รีวิว Xiaomi Mi MIX 3: สเปกโหดสะใจ จอไร้ขอบไร้ติ่งเต็มตา วัสดุเซรามิกหรูหรา ในราคา 18,999 บาท
ย้อนกลับไปเมื่อราว ๆ 2 ปีก่อน โลกของสมาร์ทโฟนก็ได้ก้าวเข้าสู่ยุคจอไร้ขอบ จอภาพอัตราส่วน 18:9 ได้เข้ามาเป็นมาตรฐานใหม่ของจอสมาร์ทโฟน (บางแบรนด์จะใช้อัตราส่วนที่แตกต่างจากนี้ไปบ้างเล็กน้อย) ทำให้เราได้เห็นหลากหลายแบรนด์ที่แข่งกันทำสมาร์ทโฟนจอไร้ขอบกันออกมามากมาย โดยพยายามทำให้อัตราส่วนของพื้นที่หน้าจอต่อตัวเครื่องมีมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่เทคโนโลยีก็มีข้อจำกัด กล้องหน้าและเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ยังต้องการที่ยืนบนสังคม เอ้ย!! ไม่ใช่… ต้องการที่ยืนบนหน้าจอ ตอนนี้เราก็เลยได้เห็นสมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอรอยบากหรือที่เรียกติดปากกันว่า “ติ่ง” ออกมามากมาย
แต่ถ้าหากย้อนกลับไปก่อนที่เทรนด์หน้าจออัตราส่วน 18:9 จะเริ่มถือกำเนิดขึ้นประมาณ 4 เดือน Xiaomi เองก็ได้ทำการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นหนึ่งที่มีขอบเครื่องบางและมีอัตราส่วนของหน้าจอต่อตัวเครื่องมากกว่าแบรนด์อื่น ๆ ในท้องตลาด ณ เวลานั้น นั่นก็คือ Xiaomi Mi MIX นั่นเอง
นับตั้งแต่วันที่ Mi MIX รุ่นแรกได้ถูกเผยโฉมต่อหน้าสาธารณชนอย่างเป็นทางการจนถึงตอนนี้ สมาร์ทโฟนตระกูล Mi MIX ก็ได้เดินทางมาจนถึงเจเนอเรชันที่ 4 แล้ว และถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของสมาร์ทโฟนตระกูล Mi MIX เช่นกัน เพราะจากรุ่นก่อน ๆ นั้นกล้องหน้าจะถูกนำไปไว้ตรงมุมขวาของขอบเครื่องด้านล่าง แต่ในรุ่น Mi MIX 3 นั้นจะไม่มีกล้องหน้ามาคอยกวนใจตรงบริเวณขอบเครื่องด้านล่างอีกต่อไป ทำให้ Mi MIX 3 มีอัตราส่วนของหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 93.4% เลยทีเดียว
Xiaomi Mi MIX 3 |
ก่อนที่จะพาไปชมรายละเอียดของตัวเครื่องนั้น เราขอคั่นรีวิวด้วยรายละเอียดของสเปกและการแกะกล่องเจ้า Mi MIX 3 กันก่อน
Highlight
- หน้าจอเต็มตา ไร้ขอบไร้ติ่งกวนใจ
- กล้องหน้าสไลด์ขึ้นลงด้วยระบบแม่เหล็ก
- ดีไซน์หรูหรา ด้วยฝาหลังเซรามิก
Specification
- ชิปเซ็ต Qualcomm® Snapdragon™ 845 AIE
- Ram 6 GB LPDDR4x
- Storage แบบ UFS 2.1 128 GB
- จอแสดงผล ขนาด 6.39 นิ้วแบบ AMOLED จาก Samsung อัตราส่วน 19.5:9 ความละเอียด 2340 x 1080 (FHD+)
