ASUS ZenBook Pro 15 เป็นโน๊ตบุ้ครุ่นที่สร้างความฮือฮาตอนเปิดตัวได้เป็นอย่างมาก มาพร้อมจุดเด่นไม่เหมือนใครอย่างทัชแพดที่เป็นจอทัชสกรีนในตัว โดย ASUS ZenBook Pro 15 มีด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่
- i7-8750H ราคา 69,990 บาท
- i9-8950HK ราคา 89,990 บาท
สำหรับรุ่นที่เราจะนำมารีวิวในวันนี้คือรุ่น Core i9 ตัวท็อปครับ
ดีไซน์พรีเมียมไฟสถานะดูง่าย
ASUS ZenBook Pro 15 ใช้ดีไซน์โละหะขัดตามสไตล์ ASUS ซึ่งลายนิ้วมือก็จะติดง่ายนิดนึง ตัวเครื่องใช้สีดำตัดด้วยสีทอง
เทียบกับโน๊ตบุ้คจอ 15.6 นิ้วในปัจจุบันที่บางและเบาลงกว่าสมัยก่อนมาก เจ้า ASUS ZenBook Pro 15 ถือว่าเป็นโน๊ตบุ้คที่มีขนาดใหญ่เลยทีเดียว แต่ว่าไม่เทอะทะแบบ Gaming Notebook ด้วยความหนาเพียง 18.9 มม. และหนัก 1.88 กก.
ส่วนที่ผมชอบมากคือไฟสถานะของเครื่องที่อยู่ด้านหน้าเครื่อง ทำให้ดูง่าย ตามปกติไฟพวกนี้มักจะอยู่ด้านข้างหรือด้านหลังเครื่อง จะดูแต่ละทีต้องเอี้ยวตัวไปมอง บางทีก็โดนสายต่างๆ บังไว้อีก และมีการออกแบบให้ไฟไม่ส่องออกมาจากปุ่มโดยตรง ทำให้ไฟไม่แยงตาเวลาใช้งานในที่มืด
คีย์บอร์ดมีไฟ แต่ไม่มี Numpad
สำหรับคีย์บอร์ดมีไฟ LED ปรับความสว่างได้ 3 ระดับ ให้คุณสามารถใช้งานในที่แสงน้อยได้อย่างสะดวกสบาย แต่สิ่งที่คีย์บอร์ดตัวนี้ขาดหายไปคือ Numpad ซึ่งมักจะมีในโน๊ตบุ้คขนาด 15.6 นิ้ว (แต่มันจะไปอยู่ที่อื่นแทน เดี๋ยวผมจะพูดถึงภายหลัง) สิ่งที่ได้มาแทนคือปุ่ม home, page up, page down, end และปุ่ม function เพิ่มมาอีกปุ่ม
จอ 4K ที่ Calibrated มาจากโรงงาน
พอเปิดเครื่อง ทุกคนจะต้องตะลึงกับจอทัชสกรีนขนาด 15.6 นิ้ว คามละเอียด 4K UHD ที่ทั้งละเอียดกว่าและให้สีสันที่มากกว่าจอโน๊ตบุ้คทั่วๆ ไปแน่นอน
หน้าจอเป็นแบบขอบบาง จอครอบด้วยกระจกทั้งแผ่น สวยงามมาก หน้าจอมีมุมมมองกว้างถึง 178 องศา ได้รับการปรับตั้งค่าสีมาจากโรงงาน พร้อมคุณสมบัติเด่นทั้งสามารถแสดงผลสีครอบคลุม 100% Adobe RGB และ Delta E < 2 ซึ่งหาได้ยากในโน๊ตบุ้คทั่วไป เหมาะกับสายโปรดักชั่นมาก จอได้รับการรับรองโดย Pantone ว่าสามารถแสดงสีจาก Pantone อย่างเที่ยงตรง คนที่ทำงานกับสี Pantone ได้อย่างไม่ต้องกังวล
ในเครื่องยังมาพร้อมซอฟต์แวร์ Splendid ให้คุณสามารถปรับสีหน้าจอด้วยตัวเองได้ด้วย
นอกจากนั้นจอทัชสกรีนยังรองรับการใช้ปากกา ASUS Pen รับแรงกดได้ 1,024 ระดับ เหมาะสำหรับสายงานด้านสร้างสรรค์และออกแบบ
ลำโพงเสียงไพเราะจาก Harman/Kardon
