รีวิว Galaxy S24 Ultra สรุปประสบการณ์ใช้งานจริง

Samsung Galaxy S24 Ultra เป็นรุ่นที่ผมได้มีโอกาสลองใช้งานตั้งแต่ก่อนวางขายจริง ซึ่งการเปลี่ยนมาใช้ Generative AI ในการขับเคลื่อนระบบ ถือเป็นการยกระดับวงการมือถือขึ้นไปอีกขั้น จากที่ก่อนหน้านี้ HUAWEI ได้ใช้ AI เข้ามาเรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานให้เครื่องเร็วตลอดเวลา และทำให้กล้องเก่งขึ้น นั่นทำให้ Galaxy S24 Ultra มีความน่าสนใจอยู่หลายส่วน

ก่อนจะมาทำรีวิวชิ้นนี้ ผมค่อนข้างกังวลไม่น้อย เนื่องจากถ้าอิงความเห็นผมเพียงคนเดียวแล้ว ดูเหมือนหลายสิ่งมันดูแปลกเกินไป จนต้องสุมหัวรีวิวเพื่อฟังความเห็นเพื่อนๆ ที่ได้ลองเล่นก่อนวางขายด้วยกัน

หลังจากคลิปนั้นออกไป ผมก็ได้ใช้งานต่อเพื่อให้มีประสบการณ์ร่วมกันมากขึ้น จนตกผลึกออกมาเป็นความเห็นตามคลิปนี้

Galaxy AI

ในภาพรวมแล้วส่วนของ Galaxy AI ที่ผมประทับใจและใช้งานได้จริงคือ Summarize ผ่านตัว Samsung Browser ที่ทำการสรุปเนื้อหาต่างๆ ซึ่งประมวลผลเร็วและได้ผลลัพธ์ที่กระชับแม่นยำ ต้องบอกว่าจะหา AI เก่งๆ แบบนี้ไม่ง่ายเลย

ก่อนหน้านี้ผมใช้ AI ในการสรุปบทความอยู่ 2-3 ตัว

  • Arc Browser สรุปได้กระชับตรงประเด็น ประมวลผลไว แต่มีเฉพาะบนคอม
  • Co-Pilot ไม่ฉลาด เยิ่นเย้อ ประมวลผลช้า
  • HARPA AI สรุปเป็นประเด็นเยอะเกินไป ประมวลผลไว

มันทำให้เห็นว่า Galaxy AI ในส่วนของ Summarize ทำงานได้น่าประทับใจสุดๆ แต่ส่วนที่ผมมองว่าใช้งานจริงไม่ได้คือทุกสิ่งอย่างที่เกี่ยวกับการถอดเสียง ไม่ว่าจะเป็นการแปลภาษาสำหรับการโทร หรือการถอดเสียงจากไฟล์ที่บันทึก

ประเด็นคือภาษาไทยคือสิ่งที่ยากสำหรับ AI ในตอนนี้ เพราะเป็นภาษาที่ลูกเล่นทางคำศัพท์เยอะ และมีการผันวรรณยุกต์อีก แค่เสียงสูงเสียงต่ำความหายก็เปลี่ยนแล้ว นั่นทำให้การถอดคำเป็นข้อความเลยผิดพลาดเยอะ และที่สำคัญคือเราต้องกดเลือกว่าไฟล์เสียงเป็นภาษาอะไร ซึ่งโดยทั่วไปแล้วคนไทยมีการยืมศัพท์จากต่างชาติมาพอควร นั่นทำให้ AI พยายามเอาเสียงนั้นเทียบกับศัพท์ไทยจนผิดเพี้ยน

ผมลองเอาไปใช้ในสถานการณ์จริงที่เป็นการเปิดตัวสินค้าไอทีเกี่ยวกับการ์ดจอ สิ่งที่ Galaxy AI ถอดเทปออกมาก็ผิดเพี้ยนไปเยอะเลย ผมให้ความแม่นยำอยู่ระหว่าง 60-90% แล้วแต่ความยากง่ายของเสียงต้นทาง ซึ่งความแม่นยำระดับนี้ไม่สามารถเอาไปใช้อะไรได้เลยในความเป็นจริง มันเหมือนผู้ช่วยที่ฟังไม่ได้ศัพท์แล้วพยายามเดาเอง ทำให้ความน่าเชื่อถือค่อนข้างต่ำ