- กล้องหลังคู่พร้อม AI สำหรับช่วยถ่ายภาพ กล้องตัวที่ 1 ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ SONY IMX363 ขนาดพิกเซล 1.4μm รูรับแสงกว้าง f/1.9 กล้องตัวที่ 2 ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Samsung S5K3M3 ขนาดพิกเซล 1.0μm บันทึกวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K 60 fps และบันทึกภาพสโลโมชั่น 960 fps
- กล้องหน้าคู่พร้อม AI สำหรับช่วยถ่ายภาพ กล้องตัวที่ 1 ความละเอียด 24 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ SONY IMX576 ขนาดพิกเซล 1.8μm กล้องตัวที่ 2 ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ OC0A10 ขนาดพิกเซล 1.75μm
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลังเครื่อง
- แบตเตอรี่ 3200 mAh พร้อมระบบชาร์จเร็ว Quick Charge 4.0+
- พอร์ต USB Type-C
- ช่องใส่ซิมคู่แบบ Nano SIM รองรับการโทรแบบสองซิม VoLTE HD
- รองรับ WiFi 2.4 GHz และ 5 GHz
- รองรับ Bluetooth 5.0
- รองรับตัวแปลงสัญญาณเสียง AAC/aptX/aptX-HD
- GPS แบบ Dual GPS
- ระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ที่ครอบทับด้วย MIUI 10.0.11.0
Unbox ส่องดูข้างใน มีอะไรในกล่องใบใหญ่
กล่องของ Xiaomi Mi MIX 3 นั้นจัดว่าค่อนข้างใหญ่พอสมควร เป็นกล่องทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีดำ มีโลโก้ Mi สีทองตรงกลาง
พอเปิดฝากล่องออกมาก็เจอกับ Mi MIX 3 ที่นอนอยู่อย่างสงบ
เปิดขึ้นมาอีกชั้น เราก็จะเจอสารจาก Lei Jun CEO ของ Xiaomi พร้อมลายเซ็น
On the road of exploration, we will constantly invest, constantly strive, and constantly break through. We are willing to devote and additional 100%, even if we only improve by 1%. Be friends with our users. Be the coolest company in the hearts of our users.
หรือแปลเป็นไทยแบบหล่อ ๆ ได้ว่า
บนเส้นทางแห่งการสำรวจ เราจะลงทุนอย่างต่อเนื่อง พยายามอย่างต่อเนื่อง และฝ่าฟันกับอุปสรรคอย่างต่อเนื่อง เรายินดีที่จะอุทิศอย่างเต็มร้อยแม้ว่าเราจะปรับปรุงแก้ไขได้เพียงแค่ 1% จงเป็นมิตรกับลูกค้าของเรา จงเป็นบริษัทที่เจ๋งที่สุดในใจลูกค้าของเรา
พอเปิดลงไปอีกชั้นก็จะพบกับที่ชาร์จไร้สาย, สาย USB Type-C และ อะแดปเตอร์
พอเปิดกล่องที่อยู่ใต้ที่ชาร์จไร้สายก็จะพบกับเคสกันกระแทก, หัวแปลงพอร์ต Type-C เป็นรูหูฟัง 3.5 มม., ที่เสียบเปิดช่องใส่ซิม, ใบรับประกัน, คู่มือสำหรับ Mi MIX 3 และคู่มือสำหรับที่ชาร์จไร้สาย