สำหรับลำโพงมีทั้งหมด 2 ตัว อยู่ด้านล่างของตัวเครื่อง ได้รับการรับรองจาก Harman/Kardon มีเสียงที่ดัง ชัด และใสมากๆ มาพร้อมเทคโนโลยี Smart Amplifier ที่จะตรวจจับการเคลื่อนไหวของดอกลำโพง และทำให้เสียงดังขึ้นได้ถึง 1.4 เท่าโดยเสียงไม่แตก ดอกลำโพงไม่ขาด
ทัชแพดอัจฉริยะที่เป็นจอทัชสกรีนในตัว
มาถึงจุดเด่นสุดๆ ของ ASUS ZenBook Pro 15 คือทัชแพดที่มีความสามารถพิเศษ โดยเปลี่ยนจากทัชแพดปกติเป็นจอทัชสกรีนขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด FHD แทน สามารถสลับโหมดการทำงานได้ทั้งหมด 3 โหมดด้วยกัน วิธีสลับโหมดสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงกดที่ปุ่ม F6
สำหรับโหมดแรกคือทำตัวเป็นทัชแพดทั่วๆ ไป ไว้ควบคุมเมาส์บนหน้าจอ สามารถทัชได้ กดได้ วาด Gesture ได้เหมือนทัชแพดทั่วๆ ไปเลย และมีฟีเจอร์หนึ่งที่ผมชอบมากๆ คือเมื่อเราเสียบเมาส์ ทัชแพดจะปิดการทำงานเองอัตโนมัติ
โหมดถัดไปคือโหมดหน้าจอที่ 2 ใช้งานเหมือนคอมพิวเตอร์ที่ต่อ 2 จอ สามารถลากหน้าต่างข้ามไปมาได้ เปิดโปรแกรม 2 โปรแกรมคนละหน้ากัน หรืออาจจะเปิดวิดีโอไว้ดูที่ทัชแพดในขณะที่จอหลักเอาไว้ทำงาน
โหมดสุดท้ายเป็นโหมดที่น่าสนใจที่สุด เรียกว่า Screenpad Mode ซึ่งเป็นโหมดที่แสดงประโยชน์ของ Sceenpad ออกมาได้มากที่สุด ในโหมดนี้ เมื่อสไลด์นิ้วจากขอบบนของ Screenpad ลงมา จะเป็นทางลัดเข้าหน้าแอปต่างๆ ที่ออกแบบมาสำหรับ Screenpad โดยเฉพาะ
แอปพวกนี้ก็จะมาช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานกับเรา เช่น แอปเครื่องคิดเลข แอปปฏิทิน แอปเครื่องเล่นเพลง แอป Spotify เป็นต้น
 |
| เครื่องคิดเลข |
 |
| Spotify |
 |
| เครื่องเล่นเพลง |
 |
| ปฏิทิน |
สำหรับเรื่อง Numpad ที่ผมกล่าวทิ้งเอาไว้ เจ้า Screenpad mode นี่แหละที่จะมาแทน Numpad ที่เราคุ้นเคยกัน ทำให้เราได้ Numpad ที่ปุ่มใหญ่สะใจเอาไว้ใช้งาน แต่ต้องปรับความเคยชินนิดหน่อยจากที่เคยอยู่ทางขวามือของคีย์บอร์ดมาอยู่ด้านล่างคีย์บอร์ดแทน
เวลาเล่นวิดีโอใน YouTube ตรง Screenpad จะแปลงร่างเป็นตัวควบคุมการเล่นวิดีโอโดยอัตโนมัติ
เมื่อเปิดโปรแกรมตระกูล Office ตรง Screenpad จะกลายร่างเป็นแถบ Toolbar สำหรับโปรแกรมนั้น
พอร์ตเชื่อมต่อ
ด้านซ้าย
- ช่องจ่ายไฟ
- 2 x Type-C™ USB 3.1 Gen 2 (Thunderbolt™ 3)
- 1 x HDMI
ด้านขวา
- 2 x Type-A USB 3.1 Gen 2
- 1 x MicroSD card slot
- 1 x Combo audio jack
ประสิทธิภาพจัดเต็มด้วย Core i9 และ GTX 1050 Ti