แต่อีกส่วนที่ทำได้ดีก็คือ AI ที่ฝังอยู่ใน Samsung keyboard โดยเฉพาะการเรียบเรียงประโยคใหม่ ที่จะช่วยแปลงข้อความให้ออกมาเหมาะกับสถานการณ์แต่ละแบบเช่น ประโยคสุภาพ, ประโยคพูดคุยสบายๆ, ประโยคลงโซเชียล ฯลฯ ในการใช้งานจริงมันอาจไม่มีประโยชน์นักถ้าใช้กับภาษาไทย เพราะเราเก่งกว่า AI แต่มันเหมาะกับการช่วยเรียบเรียงภาษาที่เราไม่ถนัด เพื่อคุยกับชาวต่างชาติ

ส่วนสุดท้ายคือ AI Photo Editor ซึ่งหน้าที่หลักคือการถมเติมส่วนที่ขาด เช่น เราย้ายวัตถุไปอีกที่หรือทำการขยายขอบเขตรูป มันก็จะช่วย Generate ภาพมาถมส่วนที่ขาดไป ซึ่งทำได้ดีพอตัว

ดีไซน์

จุดที่น่าสนใจเป็นพิเศษสำหรับการดีไซน์ คือหน้าจอที่เปลี่ยนมาใช้แบบแบน ขอบไม่โค้ง จอที่คนส่วนใหญ่ชอบเพราะติดฟิล์มง่าย แต่สิ่งที่เด่นกว่านั้นคือเทคโนโลยีการผลิตที่ทำให้หน้าจอมีแสงสะท้อนน้อยลง โดยเครื่องด้านซ้ายคือ Galaxy S24 Ultra ส่วนเครื่องขวาคือ Galaxy S23 Ultra ที่ไม่แกะฟิล์ม ( ถามว่าทำไมไม่แกะ… เจ้าของไม่ให้แกะครับ ๕๕๕ )

รีวิว Galaxy S24 Ultra สรุปประสบการณ์ใช้งานจริง 9

อีกจุดคือช่องเสียบปากกา S-Pen ที่นูนออกมาจากตัวเครื่องที่บางคนบ่น แต่บางคนก็ชอบเพราะมันช่วยให้กดง่ายขึ้น ไม่ต้องใช้เล็บจริง โดยเฉพาะคนที่ใส่เคสก็ไม่ต้องกดลึกเกินไป

รีวิว Galaxy S24 Ultra สรุปประสบการณ์ใช้งานจริง 11

S-Pen

เรื่องปากกาต้องยอมรับว่าซัมซุงเค้าคือเจ้าตลาด การทำ Software ต่างๆ ออกมารองรับถือว่าลงตัวมากๆ และเรายังสามารถโบกสะบัดเพื่อควบคุมเครื่องได้เช่นเดิม

รีวิว Galaxy S24 Ultra สรุปประสบการณ์ใช้งานจริง 13

กล้อง

สิ่งที่ขัดใจหลายคนที่สุดก็คือเรื่องกล้องนี่แหละครับ พอเปลี่ยนมาพึ่งพา AI เป็นหลัก แต่ AI มันยังเหมือนเด็กแบเบาะที่ยังไม่ได้มีฐานข้อมูลประสบการณ์มากนัก ทำให้หลายๆ ครั้งมันก็ประมวลผลผิดพลาด อย่างเช่นรูปนี้ที่ผมกดถ่ายด้วย Portrait mode แล้วมันดันมองว่าแว่นเป็นฉากหน้าและใบหน้าคือฉากหลัง …ซึ่งมันไม่ได้ error แบบนี้บ่อย แต่มันก็ทำให้เราไว้ใจมันไม่ได้ ไม่เหมือนตอน Galaxy S23 Ultra ที่ประมวลผลจากชุดเลนส์และ Software เป็นหลัก