พูดถึงเคสที่แถมมากับเครื่องนิดนึง ส่วนตัวแล้วไม่แนะนำให้ใช้เคสนี้ถาวรเพราะมันบางมากจนแทบป้องกันอะไรไม่ได้เลย นอกจากขอบเคสจะไม่คลุมขอบหน้าจอแล้วยังไม่คลุมกล้องในส่วนที่นูนขึ้นมาอีกด้วย แถมพอใส่แล้วยังให้ความรู้สึกกรอบแกรบเหมือนสมาร์ทโฟนยุค 6-7 ปีก่อนที่วัสดุเป็นพลาสติกอย่างไรอย่างนั้น
ดีไซน์สุดหรูหรา ด้วยฝาหลังเซรามิก
ฝาหลังเซรามิกเป็นอีกจุดเด่นหนึ่งของสมาร์ทโฟนตระกูล MIX ให้ความสะท้อนแวววาวและสัมผัสที่ชวนหลงใหลโดยไม่ต้องมีคำว่าพรีเมียมต่อท้ายชื่อรุ่น
การวางตำแหน่งกล้องและเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือก็มีลักษณะคล้ายคลึงกับในรุ่น Mi 8
ปุ่ม Power และ Volume จะอยู่บริเวณด้านบนของขอบเครื่องด้านขวา
ส่วนขอบเครื่องด้านซ้ายจะมีช่องสำหรับใส่ซิมและปุ่มสำหรับเรียก Google Assistant (สำหรับในตลาดประเทศจีนจะเป็น Xiao AI)
ส่วนตัวแล้วรู้สึกถูกใจมากที่มีปุ่มเรียก Google Assistant มาให้ เพราะช่วยแก้ปัญหาเรียก Google Assistant ไม่ได้เวลาใช้ Gesture ควบคุมเครื่อง
ขอบด้านล่างของเครื่องไล่จากซ้ายไปขวาจะเป็นลำโพง พอร์ต USB Type-C และ ไมโครโฟน
ใช้งานแบบเต็มตา ด้วยหน้าจอไร้รอยบาก (A.K.A. ติ่ง)
เรียกว่าเป็นจุดขายหลักของ Mi MIX 3 เลยก็ว่าได้ สำหรับหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.39 นิ้ว อัตราส่วน 19.5:9 ที่แสดงผลได้เต็มตาโดยไร้รอยบากหรือติ่งมากวนใจ
สามารถดู Youtube หรือ Netflix แบบขยายให้เต็มจอสุดขอบทุกด้าน
ทดลองเปิดคลิปวิดีโอใน YouTube แล้วขยายเต็มจอ |
ทดลองเปิดซีรีส์ใน Netflix แล้วขยายเต็มจอ |
แต่น่าเสียดายที่ Mi MIX 3 มี Widevine DRM ที่ระดับ L3 จึงไม่สามารถดู Netflix ที่ความละเอียด HD ได้
นอกจากเวลาดูคลิปวิดีโอหรือภาพยนตร์แล้วถ้าอยากใช้งานได้แบบเต็มตามากกว่าเดิมเวลาเล่นแอปพลิเคชันอื่น ๆ ก็สามารถเข้าไปตั้งค่าเพิ่มเติมในหัวข้อ Full screen display
สามารถปรับเปลี่ยน System navigation จากการควบคุมด้วยปุ่มแบบดั้งเดิมเป็นการควบคุมด้วย Gesture ได้เพื่อไม่ให้มีปุ่มเกะกะบนหน้าจอ
การควบคุมจะมีอยู่ 5 ท่าท่าง ได้แก่ ปัดนิ้วขึ้นจากขอบด้านล่างเพื่อไปยังหน้า Home screen, ปัดนิ้วขึ้นจากด้านล่างและค้างไว้เพื่อเปิดหน้า Recent apps, ปัดนิ้วจากขอบด้านซ้ายหรือขวาเพื่อกลับไปยังหน้าก่อนหน้า, ปัดนิ้วจากขอบบนด้านซ้ายหรือขวาเพื่อเรียกใช้เมนูในแอป และปัดนิ้วจากขอบด้านซ้ายหรือขวาแล้วค้างเอาไว้เพื่อสลับไปยังแอปที่ใช้งานก่อนหน้า
ซอฟต์แวร์ลื่นสะใจ ด้วย MIUI สอดไส้พาย
Mi MIX 3 มาพร้อมกับ Android 9 Pie ที่ครอบทับด้วย MIUI 10.2.1