มาดูด้านประสิทธิภาพกันบ้าง ASUS ZenBook Pro 15 มาพร้อมหน่วยประมวลผล Intel Core i9 8950HK 2.90 GHz กรา์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1050 Ti 5GB GDDR5 แรม 16 GB GDDR4
ด้านประสิทธิภาพ เมื่อเทสต์ด้วย CINEBENCH R15 ได้คะแนน CPU 1146 cb และ OpenGL 109.8 FPS ซึ่งถือว่าค่าสูงมาก
ผลทดสอบจาก PC Mark 10 อยู่ที่ 4,580 คะแนน
มาดูการใช้งานจริงกันบ้าง ผมทดสอบด้วยการใช้โปรแกรม Adobe Premiere เรนเดอร์วิดีโอความละเอียด 4K ความยาว 6 นาที ใช้ Preset แบบ high bitrate ใช้เวลาในการเรนเดอร์ 30 นาทีโดยประมาณ
สำหรับพื้นที่เก็บข้อมูล ใช้ SSD ขนาด 512GB เชื่อมต่อผ่าน NVMe มีประสิทธิภาพการอ่านเขียนเร็วสะใจ
ล็อกอินด้วย Windows Hello
สำหรับการล็อกอินเข้าใช้งานเครื่องสามารถทำได้อย่างง่ายดายด้วยเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือผ่านฟีเจอร์ Windows Hello
แบตเตอรี่มีระบบถนอมแบต
ASUS ZenBook Pro 15 ใช้แบตเตอรี่ 71Wh 8-cell lithium-polymer โดยตามสเปกกล่าวว่าสามารถใช้งานได้นาน 9.5 ชม. จากการใช้โปรแกรม Battery Eater ทดสอบด้วย Classic Mode ซึ่งเป็นการเทสต์การทำงานหนัก สามารถใช้งานได้ 1.30 ชม. ก่อนที่แบตเตอรี่จะหมด
สำหรับการชาร์จ ASUS ZenBook Pro 15 ใช้ที่ชาร์จ 150W สามารถชาร์จไฟ 60% ได้ในเวลา 45 นาที นอกจากนั้นยังมาพร้อมระบบถนอมแบตเตอรี่ให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นในกรณีที่เราเสียบปลั๊กใช้งานตลอดเวลา ระบบนี้จะบังคับให้แบตเตอรี่ไม่ต้องชาร์จให้เต็มความจุ
ASUS Sync ใช้งานมือถือผ่านหน้าจอคอม ได้ทั้งโทร ทั้งใช้งานแอป
ASUS ZenBook Pro 15 มาพร้อมแอป ASUS Sync ตัวแอปนี้จะทำการเชื่อมต่อกับมือถือเราผ่าน Bluetooth ให้เราสามารถดูการแจ้งเตือน อ่านข้อความ รวมถึงรับสายและโทรออกผ่านเจ้า ASUS ZenBook Pro 15 ได้เลย ไม่จำเป็นต้องแตะโทรศัพท์แต่อย่างใด
นอกจากนั้นยังสามารถใช้งานแอปต่างๆ บนมือถือได้ด้วย โดยเครื่อจะทำการ Mirror หน้าจอผ่าน Wi-Fi Direct มาให้เราใช้ และยังสามารถแชร์ไฟล์จากคอมพิวเตอร์ผ่านฟีเจอร์แชร์บนมือถือได้ด้วย อย่างเช่น เราต้องการส่งภาพจากบนคอมไปให้คนอื่นผ่านทางแอป LINE บนมือถือก็สามารถทำได้เลยโดยไม่ต้องส่งไฟล์เช้ามือถือก่อน
สรุป
ASUS ZenBook Pro 15 เป็นโน๊ตบุ้คที่ทรงประสิทธิภาพด้วย Core i9 และ GTX 1080 Ti หน้าจอคุณภาพสูงระดับ 4K UHD ให้สีที่มากกว่าและแม่นยำกว่า พร้อมับทัชแพดที่คิดใหม่ทำใหม่ เพิ่มฟีเจอร์เข้าไปจนมีประโยชน์มากกว่าเดิม เหมาะสำหรับผู้ที่อยากได้โน๊ตบุ้คประสิทธิภาพสูงไว้ทำงานนอกสถานที่ โดยเฉพาะด้นโปรดักชั่นต่างๆ
