ในช่วงที่ฝุ่นควันถล่มกรุงเทพและผู้คนวิตกกับ PM 2.5 หลายคนก็สรรหาวิธีเอาตัวรอดไม่ให้สุขภาพพัง ไม่ว่าจะเป็นการหาซื้อหน้ากากมาสวมหรือหาเครื่องกรองอากาศมาใช้ ซึ่ง AIR+ Smart Mask ก็เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยป้องกันฝุ่นโดยที่ไม่สร้างความอึดอัดหายใจลำบาก
หน้ากากของ AIR+ Smart Mask ไม่ได้มีเพียงอย่างเดียว และถ้าให้แบ่งประเภทสินค้าของ AIR+ Smart Mask อย่างง่ายก็คือ
- หน้ากาก N95
- หน้ากาก N95 พร้อมวาล์ว
- หน้ากาก N99 พร้อมวาล์ว
- ปั๊มลมระบายอากาศ
ซึ่งหน้ากากแต่ละแบบก็มีให้เลือก 2 ขนาดได้แก่ M และ L เพื่อให้เหมาะกับขนาดใบหน้าของแต่ละคน และในครั้งนี้เราจะโฟกัสไปที่ตัวหน้ากาก N95 พร้อมวาล์ว และการใช้งานร่วมกับปั๊มลมระบายอากาศ
หน้ากากทั่วไปจะสร้างความอึดอัดและค่อนข้างร้อน ต่างจากการใช้งานหน้ากาก N95 พร้อมวาล์วของ AIR+ Smart Mask ที่ให้ความรู้สึกกระชับ เพราะโครงของหน้ากากสามารถกดให้กระชับเข้ากับใบหน้าและปรับสายได้ ที่สำคัญก็คือมีวาล์วช่วยระบายอากาศ เพื่อให้หายใจได้สะดวกยิ่งขึ้น นอกจากนี้ AIR+ Smart Mask ยังได้รับรางวัลการันตีหลายชิ้น
แต่ความสบายที่สร้างความแตกต่างจะเกิดขึ้นเมื่อเราได้ประกอบปั๊มลม AIR+ Micro Ventilator เข้ากับตัวหน้ากาก ซึ่งปั๊มลมนี้จะช่วยลดความร้อนและความอึดอัดภายใต้หน้ากาก ทำให้เรารู้สึกหายใจง่ายขึ้น
ความสะดวกอีกอย่างก็คือตัวปั๊มลมมีน้ำหนักเบามาก และประกอบเข้ากับหน้ากากง่ายมาก เพียงแค่หมุนฝาปิดวาล์วออกและประกอบปั๊มลมเข้าไปแทน นอกจากนี้ปั๊มลม AIR+ Micro Ventilator ยังใช้พลังงานจากการชาร์จผ่าน micro USB
โดยการชาร์จหนึ่งครั้งสามารถใช้งานได้ 2.5 ชั่วโมง นับว่าเป็นเรื่องที่สะดวกมาก เพราะโดยทั่วไปเราก็ใส่หน้ากากเฉพาะเวลาเดินทางเท่านั้น ซึ่งส่วนมากก็ใช้เวลาไม่เกิน 2.5 ชั่วโมง
ด้านราคาและร้านค้าก็หาซื้อได้ไม่ยาก เพราะมีขายออนไลน์ที่ intrendmall โดยมีราคาหน้ากากเฉลี่ยชิ้นละ 50-100 บาทแล้วแต่รุ่น ส่วนปั๊มลมมีราคาขายอยู่ที่ 1,250 บาท
ซึ่งราคาขนาดนี้เทียบกับสุขภาพที่ดีขึ้นและลดความเสี่ยงจากฝุ่นโดยที่หายใจไม่อึดอัด ก็นับว่าไม่แพงเลย ดีกว่าการเสียค่ารักษาตัวในกรณีที่เกิดป่วยขึ้นมา
ถึงแม้ฝุ่นละอองจะลดลงไปบ้าง แต่เมืองกรุงก็ยังเต็มไปด้วยฝุ่นควันจากการจราจร และผู้คนที่เบียดเสียดรวมถึงกลิ่นตัวคนรอบข้าง การหาหน้ากากมาใช้ระหว่างการเดินทางก็ยังนับว่าเป็นวิธีการที่น่าสนใจไม่น้อย