รีวิว Galaxy S24 Ultra สรุปประสบการณ์ใช้งานจริง 15

ด้านการซูมที่เปลี่ยนชุดเลนส์จากรุ่นเก่าที่ใช้ 10x แท้ๆ เป็น 5x และใช้ AI เข้ามาช่วย ทำให้คุณภาพโดยรวมในการซูมลดลง ถ้าซูมไม่เกิน 30x ก็ถือว่าสูสีกับ Galaxy S23 Ultra แล้วแต่สถานการณ์ว่าใครเก่งกว่า ซึ่ง Galaxy S24 Ultra เหมือนว่าถูกเทรนด์ให้ถ่ายคนได้ดีกว่าสิ่งอื่นๆ แต่ถ้าเป็นระยะไกลๆ จนถึง 100x จะเห็นได้ชัดว่า Galaxy S23 Ultra ทำได้ดีกว่า และหลายๆ ครั้งที่ AI ของ S24 Ultra พยายามแต่งเติมภาพจนผิดเพี้ยน เช่น เห็นเมฆเป็นตัวอาคาร

และที่อาการหนักเลยก็คือการถ่าย sunset หรือพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งเป็นที่นิยมของหลายคน เมื่อ AI เข้ามามีบทบาทแต่ยังไม่เก่งพอ ทำให้บ่อยครั้งมีการแต่งเติมสีจนผิดเพี้ยนไป ถ้าเทียบกับ Galaxy S23 Ultra จะเห็นว่าหลายๆ ครั้งรุ่นเก่าทำได้ดีกว่า

จุดถัดมาคือคาแรกเตอร์ภาพที่เปลี่ยนไป จากเดิมจุดขายของซัมซุงคือภาพจะมีสีสันที่ฉูดฉาดจัดจ้านหน้าเนียน ถ่ายแล้วพร้อมอัพ แต่รุ่นนี้หลายคนลงความเห็นว่าคล้ายภาพจาก iPhone เพราะมีความเรียลสมจริงมากขึ้น มากในระดับที่แฟนๆ ซัมซุงอาจไม่ปลื้มกับความดิบนี้ เพราะสิวฝ้าหน้าหลุมมาครบ ถ่ายอาหารก็จืดๆ ไม่ดึงดูดเท่าแต่ก่อน

การถ่ายอาหารจะไม่จัดจ้านมากนัก แต่ก็ไม่จืดไม่ซีด ซึ่งผมมองว่าโอเค แต่บางคนก็มองว่าไม่ดึงดูดเท่าแต่ก่อน

การถ่ายบรรยากาศตึกอาคาร บ้านเรือน ต้นไม้ ท้องฟ้า ต่างๆ ทำออกมาได้ดี สีสันลงตัว ไม่จัดจ้านเกินไป

โดยรวมแล้วการถ่ายรูปก็ออกมาดี เพียงแต่คาแรกเตอร์เปลี่ยนไปคล้ายกับ iPhone และ AI ยังมีความผิดพลาดเอาแน่เอานอนไม่ได้ ต้องกดเช็ครูปทุกครั้งที่ถ่าย แต่การถ่ายวีดีโอจัดว่าดีมาก เรียกได้ว่าดีที่สุดในตอนนี้เมื่อเทียบกับ Android ทั้งหมดก็ว่าได้ ทั้งเรื่องเนื้อไฟล์ ความละเอียด ระบบกันสั่น

ประสิทธิภาพและความร้อน

รุ่นนี้แรงเร็วครับ ไม่เคยเจอปัญหาเครื่องช้าหรืออืดเลย แม้กระทั่งการเล่นเกม แต่ปัญหาคือมันร้อนเร็วและลวกมากๆ โดยเฉพาะเมื่อเจอกับอากาศเมืองไทย มันสามารถร้อนทุกฝาหลังและหน้าจอได้เลย

บทสรุป

แม้จะยังมีความผิดพลาดพอตัว แต่ผมมองว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี และปัญหาส่วนใหญ่อยู่ที่ Software ดังนั้นก็มีลุ้นว่าถ้าอัพเดทก็อาจจะดีขึ้นก็ได้ ยังถือว่าเป็นอีกรุ่นที่เก่งรอบด้านน่าใช้ครับ