MIUI นั้นเป็นซอฟต์แวร์ที่ขึ้นชื่อว่ามีฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกที่รอบด้านและทำงานได้ลื่นไหลมาก
หากปัดมาทางด้านซ้ายของ Home screen จะพบกับสิ่งอำนวยความสะดวก 6 อย่าง ได้แก่
- Shortcuts ทางลัดสำหรับเข้าใช้งานฟังก์ชั่นต่าง ๆ ของแอปที่ตั้งค่าไว้
- Recommended แนะนำแอปพลิเคชันที่มีประโยชน์ (?) สำหรับผู้ใช้
- Security ใช้สำหรับเคลียร์ไฟล์ขยะในคลิกเดียว
- A brief note เอาไว้จดโน้ตสั้น ๆ เพื่อกันลืม อันนี้เป็นฟังก์ชันที่มีประโยชน์มาก เวลาปลดล็อคเครื่องเข้ามาในหน้า Home screen ก็สามารถเลื่อนดูได้สะดวก
- Calendar events ปฏิทินสำหรับเตือนหมายกำหนดการ
- Stocks เอาไว้สำหรับดูหุ้น สามารถเพิ่มบริษัทเข้าไปได้
หน้าตา UI ของ MIUI 10.2.1 |
จุดที่ประทับใจเช่นเคยที่เขียนไปแล้วตอนรีวิว Mi 8 Pro ก็คือเวลาสไลด์มาหน้าหลักที่มี Widget นาฬิกา เวลาที่บอกตรง Status bar จะหายไป จุดนี้เป็นอะไรที่ถูกใจมากเพราะส่วนตัวแล้วคนเขียนเป็นคนที่ไม่ชอบให้มีอะไรซ้ำซ้อนในเครื่อง
ในส่วนของแอป Security จะมีฟีเจอร์ต่าง ๆ มากมาย
ผู้ใช้งานสามารถ Optimize ระบบให้ทำงานได้ดีขึ้นเพียงกดปุ่ม Optimize ในวงกลมด้านบนหลังจากที่สแกนเสร็จ นอกจากนี้ก็จะมีฟีเจอร์อื่น ๆ ได้แก่
- Cleaner ทำหน้าที่จัดการพวกไฟล์ Cache และไฟล์ต่าง ๆ ที่ไม่สำคัญไม่ให้กินพื้นที่เครื่อง
- Security scan ทำหน้าที่ตรวจหาไวรัสและยังเช็คเกี่ยวกับความปลอดภัยทางด้านการเงินได้อีกด้วย
- Battery usage ตรวจสอบการใช้งานแบตเตอรี่ของแอปต่าง ๆ และตั้งค่าโหมดประหยัดพลังงานให้ทำงานเป็นเวลาได้อีกด้วย
- Data usage ตรวจสอบการใช้ข้อมูลมือถือและจำกัดการใช้งานของแต่ละแอปได้
- Boost speed จัดการเคลียร์แอปต่าง ๆ เพื่อเคลียร์พื้นที่ Ram
- Manage apps จัดการอัปเดตแอป ลบแอป และดูเรื่องการขออนุญาตจากแอปที่จะขอเข้าถึงส่วนต่าง ๆ ของเครื่องได้อีกด้วย
- App lock ทำหน้าที่ป้องกันคนที่ไม่รู้รหัสเข้าถึงข้อมูลภายในแอปที่ล็อคเอาไว้ได้
- Deep clean ในส่วนนี้จะเป็นการจัดการไฟล์ต่าง ๆ ที่กินพื้นที่ในเครื่องแบบละเอียด โดยแยกไฟล์ออกเป็นแต่ละประเภทเพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจลบ
- WhatsApp cleaner ทำหน้าที่เคลียร์ข้อมูลต่าง ๆ ของแอป WhatApp โดยเฉพาะ
- Facebook cleaner ทำหน้าที่เคลียร์ข้อมูลต่าง ๆ ของแอป Facebook โดยเฉพาะ
- Blocklist ใช้สำหรับบล็อค SMS และเบอร์โทรที่เราไม่ต้องการให้ติดต่อ
