
รีวิว Alldocube iPlay50 mini แท็บเล็ตโทรได้จอ 8.4 นิ้ว ไม่มีแอปขยะ 3,990 บาท
ช่วงนี้ผมอยากหาแท็บเล็ตราคาไม่แพงสำหรับอ่านนั่นนี่ก่อนนอน โดยมีโจทย์คือขนาดต้องถือสะดวก หน้าจอสวย ใช้จริงลื่นไหล และราคาไม่เกิน 5,000 บาท นั่นทำให้ผมได้ลอง Alldocube iPlay50 mini ในราคา 3,990 บาทเท่านั้น ซึ่งราคานี้เป็นของศูนย์ไทยนะครับ
สเปคและดีไซน์
แน่นอนว่าแท็บเล็ตหรือมือถือราคานี้เราก็จะซีเรียสกับสเปคนิดนึง เพื่อให้มั่นใจว่าใช้งานได้ลื่นไหล ซึ่งรุ่นนี้ใช้ชิป Unisoc T606 แรม 4 GB พื้นที่ 64 GB แบตเตอรี่ 4000mAh น้ำหนัก 292 กรัม ชาร์จแบบ USB-C และมีช่องเสียบหูฟัง การเชื่อมต่อทำได้แบบ 4G และตัว Wi-Fi ก็รองรับสัญญาณ 5GHz ด้วย กล้องหน้าและหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ซึ่งการใส่ซิมได้มันสำคัญมากกับลูกค้ากลุ่มนี้ เพราะมันทำให้สามารถใช้งานแอปธนาคารได้เลย ไม่ต้องซื้อมือถือเพิ่มอีกเครื่องครับ

ด้านการดีไซน์มีจุดน่าสนใจตรงช่องเสียบชาร์จอยู่ด้านบนของเครื่อง ซึ่งอุปกรณ์ส่วนใหญ่จะอยู่ด้านล่าง มันก็เลยดูแปลกนิดนึงแต่ไม่ได้มีปัญหาในการใช้งานครับ เช่นกันกับที่เสียบหูฟังก็อยู่ด้านบนเช่นกัน

การใช้งานตัวเครื่องถูกออกแบบให้ใช้งานแนวตั้งเป็นหลัก เสมือนมือถือจอใหญ่ 8.4 นิ้ว ความละเอียด FHD แบบ IPS ซึ่งสีสันของจอจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเลย มองแล้วไม่ปวดตา สำหรับผมรู้สึกว่าถือมือเดียวได้สะดวกครับ เหมาะมากกับการถืออ่านสคริปพิธีกร หรืออ่านนั่นนี่ก่อนนอน เพราะจอใหญ่อ่านง่ายแต่ก็ไม่ใหญ่เกินไปจนหนักมือ

ตัวปุ่มต่างๆ ก็ตามราคาครับ ไม่ได้ให้ความรู้สึกแน่นหนามากนัก แต่ก็กดใช้งานได้ ซึ่งฟิลลิ่งในการกดจะดีขึ้นเมื่อใส่เคสคลุมปุ่มครับ แต่ประเด็นสำคัญคือการดีไซน์ตำแหน่งปุ่มมันวางปุ่ม Power ไว้ด้านบน ตามด้วยปุ่มปรับเสียง ซึ่งมันสลับกับมือถือส่วนใหญ่ เลยจะงงหน่อยๆ ในช่วงแรก

ตัวเคสไม่ต้องซื้อเพิ่มนะครับ มีแถมมาให้เลย และแบ่งเป็น 2 แบบใหญ่ๆ คือเคสนิ่มคลุมเฉพาะด้านหลัง กับแบบที่มีฝาปิดด้านหน้าด้วย ซึ่งฝาปิดด้านหน้าก็มีให้เลือกหลายสีครับ แต่รุ่นนี้ไม่มีเซ็นเซอร์เปิดปิดหน้าจออัตโนมัติเวลาปิดฝาเคสนะครับ แต่ผมมีวิธีประยุกต์ใช้อยู่ในหัวข้อถัดไป

