เรื่องควรรู้ก่อนการปลูกผม ปัญหากวนใจสำหรับเส้นผมที่เลือนลาง

ปัญหาผมร่วง ผมบาง หัวล้าน หน้าผากสูง จัดเป็นเรื่องกวนใจของหลายคนที่มีผลต่อบุคลิกภาพและความมั่นใจ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่มีความกังวลเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย อธิบายง่ายๆ ว่าบ้านผมหัวล้านทั้งตระกูล และก็เคยลองหายานั่นนี่มาทาตามคำแนะนำของผู้ใหญ่แต่ก็ไม่ได้ผลเท่าที่ควร จนล่าสุดมีโอกาสได้เข้าไปปรึกษากับทางคลินิกปลูกผม MHC เลยอยากเอาข้อมูลและประสบการณ์มาแบ่งปันกันครับ

ปรึกษาเรื่องการปลูกผมที่ MHC

ผมเลือกปรึกษาที่ MHC ก็เพราะมีพี่ๆ ในวงการใช้บริการของที่นี่และได้รับผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ โดย MHC มีชื่อเต็มว่า Million Hair Transplant Center ที่เรียกได้ว่าก่อตั้งมาก็เพื่อปลูกผมโดยเฉพาะ ทำให้มีทีมงานที่เชี่ยวชาญมากที่สุดแห่งหนึ่ง

พิกัดคลินิกอยู่ที่โครงการ Nirvana at Work ถนนพระราม 9 หรือถ้าให้ผมอธิบายอีกแบบก็คือ รามคำแหง 24 แยก 2 ครับ ถ้าไปไม่ถูกก็ลองดูตามแผนที่ได้

หรือถ้าไม่มั่นใจก็สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมจากหน้าเว็บ https://millionhairtransplant.com ได้เลยครับ

ทำความเข้าใจการปลูกผม

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าการปลูกผมจัดอยู่ในการศัลยกรรมประเภทหนึ่ง ด้วยการยกเอาผมด้านหลังมาปลูกยังตำแหน่งที่หัวล้านหรือผมบาง โดยสาเหตุที่ต้องนำเส้นผมจากด้านหลังมาใช้ก็เพราะเส้นผมด้านเป็นจุดที่แข็งแรงที่สุด หรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่าเป็น Safe Zone ที่ไม่หลุดร่วงง่ายๆ หรือถ้าจะร่วงจริงๆ ก็จะร่วงเป็นส่วนสุดท้าย

ข้อแตกต่างของการปลูกผมแบบ FUT และ FUE

ถ้าเริ่มหาข้อมูลเรื่องการปลูกผม คุณจะเจออยู่ 2 คำคือ FUT และ FUE ซึ่งอธิบายสั้นๆ ก็คือ FUT เป็นการปลูกผมแบบผ่าตัด ส่วน FUE เป็นการเจาะเอาเฉพาะเส้น

จุดต่างของ FUT และ FUE สรุปแบบสั้นง่ายได้ดังนี้

• FUT เป็นการผ่าตัด เหมาะกับคนที่ต้องปลูกผมจำนวนมาก ใช้เวลาดำเนินการน้อยแต่ใช้เวลาพักฟื้นนานกว่า
• FUE เป็นการเจาะ เหมาะกับคนที่ปลูกผมไม่เยอะมาก ใช้เวลาดำเนินการนานกว่าแต่ใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่า

เรื่องสำคัญที่ต้องบอกก็คือ การปลูกผมเป็นการยกผมด้านหลังมาปลูกยังตำแหน่งที่ต้องการ นั่นหมายความว่าพื้นที่ต้นทางก็ย่อมเกิดแผลจากการผ่าตัดหรือเจาะด้วย ซึ่งการผ่าตัด FUT จะเกิดแผลตามแนวผมที่ผ่าตัด ส่วน FUE จะเป็นรอยเจาะแทน ซึ่งความชัดเจนของแผลก็ขึ้นอยู่กับบุคคลด้วย อย่างไรก็ตามแผลนี้ก็จะไม่มีใครเห็นเพราะถูกเส้นผมปกคลุมไว้ เว้นแต่โกนหัวจึงจะเห็นรอยแผลที่เกิดจากการปลูกผม