- Second space ตรงส่วนนี้จะทำการแยกพื้นที่ในเครื่องออกเป็น 2 ส่วนซึ่งแยกการทำงานออกจากกันเพื่อปกป้องข้อมูลของเราที่ซ่อนอยู่ในนี้ และสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในนี้ก็จะไม่ส่งผลต่อพื้นที่หลักที่ใช้งานประจำ ในส่วนนี้ทำงานได้สะดวกมากเพราะสามารถตั้งลายนิ้วมือแยกต่างหากเพื่อเข้าถึง Second space ได้ทันทีหลังปลดล็อค
- Dual apps ช่วยให้สามารถล็อคอินแอปต่าง ๆ ได้ถึง 2 ไอดีในเครื่องเดียว เหมาะกับคนที่เล่นโซเชียล 2 แอคเคาท์ จะเอาไว้ขายของหรือซุกซ่อนกิ๊กก็ทำได้สะดวก (อย่างหลังไม่แนะนำนะ)
- Test network เอาไว้ทดสอบการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตโดยไม่ต้องลงแอปเสริม
- First aid สำหรับตรวจเช็คความผิดปกติในการทำงานของส่วนต่าง ๆ ในเครื่อง
เล่นเกมลื่นไหลไม่แพ้ใคร ด้วย Game speed booster
Game speed booster ช่วยให้เล่นเกมได้ลื่นไหลยิ่งขึ้น พร้อมกับฟีเจอร์อำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในการเล่นเกม เช่น ลดการใช้งานอินเตอร์เน็ตของแอปอื่น ๆ ขณะเล่นเกม, ปิดการแจ้งเตือนจากการโทรเข้าและแอปอื่น ๆ, ปิดปุ่มให้ไม่กินพื้นที่หน้าจอ, ป้องกันการปรับความสว่างของหน้าจอ, อัดวิดีโอหน้าจอขณะเล่นเกม, ฯลฯ
หน้าตาของ Game speed booster ที่ถูกเรียกใช้ขณะเล่นเกม สามารถอัดวิดีโอ, แคปหน้าจอ, เคลียร์แอปอื่น ๆ ที่รันอยู่เบื้องหลัง และปิดการแจ้งเตือน ถ้าไม่ได้เรียกใช้งานก็จะย่อตัวเป็นเส้นโค้งเล็ก ๆ ตรงบริเวณมุมของหน้าจอ ไม่เกะกะหน้าจอเวลาเล่นเกมแต่อย่างใด
ด้วยความที่สเปคของ Mi MIX 3 จัดว่าโหดไม่น้อยหน้าใคร บวกกับซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาให้เหมาะสมกับการเล่นเกม ทำให้สามารถเล่นเกมดัง ๆ แบบปรับกราฟิกสูง ๆ ได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด
การเล่นเกมยังคงทำได้ดีเหมือนกับ Mi 8 Pro ที่รีวิวไปก่อนหน้า แต่สำหรับ Mi MIX 3 เวลาเล่นไปนาน ๆ เครื่องจะร้อนมากแบบรู้สึกได้เพราะวัสดุเป็นเซรามิก แต่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการเล่นแต่อย่างใด
กล้องหลังคู่พร้อม AI ที่ดีที่สุดของ Xiaomi ในเวลานี้
Mi MIX 3 มาพร้อมกล้องหลังคู่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลพร้อม AI ในการช่วยถ่ายภาพ
เมื่อ AI ตรวจจับวัตถุในภาพได้ก็จะขึ้นสัญลักษณ์สีฟ้า ๆ ของวัตถุนั้นตรงด้านบนพร้อมปรับให้ภาพเหมาะกับการถ่ายวัตถุนั้น ๆ