ถ้าแกะกล่องแล้วไม่เจอ Adapter ก็ไม่ต้องกังวลนะครับ เค้ามีแถมให้แยกมาอีกชิ้น ซึ่งมันดีมากสำหรับคนซื้อแท็บเล็ตราคานี้
รอมคลีน ใช้จริงลื่นเกินคาด
การเปิดใช้งาน ALLDOCUBE iPlay 50 mini ในครั้งแรกทำให้ผมประหลาดใจ เพราะมันลื่นไหลอย่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่าสเปคจะไม่สูงนัก แต่ ALLDOCUBE กลับรีดประสิทธิภาพออกมาได้ดีมาก แต่แน่นอนว่ามันคงจะไม่ลื่นเท่ามือถือราคาหลักหมื่น โดยเราจะเห็นว่าแอนิเมชั่นบางอย่างยังมีหน่วงอยู่บ้าง แต่การใช้งานโดยรวมถือว่าลื่นไหลดีเลย
สิ่งที่ผมประทับใจมากเลยก็คือ ALLDOCUBE iPlay 50 mini มากับรอมที่คลีนจริงๆ คลีนแบบไม่มีแอปอื่นใดนอกจาก Google เลย ซึ่งนี่เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เครื่องลื่นไหลกว่าปรกติเมื่อเทียบที่สเปคเดียวกัน เพราะมันไม่มีการยัดขยะอื่นใดมาเพิ่มภาระการประมวลผลนั่นเอง

ตัว OS มาพร้อม Android 13 ซึ่งอัพเดทระบบต่างๆ ได้ถึงปัจจุบัน ยกเว้น Security Update ทำได้ถึงปี 2023 เท่านั้น แต่ด้วยราคาระดับนี้ผมรับได้ครับ จุดสำคัญคือรุ่นนี้มีระบบ Virtual RAM หรือการจำลองแรมเสริม ซึ่งมันช่วยได้เยอะมากสำหรับ ALLDOCUBE iPlay 50 mini ที่มีแรม 4 GB ซึ่งผมเปิดแรมเสริมแบบสุดเลย เปิดได้เท่าไรก็เอาสุดเท่านั้น มันทำให้เปิดแอปได้เยอะขึ้นโดยไม่โดนระบบเคลียร์ทิ้งจากแรม ทำให้เวลาสลับแอปไปมาจะได้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีกว่า
หลังจากติดตั้งแอปโซเชียลต่างๆ และแอปที่ผมใช้งานจริง โดยรวมก็ยังลื่นไหลใช้งานได้แบบไม่ติดขัด อย่างไรก็ตาม แม้จะใช้งานทั่วไปได้ลื่นไหลดี แต่ด้วยสเปคระดับนี้ผมก็ไม่แนะนำให้เอาไปเล่นเกมครับ มันอาจจะเล่นได้กับเกมที่มีความต้องการสเปคต่ำๆ แต่ถ้าเกมตลาดนิยมทั้งหลาย ส่วนมากจะเล่นไม่ไหวครับ
รองรับ Windvine L1 ดู Netflix ระดับ HD
แม้ว่าราคาจะถูกมากแต่ ALLDOCUBE iPlay 50 mini ก็รองรับ Windvine L1 นั่นทำให้สามารถดูแอปสตรีมมิ่งได้ในระดับ HD แต่ประเด็นก็คือลำโพงของรุ่นนี้ไม่ได้หรูหรามากนัก เสียงก็ไม่ได้ดังมาก อยู่ในระดับที่ถือฟังได้ยินสบายๆ แต่จะหวังว่าให้สู้เสียงแวดล้อมคงไม่ไหว ส่วนคุณภาพเสียงก็ไม่ถึงกับเคลียร์ แต่ก็ฟังรู้เรื่อง ดังนั้นหากต้องการประสบการณ์ด้านความบันเทิง ผมแนะนำให้ต่อลำโพงหรือหูฟังน่าจะดีกว่า
ใส่ซิมโทรได้
หนึ่งในคำถามสำคัญสำหรับแท็บเล็ตโทรได้ขนาด 8.4 นิ้ว ก็คือมันแนบหูโทรได้ไหม หรือเสียงจะออกทางลำโพงอย่างเดียว ซึ่งรุ่นนี้จะให้เสียงออกทางลำโพงเท่านั้น ถ้าอยากจะใช้ให้ได้อารมณ์เหมือนมือถือ ผมแนะนำให้ใช้คู่กับหูฟังครับ ส่วนถาดซิมเป็นแบบซิมคู่ และยังสลับเป็นการใส่ microSD เพิ่มเมมได้

