เจาะลึก HUAWEI nova 4 กับเบื้องหลัง Punch Display และประเด็นน่าสนใจ
ตามเทรนปี 2018 เราได้เห็นหน้าจอแบบ Notch ที่หลายคนเรียกว่าจอติ่ง เพื่อให้มีพื้นที่แสดงผลมากขึ้น พอเข้าสู่ปี 2019 ก็เป็นยุคของจอแบบ Punch Display ที่ HUAWEI nova 4 เป็นผู้บุกเบิกในไทยเป็นรายแรก ซึ่งหน้าจอแบบนี้เกิดจากการวิจัยแล้วว่ารบกวนการใช้งานน้อยกว่าแบบอื่น
เบื้องหลังนวัตกรรมของหน้าจอ HUAWEI nova 4
HUAWEI nova 4 เลือกใช้หน้าจอแบบ LTPS ซึ่งเป็นจอที่ได้รับการกล่าวขานว่าสีสันสวยงามมาก โดยบนหน้าจอขนาด 6.4 นิ้วที่ให้ความรู้สึกเต็มตากว่าเดิมด้วย Punch Display หรือที่เรียกง่ายๆ ว่าเป็นการเจาะรูกล้อง ซึ่งหน้าจอรูปแบบนี้จะถูกนำมาใช้ในปี 2019 โดยมี HUAEI nova 4 เป็นรุ่นแรกที่วางขายในประเทศไทย
การเลือกตำแหน่งกล้องเกิดจากการศึกษาพฤติกรรมและสถิติการใช้งานตำแหน่งต่างๆ บนหน้าจอ จนพบว่ามุมบนซ้ายคือจุดที่รบกวนการใช้งานน้อยที่สุด โดยเฉพาะการวางแนวนอนเพื่อดูหนังหรือเล่นเกม จะพบว่าการวางกล้องแบบ Punch ให้รู้สึกเต็มตากว่าแบบ Notch
หรือในกรณีที่ไม่ชอบ Punch Display ก็สามารถเลือกปิดได้เช่นกัน โดยจะเป็นการเทสีดำให้ตัวกล้องกลมกลืนไปกับขอบจอ
แม้ว่าจะเริ่มมีข่าวลือสมาร์ทโฟนที่จะมาพร้อม Punch Display หลายรุ่น แต่จากข้อมูล ณ เวลานี้ต้องบอกว่า HUAWEI nova 4 ยังถือว่ามีนวัตกรรมที่ล้ำกว่า ด้วยเทคโนโลยีเบื้องหลังอีกหลายอย่าง
จอแบบ Punch Display ของ HUAWEI มีตัวกล้องอยู่ใต้พาแนวหน้าจออีกที นั่นหมายความว่าเราสามารถสัมผัสเพื่อสั่งงานบนกล้องได้เหมือนจอปรกติ เพียงแต่ไม่สามารถแสดงผลได้
สาเหตุและความต่างก็คือ HUAWEI nova 4 วางหน้าจอทับบนกล้อง ในขณะที่เทคโนโลยีอื่นต้องเจาะหน้าจอด้วย ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมที่ใช้ในการผลิต เพื่อให้มีช่องว่างระหว่างกล้องกับหน้าจอน้อยที่สุด รวมถึงการลดโอกาสที่ตัวกล้องไม่อยู่ในจุดศูนย์กลางซึ่งเป็นปัญหาของบางรุ่นบางค่าย
และที่สำคัญที่สุดคือโมดูลกล้องมีขนาดเล็ก 3.05 มม. นั่นหมายความว่ารูบนหน้าจอก็จะเล็กลงไปด้วย เรียกได้ว่าจากข้อมูลข่าวหลุดตอนนี้ HUAWEI nova 4 มีกล้องหน้าแบบ Punch Display ที่รบกวนสายตาน้อยกว่าคู่แข่งนั่นเอง
สาเหตุที่ปี 2018 เกิดจอแบบ Notch เพราะต้องมีพื้นที่สำหรับวางกล้องและเซ็นเซอร์ต่างๆ แต่พอเป็น Punch Display ทาง HUAWEI ได้ย้าย Proximity sensor ไปไว้ที่ขอบด้านบน พร้อมกับใช้เทคโนโลยี Light Bending ยิงลำแสงแบบเอียงเข้าหาใบหู เพื่อทำการปิดหน้าจอเมื่อถือโทร ซึ่งถือว่าเป็นการนำเทรนแนวคิดนี้อีกด้วย รวมถึงการซ่อน Ambient Light sensor ให้เล็กลง ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลให้มีพื้นที่แสดงผลเยอะกว่าเดิม
กล้องหน้ากับคำนิยาม “Selfie Superstar”
HUAWEI nova 4 มาพร้อมกับกล้องหน้าความละเอียด 25 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 และการประมวลผล AI อันเลื่องชื่อ ซึ่งครั้งนี้ได้พัฒนาไปอีกขั้นมากกว่าการ Selfie แบบเดิมๆ ด้วยการหล่อสวยได้ในระดับ Superstar ที่หมายถึงการถ่ายเซลฟี่ให้ดูดีได้ยิ่งกว่าที่เคย
จากการใช้งานจริงแบบไม่อิงสเปคต้องบอกว่า HUAWEI nova 4 สามารถถ่ายเซลฟี่ได้แบบบิ้วตี้สวยเนียนหล่อจนเจ้าตัวยังมึน และยังสามารถตั้งค่าเบลอฉากหลัง ปรับระดับความบิ้วตี้ได้ ประเภทว่ายกมากดถ่ายก็ดูดีได้ง่ายๆ แม้กระทั่งการถ่ายรูปย้อนแสงก็ตาม
กล้องหลังที่มาพร้อมมุมกว้าง 117 องศา
