รีวิว Plantronics BackBeat FIT 3100 หูฟังแบบ True Wireless Sport รุ่นแรกของค่าย

จัดว่าเป็นอีกรุ่นที่ได้รับความสนใจกับ Plantronics BackBeat FIT 3100 ซึ่งเป็นหูฟังแบบ True Wireless รุ่นแรกของค่าย และยังถูกออกแบบในลักษณะของ Sport เพื่อให้เหมาะกับการออกกำลังกายและใช้งานแบบ Outdoor

หาซื้อได้ที่ร้านค้าอย่างเป็นทางการบน Lazada ในราคา 6,290 บาท

การออกแบบและพกพา

Plantronics BackBeat FIT 3100 มาพร้อมกับ Charging Case สำหรับพกพาและเป็นแบตเตอรี่ในตัว เมื่อเก็บตัวหูฟังเข้าในเคสก็จะทำการชาร์จทันทีตามสไตล์ของหูฟัง True Wireless และยังมีช่องสำหรับเก็บสาย micro USB สั้นๆ สำหรับชาร์จตัวเคสอีกด้วย

ด้านการจัดเก็บและพกพาเมื่อเทียบกับ Apple AirPods ก็ถือว่าใหญ่กว่ากันพอตัว แต่ก็แลกมาด้วยการออกแบบที่เหมาะกับการทำกิจกรรม Outdoor มากกว่า เริ่มจากตัวหูฟัง Plantronics BackBeat FIT 3100 ที่มีก้านสำหรับเกี่ยวกับใบหูเพื่อความกระชับ และมี Eartips แบบที่ได้ยินเสียงรอบข้าง เพื่อให้เหมาะกับการทำกิจกรรมกลางแจ้ง

แม้ว่าระบบตัดเสียงรบกวนจะทำให้ได้เสียงที่ชัดเจนปราศจากเสียงรอบข้าง แต่สำหรับการใส่ทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือเดินตามท้องถนน ก็ควรปล่อยให้เสียงรอบข้างเข้ามาเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ

มั่นใจกว่าด้วยการกันน้ำและเหงื่อระดับ IP57

นอกจากนี้ยังสามารถกันน้ำและเหงื่อได้ที่ระดับ IP57 ซึ่งจัดว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป ซึ่งตรงนี้ก็ถือว่าเป็นจุดเด่นเมื่อเทียบกับหูฟัง True Wireless หลายๆ รุ่นที่ไม่สามารถกันน้ำกันเหงื่อได้ ทำให้เราสามารถใช้งานได้มั่นใจยิ่งขึ้น

อากาศบ้านเราร้อนและทำให้เหงื่อออกได้ง่ายมาก การใช้ Plantronics BackBeat FIT 3100 ก็ทำให้อุ่นใจกว่าตัวหูฟังจะไม่เสียหายง่ายๆ ด้วยการกันน้ำกันเหงื่อระดับ IP57

ใช้งานได้ยาวนานสูงสุด 15 ชั่วโมง

Plantronics BackBeat FIT 3100 สามารถฟังเพลงต่อเนื่องได้สูงสุด 5 ชั่วโมง ซึ่งระยะเวลายาวนานขนาดนี้ก็เพียงพอสำหรับการใส่ทำกิจกรรมต่างๆ หรือแม้แต่ใส่ฟังเพลงระหว่างเดินทาง และเมื่อใช้ร่วมกับเคสที่มีแบตเตอรี่ในตัวก็จะเพิ่มอีก 10 ชั่วโมง รวมเป็น 15 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังชาร์จได้เร็วอีกด้วย โดยชาร์จ 15 นาทีสามารถใช้งานได้ราว 1 ชั่วโมง

ในกรณีที่เปิดหูฟังทิ้งไว้และไม่ได้เชื่อมต่อหรืออยู่นอนระยะนานกว่า 2 ชั่วโมง ก็จะทำการเข้าสู่ DeepSleep mode เพื่อประหยัดพลังงาน

การควบคุมและตอบสนอง

ถ้าเคยใช้หูฟังรุ่นอื่นๆ ของค่ายนี้มาก่อน หรือแม้กระทั่งตัวที่คล้ายกันอย่าง Plantronics BackBeat FIT ก็อาจจะมึนกับการควบคุมนิดหน่อย เนื่องจาก Plantronics BackBeat FIT 3100 สามารถกดสั่งการได้ทั้งหูฟังข้างซ้ายและขวา และยังมีระบบ My Tap หรือพูดง่ายๆ ก็คือการสัมผัสเพื่อสั่งการ

Plantronics BackBeat FIT 3100 มีการสั่งงานทั้งหมด 2 รูปแบบบนหูฟังทั้ง 2 ข้าง คือการกดปุ่มและการสัมผัส

การควบคุมบนหูฟังข้างขวาได้แก่

• กด 1 ครั้ง : เล่น/หยุดเพลง, รับสาย/วางสาย
• กด 2 ครั้ง : เปลี่ยนเพลง
• กด 3 ครั้ง : ย้อนไปเพลงก่อนหน้า
• กดค้าง 2 วินาที : เรียก Siri/Google Assistant

การควบคุมบนหูฟังข้างซ้ายได้แก่

• สัมผัส 1 ครั้ง : เพิ่มเสียง
• สัมผัสค้าง 2 วินาที : ลดเสียง

รูปแบบการควบคุมนี้เป็นแบบค่าตั้งต้น แต่สามารถปรับแต่งเพิ่มเติมได้ด้วยสิ่งที่เรียกว่า My Tap สำหรับเปลี่ยนคำสั่งของระบบสัมผัส จากเดิมที่เป็นการปรับระดับเสียงก็สามารถเปลี่ยนเป็นการควบคุมอื่นได้เช่น เรียกใช้ Siri, รายงานสถานะแบตเตอรี่, จับเวลา, ปิดไมค์ ฯลฯ

