
รีวิว OPPO F9 ฉบับคอเกม จอใหญ่ ลื่นไหล ชาร์จไว
ความลื่นไหลในการเล่นเกมบน OPPO F9
เชื่อว่านี่คงเป็นหัวข้อที่คนอยากรู้เพราะเป็นหัวข้อที่ตรงไปตรงมาที่สุดแล้ว และจากการทดสอบการเล่นเกมก็ต้องบอกว่าค่อนข้างเกินคาดสำหรับมือถือราคา 10,900 บาทกับชิป MediaTek Helio P60 และแรม 6GB เพราะว่าโดยรวมทำได้ดี
ทดสอบอีกครั้งเมื่อวันที่ 20/10/2018 พบว่า OPPO F9 สามารถเล่น ROV ที่ 60 FPS ได้แล้ว โดยจะอยู่ที่ราว 57-60 FPS และช่วงที่นัวกันก็จะหล่นลงมาต่ำสุดที่ 50 FPS
หรือถ้า PUBG Mobile และ ROV เริ่มไม่สนุกแล้ว ก็ลองเล่นเกม Survival Heroes ซึ่งเป็นอีกเกมที่ติดอันดับยอดนิยมใน Google Play โดยเกมนี้จะมีความคล้ายกับ PUBG Mobile บวกกับ ROV ทั้งการโดดร่ม ทั้งการเดินเก็บอาวุธ เพียงแต่เนื้อหาจะดูย้อนยุคคล้ายกับยุโรปยุคกลางประมาณว่า Medieval และแน่นอนว่า OPPO F9 สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหลเช่นกัน
หรือถ้าชอบแนว PUBG Mobile แต่อยากได้ภาพที่ดูเบาสบาย ก็มีเกม Battlelands Royale ที่เหมือนจะเบาสมองลงมาหน่อย และก็เช่นเคยคือ OPPO F9 เล่นได้สบายๆ
อีกเกมที่หลายคนน่าจะชอบอย่าง Maple Story M ก็เล่นได้ดีบน OPPO F9 หรือพูดง่ายๆ ว่าเท่าที่ลองจิ้มๆ โหลดๆ มาลองเล่นหลายๆ เกมก็พบว่า OPPO F9 เล่นได้ทุกเกมเลย
จุดเด่นของ OPPO F9 ที่ทำให้การเล่นเกมสนุกยิ่งขึ้น
อัตราส่วนพื้นที่หน้าจอสูงถึง 90.8%
OPPO F9 มาพร้อมหน้าจอขนาด 6.3 นิ้วโดยมีสัดส่วนหน้าจอสูงถึง 90.8% หมายความว่าพื้นที่ด้านหน้าตัวเครื่องเกือบทั้งหมดเป็นส่วนของหน้าจอ เครื่องจึงมีขนาดเล็กแม้จะมีหน้าจอขนาดใหญ่ก็ตาม ทำให้เราสามารถพกพาและถือเล่นเกมได้สบายกว่าเดิม
เรื่องของภาพก็จัดว่าดีแล้วด้านระบบเสียงก็ไม่น้อยหน้าเพราะมี Real Sound Technology ที่ใช้ร่วมกับหูฟังเพื่อให้ได้อรรถรสที่ดียิ่งขึ้น และลำโพงจากตัวเครื่องก็เสียงดังเอาเรื่อง
VOOC Flash Charge ระบบชาร์จเร็วเอกสิทธิ์ของ OPPO
VOOC Flash Charge เป็นระบบที่ OPPO คิดค้นซึ่งชาร์จเร็วกว่าระบบทั่วไปถึง 4 เท่า และอุ่นใจได้ด้วยระบบความปลอดภัย 5 ชั้น นอกจากจะชาร์จเร็วแล้วยังมาพร้อมกับยังมีแบตเตอรี่ขนาด 3500 mAh ช่วยให้เล่นเกมได้ยาวนานขึ้นอีกด้วย
Game Space เร่งความเร็วและปิดแจ้งเตือนเพื่อการเล่นเกม
ในการเล่นเกมให้มีประสิทธิภาพสูงสุดบน OPPO F9 สามารถทำได้ด้วยการเพิ่มเกมเข้าไปยัง Game Space โดยเครื่องจะเร่งพลังกราฟิก พร้อมกับปิดการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตสำหรับแอพที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง เพื่อให้ตัวเกมเสถียรยิ่งขึ้น และยังปิดแจ้งเตือนที่เด้งมากวนใจให้เหลือเฉพาะสายเรียกเข้าที่จะโชว์เป็นกล่องเล็กๆ ด้านบน ไม่ให้บังหน้าจอ หรือถ้าต้องการปิดแจ้งเตือนทุกอย่างก็ทำได้เช่นกัน
และสำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องความสว่างหน้าจอที่ขึ้นๆ ลงๆ ก็มีโหมดให้ล็อกความสว่างหน้าจอใน Game Space อีกด้วย ซึ่งสะดวกกว่าการปรับล็อกเองผ่านตัวระบบ เพราะการใช้ผ่าน Game Space จะทำการล็อกความสว่างหน้าจอให้ทันทีเมื่อเข้าเกม
Smart Sidebar เครื่องมือตัวช่วยสำหรับคอเกม
ระหว่างที่เล่นเกม เราสามารถปัดขอบจอทางด้านซ้ายเพื่อเรียก Smart Sidebar ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับคอเกม โดยมีส่วนสำคัญได้แก่
- Block Banner : ปิดการแจ้งเตือน
- Reject Call : ตัดสายโทรเข้า
- Play AFK : ปิดหน้าจอโดยที่เกมยังทำงานอยู่
- Screenshot : จับภาพหน้าจอ
- Screen Record : บันทึกคลิปหน้าจอ
- เกร็ดความรู้
- AFK เป็นศัพท์ที่เกิดขึ้นในยุคเกมบนคอมพิวเตอร์ซึ่งมีเมาส์และคีย์บอร์ด ทำให้ใช้คำว่า Away From Keyboard ที่หมายความตอนนี้อยู่ไกลจากคีย์บอร์ดไม่สามารถเล่นหรือโต้ตอบได้ โดยศัพท์คำนี้มีอายุยาวนานมากกว่า 10 ปี และยังนิยมใช้อยู่ แม้ว่าการเล่นเกมบนมือถือสมาร์ทโฟนที่ไม่มีคีย์บอร์ดก็ตาม
นอกจากนี้ยังมีส่วนของการเปิดแอพแชทขึ้นมาเป็นหน้าต่างลอยซ้อนบนตัวเกม เพื่อให้ไม่พลาดทั้งการเล่นเกมและการแชท โดยรองรับแอพยอดนิยมอย่างเช่น Line, Facebook Messenger
รายละเอียดสเป็กเชิงเทคนิคของ OPPO F9
ในแง่คะแนน Benchmark ก็อยู่จัดว่ามีดีพอตัว กับคะแนน AnTuTu ที่ 136965 และ Geekbench 4 แบบ Single-Core ที่ 1494 และ Multi-Core ที่ 5712 คะแนน นอกจากนี้ยังมีแรมมาให้อีก 6GB ที่ช่วยให้การเปิดเกมหรือสลับแอพทำได้ลื่นไหล
บทสรุปของ OPPO F9 กับการเล่นเกม
ถ้ามองที่ชิป MediaTek Helio P60 อาจเกิดคำถามในใจว่าจะเล่นเกมได้ดีแค่ไหน แต่เท่าที่ได้ทดสอบมาระยะเวลาหนึ่งพบว่า OPPO F9 ทำได้ดีเกินคาด สามารถเล่นเกมดังๆ ได้ลื่นไหลไม่มีปัญหา และยังมีตัวช่วยต่างๆ ที่ทำให้เล่นเกมได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ Play AFK ที่เหมาะสำหรับคนปล่อย Bot ให้เกมรันเองโดยที่ตัวเครื่องไม่ร้อนและถือเป็นการประหยัดแบตเตอรี่ไปในตัว
นับว่า OPPO F9 เป็นอีกรุ่นที่คุ้มค่าในราคา 10,990 บาท ด้วยคุณสมบัติที่ครบถ้วนรอบด้านและยังเล่นเกมได้ดีอีกด้วย และที่สำคัญยังมีสีที่โดดเด่นอย่าง Starry Purple ให้จับจองเป็นเจ้าของ โดยเปิดจองในวันที่ 8 – 26 กันยายนนี้