ขั้นตอนการปรึกษาและวิเคราะห์

หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ได้เปิดวีดีโอให้เข้าใจถึงรูปแบบ FUT และ FUE รวมถึงข้อความปฎิบัติต่างๆ ตอนนี้ก็ถึงขั้นตอนของการวิเคราะห์เส้นผม โดยคุณหมอจะนำกล้องมาส่องตามจุดต่างๆ บนหัว

จากนั้นจะมีข้อมูลและค่าต่างๆ แสดงบนหน้าจอ ซึ่งค่าเหล่านี้ช่วยบ่งบอกหลายอย่างเช่น ความแข็งแรงของเส้นผม, เส้นผมที่โดนผลกระทบจากพันธุกรรม, เส้นผ่านศูนย์กลางของเส้นผม ฯลฯ

หลังจากวิเคราะห์คุณภาพเส้นผมได้แล้ว ก็จะเริ่มวาดเส้นบริเวณที่ต้องการปลูกผม โดยที่คลินิก MHC ใช้หลักของ Facial Beauty และ Golden Ratio เข้ามาคำนวณ เพื่อให้ผลลัพธ์หลังจากปลูกผมมีรูปทรงและสัดส่วนที่สวยงามเหมาะกับใบหน้าเราที่สุด

โดยเราต้องหลับตาและใส่อุปกรณ์คล้ายแว่น ซึ่งอุปกรณ์นี้เปรียบเสมือนไม้บรรทัดวัดสัดส่วนที่สวยงามของใบหน้า แล้วคุณหมอก็จะเริ่มขีดเส้นออกแบบทรงผมที่ควรจะเป็น ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็จะออกมาเช่นนี้

ต่อไปก็เข้าสู่ขั้นตอนของการคำนวณจำนวนกราฟผม ซึ่งส่งผลโดยตรงกับราคาค่าปลูกผม วิธีการก็คือคุณหมอจะนำแผ่นพลาสติกใสแนบไปยังบริเวณที่ต้องการปลูกผมและเขียนทับบนแผ่นใส กรณีของผมต้องใช้ทั้งหมด 1,800 กราฟ

คำว่ากราฟ (Grafts) เป็นหน่วยสากลที่ใช้ในการปลูกผม โดย 1 กราฟมีเส้นผมจำนวน 1-4 เส้น

หลังจากคำนวณปริมาณกราฟเสร็จเรียบร้อย คุณหมอก็จะแนะนำว่าเราควรใช้วิธี FUT หรือ FUE ซึ่งในกรณีของผมที่ต้องปลูก 1,800 กราฟ สามารถเลือกได้ทั้ง 2 แบบเพราะถือว่าเป็นปริมาณที่ไม่เยอะมาก ผมเลยตัดสินใจเลือกแบบ FUE ที่เป็นการเจาะ เพราะแผลจะกระจายตัวและใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่า

ขั้นตอนสุดท้ายของการเข้ารับการปรึกษาที่ MHC ก็คือการถ่ายรูปทุกมุมเพื่อเก็บประวัติไว้ พร้อมกับให้คู่มือกลับบ้านเพื่อเตรียมตัวก่อนรับการผ่าตัด

ค่าดำเนินการและการดูแลหลังปลูกผม

ค่าปลูกผมของแต่ละคลินิกแตกต่างกันออกไป โดยที่ MHC มีค่าปลูกผมแบบ FUT กราฟละ 60 บาท และ FUE กราฟละ 80 บาท ซึ่งราคานี้รวมค่ายาและแชมพูแล้ว ไม่ต้องจ่ายเพิ่มแต่อย่างใด