Mi MIX 3 สามารถถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้อย่างสวยงาม พร้อมทั้งปรับระดับความเบลอได้ภายหลังและปรับเปลี่ยนรูปทรงโบเก้ได้ถึง 6 แบบ รวมไปถึงปรับแสงเงาและปรับเปลี่ยนพื้นหลังสำหรับรูปคนได้อีกด้วย (สำหรับรูปคนรอดูตัวอย่างได้ในหัวข้อกล้องหน้า)
Mi MIX 3 มาพร้อมกับโหมด Night หรือโหมดถ่ายในที่แสงน้อยโดยไม่ใช้ขาตั้งกล้องตามเทรนด์ปัจจุบันที่สมาร์ทโฟนเกือบทุกแบรนด์ต้องมี
จากการทดสอบพบว่าโหมด Night จะทำงานได้ดีมากในสถานการณ์ที่มืดมาก ๆ จนแทบจะมืดสนิท ซึ่งภาพที่ได้ออกมาสว่างจนทำเอาค่อนข้างประหลาดใจเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าซูมดูรายละเอียดแล้วเนื้อภาพจะค่อนข้างวุ้นอยู่บ้างก็ตามแต่ก็ถือว่ายอมรับได้สำหรับในสถานการณ์ที่นำมาทดสอบ
แต่ถ้าเป็นสถานการณ์ที่พอมีแสงสลัว ๆ อยู่บ้าง โหมด Night ของ Mi MIX 3 ยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควรนัก ภาพที่ได้แทบจะไม่ต่างกับการถ่ายด้วยโหมดธรรมดานอกจากความสว่างที่มากกว่าเล็กน้อยเท่านั้น และรายละเอียดของเนื้อภาพค่อนข้างจะหยาบเมื่อเทียบกับโหมดกลางคืนของแบรนด์อื่น ๆ
ชมภาพต้นฉบับได้ที่นี่
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด Auto พร้อมเปิด AI จากกล้องของ Mi MIX 3
นอกจากนี้ Mi MIX 3 ยังถ่ายวิดีโอ Slow motion 960 FPS ได้อีกด้วย และยังมี AI Music ช่วยใส่เสียงเพลงในวิดีโอให้มีชีวิตชีวามากขึ้นอีกด้วย
ตัวอย่างวิดีโอ Slow motion 960 FPSจากกล้องของ Mi MIX 3
ถ่ายเซลฟี่ได้ดีขึ้น ด้วยกล้องหน้าคู่ที่ซ่อนอยู่ใต้หน้าจอ
Mi MIX 3 มาพร้อมกล้องหน้าคู่ความละเอียด 24 ล้านพิกเซลและ 2 ล้านพิกเซล ตัวกล้องถูกซ่อนเอาไว้บริเวณใต้หน้าจอ เวลาใช้งานให้ทำการกดลงบนหน้าจอเบา ๆ และเลื่อนสไลด์จอลงมา
ก่อนพาไปดูกล้องเซลฟี่ของ Mi MIX 3 นั้นขอคั่นด้วยฟีเจอร์เสริมสำหรับกลไลการสไลด์หน้าจอ เพราะนอกจากสไลด์ออกมาเพื่อถ่ายเซลฟี่ได้แล้วนั้น ยังสามารถตั้งให้เป็นทางลัดสำหรับการทำงานอื่น ๆ ได้ด้วย โดยสามารถเข้าไปตั้งค่าได้ในหัวข้อ Slider settings
โดยสามารถตั้งค่าให้สไลด์แล้วเปิดกล้องหน้า, เปิดเครื่องมือต่าง ๆ ได้แก่ นาฬิิกาจับเวลา แอปสภาพอากาศ แอปบันทึกเสียง เครื่องคิดเลข แอปสแกน QR Code และเอกสาร แอปสำหรับจดโน้ต แอปกล้อง และเปิดไฟฉาย นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่าให้สไลด์แล้วเปิดแอปอะไรก็ได้ตามที่เราเลือก หรือถ้าไม่ต้องการสักอย่างเลยที่กล่าวมาก็ตั้งให้สไลด์แล้วไม่เกิดอะไรขึ้นเลยก็ได้เช่นกัน