การควบคุมด้วยการกดก็ตอบสนองได้ดี แต่การสัมผัสยังทำได้ไม่ต่อเนื่องนัก ทำให้ไม่สามารถแตะรัวๆ เพื่อเพิ่มเสียงได้ ต้องแตะแล้วเว้นช่วงราว 2 วินาทีก่อนจะแตะอีกครั้ง ซึ่งตรงนี้ต้องรอดูว่าจะมีการปล่อย Firmware ออกมาแก้รึเปล่า

การตอบสนองของรุ่นนี้ดีกว่าเดิมตรงที่เลือกเสียงบรรยายเป็นภาษาไทยได้เช่น เสียงบอกการเชื่อมต่อ, เสียงบอกการเปิดใช้งานหูฟัง แต่สำหรับการปรับคำสั่งอื่นเช่น การเล่นเพลง, การเปลี่ยนเพลง, การปรับระดับเสียง จะตอบสนองด้วยเสียง Beep

เลือกสลับฝั่งการควบคุมได้ดั่งใจ โยกคำสั่งระหว่างหูฟังทั้งสองข้างได้ด้วย Primary Earbud

ในกรณีที่อยากสลับฝั่งการควบคุมบนหูฟังข้างซ้ายและขวา ก็สามารถทำได้ด้วยฟีเจอร์ Switch Primary Earbud

การเชื่อมต่อสัญญาณดีด้วย Primary Earbud

สิ่งหนึ่งที่ Apple AirPods ต่างจากหูฟัง True Wireless ทั่วไปก็คือการเชื่อมต่อที่หูฟังทั้ง 2 ข้างจะเชื่อมต่อกับมือถือโดยตรง แต่หูฟัง True Wireless อื่นรวมถึง Plantronics BackBeat FIT 3100 จะใช้วิธีเชื่อมต่อกันเป็นทอดๆ โดยหูฟังข้างขวาจะเชื่อมต่อกับมือถือ และหูฟังข้างซ้ายก็จะเชื่อมต่อหูฟังข้างขวาอีกที ซึ่งตามทฤษฎีแล้วจะมีสัญญาณที่ด้อยกว่า แต่จากการใช้งานจริงแล้วต้องบอกว่า Plantronics BackBeat FIT 3100 ทำได้ดีไม่แพ้ Apple AirPods เลย แต่ถึงกระนั้น Plantronics BackBeat FIT 3100 ก็มีสิ่งที่เรียกว่า Primary Earbud ที่นอกจากจะให้เราสลับฝั่งการควบคุมสั่งการได้แล้ว ยังช่วยให้เราปรับแต่งสัญญาณให้แข็งแรงกว่าเดิมได้อีกด้วย

เนื่องจากสามารถเลือกหูฟังข้างที่เป็น Primary Earbud ให้อยู่ใกล้กับมือถือที่สุด เพื่อให้สัญญาณเสถียรกว่าเดิม

หูฟังบลูทูธหลายรุ่นมักมีปัญหา เมื่อถือหรือเก็บมือถือไว้คนละฝั่งกับภาครับสัญญาณของหูฟัง โดยหูฟังส่วนใหญ่มักมีภาครับสัญญาณที่หูฟังข้างขวา ทำให้เมื่อเก็บมือถือไว้ที่ข้างซ้ายของลำตัวและอยู่ในที่สัญญาณชุกชุม ก็จะทำให้สัญญาณไม่เสถียร แต่ Plantronics BackBeat FIT 3100 สามารถตั้งค่าได้ว่าจะให้หูฟังข้างไหนเป็นภาครับสัญญาณ

ระบบเสียงดีเมื่อเทียบกับหูฟังลักษณะเดียวกัน

เมื่อทดสอบฟังเพลงหลายๆ แนวพบว่า Plantronics BackBeat FIT 3100 ให้เสียงที่ดีกว่า True Wireless อย่าง Apple AirPods อยู่พอตัว รายละเอียดเสียงทำได้ดีโดยมีเสียงสูงที่ค่อนข้างใส และเสียงเบสที่แน่น มิติเสียงก็กว้างพอตัว ทิศทางของเสียงก็ดีเมื่อเทียบกับกลุ่มของหูฟัง Sport

นอกจากเสียงเพลงแล้วยังมีเสียงการโทรที่ดี ด้วยระบบเสียง HD Voice แต่ตรงนี้ต้องใช้ร่วมกับมือถือและเครือข่ายที่รองรับ HD Voice ด้วย ซึ่งตามความเข้าใจผมก็คือตอนนี้น่าจะรองรับทุกค่ายแล้ว

ด้านความหน่วงของเสียง ผมทดสอบจับคู่กับ iPhone XS และใช้งาน YouTube ก็พบว่าภาพและเสียงตรงกัน ไม่มีอาการหน่วงหรือดีเลย์แม้แต่น้อย นับว่า Plantronics BackBeat FIT 3100 เป็นหูฟังที่เสียงดีทั้งด้านงานและความบันเทิงเลยทีเดียว

บทสรุปของ Plantronics BackBeat FIT 3100

ไม่แปลกเลยที่ผู้คนให้ความสนใจ Plantronics BackBeat FIT 3100 เนื่องจากคุณสมบัติที่ครบถ้วนทั้งการกันน้ำในระดับ IP57 คุณภาพเสียงที่ดี สัญญาณที่เสถียร ดีไซน์ที่สวมใส่ได้กระชับ กับราคา 6,290 บาท นับว่าถูกมากเมื่อเทียบกับหูฟังที่มีคุณสมบัติครบถ้วนแบบนี้