กล้องดีพอที่จะสแกนจ่ายเงิน
กล้องหน้าและหลังไม่ใช่จุดเด่นของรุ่นนี้ มันสามารถถ่ายเก็บรูปได้ทั่วไป เหมาะกับการใช้เพื่อสื่อสารมากกว่าจะเน้นความสวยงาม แต่ถ้าเอาไปใช้กับการสแกน QR เพื่อจ่ายเงิน ก็ทำได้ดีครับ ถือว่าสแกนเร็วพอตัว

สิ่งที่ผมประยุกต์ใช้
ด้วยความที่ราคาสุดคุ้มแบบนี้ ทำให้เค้าตัดเซ็นเซอร์บางอย่างออกไป เช่น เซ็นเซอร์วัดแสง ซึ่งผมอยากหาวิธีใช้งานโดยไม่ต้องกดปุ่ม Power เลยตั้งค่า Lift to Wake ซึ่งอยู่ในตัวการตั้งค่าของเครื่องอยู่แล้ว นั่นทำให้การหยิบเครื่องปุ๊บจอก็ติดเอง และผมก็ติดตั้งแอป Gravity Screen – On/Off และเลือกตั้งค่าให้ทำการปิดหน้าจอถ้าวางราบกับโต๊ะ หรือหันหัวเครื่องลง ทำให้เวลาผมถือเดินหรือใส่กระเป๋า หรือวางบนโต๊ะ มันก็จะปิดจอ ซึ่งเมื่อใช้งานจริงก็ทำให้ผมไม่ต้องกดปุ่ม Power เลย

นอกจากนี้มันยังสามารถติดตั้งแอป Gemini และเรียกใช้งานผ่านปุ่ม Power ได้ด้วย นั่นทำให้เราสามารถใช้ความสามารถของ Gemini Advance เช่นการสรุปเนื้อหาจากคลิปบน YouTube ได้ด้วย
ช่องทางการสั่งซื้อและบริการหลังการขาย
Alldocube iPlay50 mini มาพร้อมกับการรับประกัน 1 ปี สามารถซื้อได้ที่ร้านค้าชั้นนำและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ รวมถึงร้านค้าออนไลน์ตามนี้ครับ
ความเห็นเพิ่มเติม
ALLDOCUBE อาจไม่คุ้นหูคนที่เล่นแบรนด์ใหญ่ แต่ถ้าเป็นสายประหยัดคุ้มค่าแล้ว นี่เป็นแบรนด์ที่คนคุ้นชินมาก ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลักคือวัยรุ่นที่ต้องการอุปกรณ์ราคาประหยัด รวมไปถึงคนสูงวัยที่ชอบมือถือจอใหญ่ สามารถติดตั้งแอปของรัฐบาลเพื่อใช้สิทธิ์ต่างๆ ได้ เช่น เป๋าตัง แอปธนาคารต่างๆ และสแกน QR เพื่อทำการจ่ายเงินได้ และอีกกลุ่มที่เป็นฐานลูกค้ารุ่นนี้คือร้านอาหาร ประเภทที่ว่าใช้แท็บเล็ตรับออเดอร์ลูกค้านั่นแหละครับ

สำหรับผมแล้ว เวลาอยู่บ้านผมมักจะถือ ALLDOCUBE iPlay 50 mini ติดมือตลอด ไม่ว่าจะตอนกินข้าว ตอนก่อนนอน หรือแม้แต่ตอนเข้าห้องน้ำ เพราะขนาดมันพอเหมาะถืออ่านนั่นทำนี่ได้สะดวกมากครับ