ในกรณีของผมที่เลือกรับการปลูกผมแบบ FUE กับจำนวน 1,800 กราฟ ก็จะมีค่าใช้จ่ายทั้งหมดคือ 1,800 x 80 = 144,000 บาท (ราคา ณ วันที่เข้ารับการปรึกษา)

ในคู่มือที่ได้รับหลังจากการปรึกษาจะมีข้อมูลที่ควรรู้ทั้งหมด แต่ผมขอหยิบบางส่วนมาบอกเล่าเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นครับ

ในช่วง 4 วันแรกจะต้องใส่ Headband ไว้ทั้งวันทั้งคืน ถอดได้เฉพาะเวลาสระผมแต่ก็ไม่ควรถอดนานเกิน 20-30 นาที ระยะเวลาที่ต้องดูแลเป็นพิเศษคือ 1 สัปดาห์หลังจากการผ่าตัด สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ “เสื้อ” ที่ต้องเป็นเสื้อในลักษณะของการติดกระดุม ห้ามเป็นเสื้อที่สวมเข้าทางหัวเพราะอาจเกิดการกระทบกระเทือนกับเส้นผมที่ปลูกใหม่ได้ และห้ามนอนตะแคงหรือคว่ำหน้า และควรหาหมอนรูปตัว “C” มาใช้นอน เพื่อให้หมอนเว้าหลบส่วนที่ผ่าตัดด้านหลัง

นอกจากนี้ในช่วงสัปดาห์แรกยังห้ามยกของหนัก ห้ามก้มหัวต่ำกว่าเอวเพื่อป้องการแรงดันในหัว ห้ามอยู่ในที่อากาศร้อน ห้ามดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ห้ามออกกำลังกาย ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด ที่สำคัญคือห้ามลดน้ำหนักหรือคุมอาหารในช่วง 6 เดือนแรก เพราะมีผลกับการงอกของผมที่ปลูก

ส่วนแผลจะเริ่มตกสะเก็ดภายใน 2-3 วัน อาการแดงของผิวจะลดลงใน 2-3 สัปดาห์ และการสระผมในช่วงสัปดาห์แรกต้องใช้น้ำอุณหภูมิห้อง ห้ามใช้น้ำอุ่น ห้ามใช้น้ำที่มีแรงดันเยอะเกินไป และควรระวังไม่ให้น้ำฉีดเข้าบริเวณที่ปลูกผม

สิ่งสำคัญที่ต้องรู้คือ เส้นผมที่ปลูกใหม่จะเริ่มร่วงและจะเกิดใหม่หลังจากเดือนที่ 3 เป็นต้นไป และจะงอกสมบูรณ์ภายใน 6-12 เดือน

บทสรุปเรื่องควรรู้ก่อนการปลูกผม

ความจริงแล้วสิ่งที่ผมอยากแนะนำก็คือ การเข้าไปปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพราะคุณหมอจะเปิดโอกาสให้เราถามทุกสิ่งที่เราอยากรู้ และแม้ว่าจะมีขั้นตอนดูแลค่อนข้างเยอะในช่วงแรก แต่ผมก็มองว่าการปลูกผมยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับคนที่กังวลเรื่องบุคลิกภาพและความมั่นใจ

ถ้าย้อนไปดูรูปตั้งแต่สมัยเรียนจนถึงปัจจุบัน ทรงผมเกือบทั้งหมดที่ผมเลือกคือการยืดและหวีลงมาปิดเป็นหน้าม้า ซึ่งในช่วงแรกก็ทำเพราะชอบทรงนี้แต่นานๆ เข้าก็อยากเปลี่ยนทรงบ้าง แต่หวีไปทางไหนก็ไม่ถูกใจสักทีเพราะหน้าผากที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ทำให้เลือกทรงผมลำบากมาก นั่นทำให้ผมคิดว่าจะเข้ารับการปลูกผมอย่างแน่นอน

เรื่องราวหลังจากการปลูกผมจะเป็นอย่างไร ผมจะมาอัพเดทให้อ่านกันอีกทีนะครับ