ในส่วนของกล้องหน้านั้นสามารถปรับ Beauty ได้ 5 ระดับ สามารถถ่ายภาพ Portrait พร้อมปรับรูปแบบโบเก้ได้ 6 รูปแบบเช่นเดียวกับกล้องหลังและยังมีโหมดปรับแสง Studio lightning มาให้อีกด้วย
สามารถปรับแสงได้มากถึง 7 รูปแบบพร้อมทั้งปรับทิศทางของแสงได้อีกด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายเซลฟี่จากกล้องหน้าของ Mi MIX 3
Dual GPS เพิ่มความมั่นใจในการนำทาง ด้วย GPS ความถี่คู่
Mi MIX 3 มาพร้อมกับ Dual GPS ที่สามารถจับสัญญาณได้ทั้ง L1 และ L5 ทำให้ระบุตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ
จากการทดสอบกับแอป GPS Test สามารถจับดาวเทียมได้ 32 ดวง ความคลาดเคลื่อนอยู่ที่ประมาณ บวกลบ 4 เมตร
และจากการทดสอบกับแอป GPSTest (ไม่ได้พิมพ์ซ้ำกับอันบนนะครับ ชื่อแอปต่างกันแค่เว้นวรรคเท่านั้นจริง ๆ) ก็พบว่าสามารจับสัญญาณได้ทั้ง L1 และ L5 จริง
อย่างไรก็ตามจากการทดลองใช้ Mi MIX 3 นำทางด้วยแอป Google Maps นั้นพบว่ายังมีอาการแสดงตำแหน่งของเราคลาดเคลื่อนจากตำแหน่งที่อยู่จริงกับหันทิศทางเพี้ยนไปจากความเป็นจริงอยู่บ้าง แต่สาเหตุเหล่านี้ก็มาจากหลายปัจจัยด้วยกัน และจากการใช้งานจริงยังไม่เห็นความแตกต่างเมื่อเทียบกับการนำทางด้วย Mi 8 Pro ตอนที่ยังไม่เปิดใช้งาน Dual GPS สักเท่าไหร่ จึงไม่สามารถสรุปได้ว่า Dual GPS นั้นช่วยนำทางได้แม่นยำมากกว่าแบบมีนัยสำคัญหรือไม่
แบตเตอรี่ที่ชาร์จไวขึ้น พร้อมชาร์จแบบสบาย ๆ ด้วยแท่นชาร์จไร้สาย
ถ้าใครได้อ่านรีวิว Mi 8 Pro ที่ผมเคยเขียนไปก่อนหน้าจะเห็นผมบ่นว่า Mi 8 Pro นั้นแบตไหลและก็ยังชาร์จช้าอีกด้วย สำหรับใน Mi MIX 3 นั้นอัตราการบริโภคแบตก็ยังคงซดโหดเช่นเดียวกับ Mi 8 Pro แต่สิ่งที่เป็นข้อดีคือชาร์จแบตได้ไวขึ้นมากแบบสังเกตได้
Mi MIX 3 มีสิ่งหนึ่งที่เพิ่มเข้ามานั่นก็คือโหมด Extreme battery saver ที่จะประหยัดพลังงานมากกว่าโหมด Battery saver ปกติ โดยจะทำการยับยั้งการทำงานของแอปที่รันอยู่เบื้องหลังและหยุดการซิงค์ข้อมูลต่าง ๆ แต่ก็ยังสามารถเลือกบางแอปที่เราจำเป็นต้องใช้ให้ทำการรันในเบื้องหลังได้ด้วย
เมื่อทำการเปิด Extreme mode ปุ๊บ Mi MIX 3 ก็จะทำการเข้าโหมดไว้อาลัยโดยเปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์ให้เป็นสีดำ
โหมดนี้ชอบมีปัญหากับวอลเปเปอร์ที่มาจากแอป 3rd party พอปิดโหมดนี้วอลเปเปอร์จากแอป 3rd party ที่ตั้งเอาไว้จะกลายไปเป็นแบบ default ของเครื่องทันที |