กล้องหลังมีทั้งหมด 3 ตัวได้แก่กล้องหลังความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 กล้องมุมกว้างความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 และกล้องสำหรับทำหน้าชัดหลังเบลอความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/2.4 ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ช่วยประมวลผลทำให้ภาพออกมาสวยงาม
และจะสังเกตได้ว่ากล้องมุมกว้างของ HUAWEI nova 4 มีรูรับแสงกว้างกว่ากล้องมุมกว้างของสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า และความกว้าง 117 องศา เรียกได้ว่าใกล้เคียง Action Cam นั่นหมายความว่าสามารถเก็บภาพได้เยอะกว่า เหมาะสำหรับการถ่ายในห้องแคบ หรือถ่ายเก็บวิวทิวทัศน์ หรือใส่ความสร้างสรรค์ลงไปก็ยังได้ เพราะกล้องมุมกว้างจะมีขอบภาพที่ยืดกว่า
และกล้องมุมกว้างของ HUAWEI nova 4 ยังสามารถประยุกต์ใช้ ด้วยการถ่ายให้ดูขายาวหรือหน้าเล็กผอมลงก็ยังได้
Kirin 970 เบื้องหลังประสิทธิภาพระดับเรือธง
แม้ว่า Kirin จะเดินทางมาถึง Kirin 980 แล้วบน HUAWEI Mate 20 series แต่ Kirin 970 ที่อยู่บน HUAWEI nova 4 ก็จัดว่าเป็นชิปเซ็ตแถวหน้าของทางค่าย เรียกได้ว่าเทียบที่ราคา 16,990 บาท แล้วให้ประสิทธิภาพที่ไม่น้อยหน้ารุ่นอื่นเลย หรืออาจต้องบอกว่าดีกว่าหลายรุ่นด้วยซ้ำ โดยเฉพาะการประมวลผลด้าน AI ที่ยังคงเป็นหัวแถวของวงการ ทำให้ใช้งานได้ลื่นไหลและยังไม่มีอาการช้าลงเมื่อใช้ไปนานๆ และยังมี ISP+DSP ที่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้รูปถ่ายออกมาสวย ซึ่งพิสูจน์มาแล้วบน HUAWEI P20 Pro
แรม 8 GB กับการรองรับการใช้งานที่มากกว่า
แม้ว่า HUAWEI จะมีระบบ EMUI ที่จัดการแรมได้ดีมากอยู่แล้ว แต่การเพิ่มแรมเป็น 8 GB ก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะเป็นครั้งแรกที่ HUAWEI ได้นำแรมขนาด 8 GB มาใช้ ซึ่งแรมที่มากขึ้นก็ทำให้สามารถการเปิดแอพและสลับการใช้งานราบลื่นยิ่งขึ้น เพราะมีแรมมากพอที่จะรันแอพพร้อมกันหลายตัวโดยไม่ต้องทำการเคลียทิ้ง โดย HUAWEI เลือกใช้แรม 8 GB ในเวลานี้เพราะต้องสมดุลทุกอย่างเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
คนทั่วไปมักเข้าใจว่าใส่แรมเยอะๆ ยิ่งดี แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ถูกซะทีเดียว เพราะต้องดูด้วยว่าแรมเป็นประเภทไหน มีประสิทธิภาพการอ่านเขียนเป็นอย่างไร และที่สำคัญที่สุดคือการบริโภคพลังงานซึ่งส่งผลโดยตรงต่อแบตเตอรี่ โดย HUAWEI nova 4 ได้ถึงจุดที่เหมาะสมในการนำแรม 8 GB มาใช้
ตัวอย่างของการเลือกแรมให้เหมาะสมและถูกที่ถูกเวลา เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดนอกจาก HUAWEI nova 4 ก็อย่างเช่น MacBook Pro ที่เลือกจะใช้แรมตัวเก่าอย่าง LPDDR3 กับสินค้าบางตัว แทนที่จะใช้ตัวใหม่อย่าง DDR4 และยังจำกัดการเพิ่มแรมไว้แค่ 16 GB แทนที่จะเป็น 32 GB เพราะเหตุผลด้านการบริโภคพลังงานที่จะทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วเกินไป แต่ Apple ใช้วิธีปรับแต่งส่วนอื่นชดเชยแทนจนได้ประสิทธิภาพที่ดี ซึ่งผมยกตัวอย่างนี้เพื่อให้เห็นภาพง่ายขึ้นว่าทำไม HUAWEI ถึงเลือกใส่แรม 8 GB เวลานี้
เมื่อมองในราคาเปิดตัว 16,990 บาท ก็นับว่า HUAWEI nova 4 เป็นรุ่นที่จัดหนักอัดแน่นในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นชิปเซ็ตระดับเรือธง Kirin 970 และแรม 8 GB หน่วยความจำภายใน 128 GB กับหน้าจอแบบ Punch Display รายแรกในไทย รวมถึงมีกล้องมุมกว้างให้เลือกใช้ ถือว่าเป็นอีกรุ่นที่จัดหนักนวัตกรรมและน่าสนใจมากในราคานี้