสดงผลมากกว่า
การติดตั้งแอปต่างๆ สามารถโหลดได้จาก AppGallery แต่ถ้าต้องการใช้งานแอปที่ผูกกับ Google ก็สามารถติดตั้งตัวช่วยอย่าง Gbox หรือ microG service ก็ได้ ( ชื่อเดิมคือ Lighthouse ) ดังนั้นในทางปฏิบัติแล้วสามารถใช้งานได้แทบทุกสิ่งแบบไม่ติดขัด
ส่วนตัวแล้วผมเน้นการทำงานผ่านหน้าเว็บ ซึ่งผมแนะนำให้ใช้ Kiwi Browser เนื่องจากเป็น Web Browser ที่ใกล้เคียงกับบนคอมพิวเตอร์มากๆ สามารถติดตั้ง Chrome Extension ได้ด้วย แม้แต่การเล่น Facebook ผมก็แนะนำว่าควรเล่นผ่านเว็บจะดีกว่า เนื่องจากตัวแอปของเฟซบุ๊คแสดงผลบนแท็บเล็ตได้ไม่ดีเท่าไร
แป้นพิมพ์ของแท็บเล็ตหัวเว่ยมีจุดเด่นตรงที่สามารถถอดแยกชิ้นกับจอ และยังสามารถพิมพ์ได้ เหมาะกับการปรับเปลี่ยนท่าทางการนั่ง เพื่อลดอาการ Office syndrome และยังมี M-Pencil สำหรับขีดเขียนจดบันทึกได้ทันที
เราสามารถใช้ M-Pencil ลากจากมุมบนขวา เพื่อเข้าสู่ทางลัดในการทำ annotation และ screenshot ซึ่งเหมาะมากกับการจัดการไอเดียหรือการ comment งาน เช่นการแคปจอแล้วลากๆ วงๆ เพื่อส่งต่อให้ทีมแก้ไขชิ้นงาน
สำหรับการจดบันทึกหรือวาดเขียนร่ายไอเดีย ก็มีแอป HUAWEI Notes พร้อมเครื่องมือพื้นฐานครบถ้วน ไม่จำเป็นต้องซื้อเพิ่ม และยังมีฟีเจอร์ดูดสีจากแอปอื่นได้ด้วย เหมาะกับการทำงานดีไซน์มากๆ เมื่อใช้งานร่วมกับ M-Pencil ก็สามารถจดบันทึกได้อย่างเป็นธรรมชาติ
Content Creator เป็นอีกกลุ่มที่ทำงานกับรุ่นนี้ได้สะดวก เนื่องจากแอป CapCut สามารถแสดงผลการตัดต่อได้คล้ายกับบนคอม ทำให้ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น และถ้าถ่าย Content ที่เน้น Story การใช้กล้องของ HUAWEI MatePad Air ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ จบได้ในเครื่องเดียว
ด้านงานเอกสารก็สามารถใช้ Microsoft365 ที่มี Word, Excel, PowerPoint ได้ หรือจะใช้ WPS ก็ได้เช่นกัน และที่น่าสนใจคือกล้องของรุ่นนี้มีระบบ FollowCam ที่จะทำการแพนและซูมเพื่อให้เราอยู่ในเฟรมตลอดเวลา โดยสามารถเปิดฟีเจอร์นี้ได้ใน Accessibility features เมื่อใช้ควบคู่กับการประชุม VDO Conference พร้อมกับไมค์ 4 ตัวและลำโพง 4 ตัว ก็ทำให้การสื่อสารเป็นไปอย่างราบรื่นมากๆ
ความบันเทิง
ด้วยหน้าจอขนาด 11.5 นิ้ว ที่แสดงผลได้คมชัดสวยงาม ทำให้การดูหนังฟังเพลงเป็นสิ่งที่เพลิดเพลินมาก และการถอดแยกชิ้นแป้นพิมพ์ออกมา ก็ทำให้เราสามารถวางตั้งจอไว้ห่างตัว และควบคุมผ่านแป้นพิมพ์ได้ หรือจะต่อเมาส์เพิ่มก็สะดวกเข้าไปอีก
ความน่าสนใจอีกอย่างก็คือรุ่นนี้รองรับการเชื่อมต่อหูฟังหัวเว่ย 2 ชุดพร้อมกัน เหมาะมากกับการที่เราจะเปิดหนังดูกับแฟน โดยไม่ต้องการให้เสียงออกมารบกวนคนรอบข้าง และ HUAWEI MatePad Air รองรับ Wideview L1 สามารถดู Netflix ความละเอียด Full HD ได้ด้วย เสียงที่ได้จากลำโพงทั้ง 4 น่าประทับใจมาก เสียงคมชัดฟังได้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการดูหนังหรือฟังเพลง
ส่วนคอเกมที่ชื่นชอบความเถิดเทิงตระการตา การหยิบ HUAWEI MatePad Air มาเล่นด้วยมือทั้งสองก็ให้การควบคุมที่เต็มข้อและเต็มตากว่า
บทสรุป
แม้ว่าแท็บเล็ตของหัวเว่ยจะขายดีทุกรุ่น ซึ่ง Line up ในปี 2023 ที่ผ่านมาถือว่าคุ้มค่าตอบโจทย์คนส่วนใหญ่ แต่ผมเป็นคนที่ชอบอุปกรณ์ชิ้นเดียวจบ อยากได้เครื่องแรง ดีไซน์ดี ใส่ซิมเล่นเน็ตและโทรได้ และการมาของ HUAWEI MatePad Air ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ครบถ้วนทุกสิ่งที่ผมต้องการแบบไม่รู้จะติอะไรเลย