นอกจากนี้ Mi MIX 3 ยังสามารถชาร์จไร้สายได้อีกด้วย ซึ่งที่ชาร์จที่แถมมาให้ในกล่องนั้นถือว่าชาร์จได้ไวมาก ๆ เพราะจ่ายไฟได้สูงสุดถึง 10W ชาร์จไวจนแทบไม่รู้สึกต่างกับการชาร์จผ่านพอร์ต USB Type-C
ฟีเจอร์ที่น่าประทับใจ ต่อ WiFi พร้อมปล่อย Hotspot ได้ในเวลาเดียวกัน
เคยเขียนชมฟีเจอร์นี้ไปแล้วตอนรีวิว Mi 8 Pro แต่ก็ขอชมอีกครั้งนึงในรีวิวนี้เพราะประทับใจมากจริง ๆ ฟีเจอร์นี้จะช่วยแก้ปัญหาเวลาที่เราต้องการใช้ WiFi พร้อมกันหลาย ๆ อุปกรณ์แต่ WiFi ต้นทางที่ปล่อยออกมาให้โควตาเชื่อมต่อได้เพียงอุปกรณ์เดียว ปัญหานี้จะหมดไปทันทีเมื่อใช้ Mi MIX 3 เชื่อมต่อ WiFi นั้นและปล่อยสัญญาณ Hotspot ให้กับอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เราต้องการใช้งานอีกทีก็เป็นอันจบ
และไม่ต้องกรอกรหัส Hotspot เมื่อต้องการเชื่อมต่ออีกต่อไป แค่เอาอุปกรณ์ที่ต้องการต่อ Hotspot ไปสแกน QR code จาก Mi MIX 3 ก็สามารถใช้งานได้ทันที
บทสรุป คุ้มหรือไม่ถ้าจะซื้อ Mi MIX 3?
สำหรับเรื่องความคุ้มค่านั้นบอกได้เต็มปากเลยว่าคุ้มสุด ๆ เพราะลำพังแค่สเปกที่ได้ชิปเซ็ต Snapdragon 845 Ram 6 GB และความจุเครื่อง 128 GB ในราคาไม่ถึงสองหมื่นก็จัดว่าคุ้มค่าแล้ว และพอมองในแง่ที่ว่า Mi MIX 3 นั้นเป็นสมาร์ทโฟนที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก มีดีไซน์ที่โดดเด่นด้วยวัสดุเซรามิกที่เป็นเอกลักษณ์ของสมาร์ทโฟนตระกูล Mi MIX และหน้าจอที่ใหญ่เต็มตาไร้ขอบไร้ติ่งก็จัดว่ายิ่งคุ้มค่าเข้าไปใหญ่ แถมยังมีกล้องหน้าและกล้องหลังที่มีคุณภาพไม่น้อยหน้าใครในช่วงเวลานี้ นอกจากนี้แล้วคุณภาพของลำโพงยังถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่า Mi 8 Pro อีกเล็กน้อยด้วย โดยภาพรวมแล้ว Mi MIX 3 จัดว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่สวยรอบตัวและยังเก่งรอบด้าน และยิ่งถ้าคุณกำลังมองหาสมาร์ทโฟนที่เน้นเล่นเกมแบบปรับกราฟิกได้สุดและหน้าจอใหญ่โดยไม่มีติ่งมากวนใจตอนเล่นเกมแล้วล่ะก็ Mi MIX 3 คือสมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์คุณได้ดีที่สุดรุ่นนึง แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ใช่ว่า Mi MIX 3 จะไม่มีข้อเสีย น่าเสียดายที่หน้าจอไร้ขอบไร้ติ่งถูกออกแบบมาได้อย่างสวยงามและให้ภาพที่คมชัดดีกลับยังไม่สามารถดู Netflix ที่ความละเอียด HD ได้ แต่ถ้าคุณไม่ใช่ผู้ที่เสพ Netflix เป็นชีวิตจิตใจแล้วล่ะก็ สามารถมองข้ามข้อเสียข้อนี้ไปได้เลย เพราะ Mi MIX 3 นั้นยังมีข้อดีให้คุณได้ค้นหาอีกเยอะ