หลายปีที่ผ่านมา Android Tablet ไม่เป็นที่นิยมมากนัก เพราะคนไม่รู้สึกถึงเหตุผลที่ต้องซื้อ แต่ความคิดนั้นจะเปลี่ยนไปเมื่อได้ลองสัมผัส HUAWEI MediaPad M5 Pro ที่ตอบโจทย์ Work & Play ทั้งการทำงานในระดับที่ทดแทนโน๊ตบุ๊ค พร้อมกับปากกาที่แรเงาได้หรือแม้แต่ความบันเทิงที่อัดแน่นด้วยลำโพงคุณภาพจาก Harman Kardon ทั้ง 4 ตัว ในราคาเปิดตัวเพียงแค่ 18,990 บาท
ตอบโจทย์ความบันเทิงด้วยหน้าจอและลำโพงคุณภาพ
HUAWEI MediaPad M5 Pro มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 10.8 นิ้ว ความละเอียด 2K และเทคโนโลยี ClariVu ที่ช่วยแก้ไขเฟรมและภาพที่มีปัญหาให้คมชัดยิ่งขึ้น และยังสามารถปรับโหมดความจัดจ้านของสีได้ทั้ง Normal และ Vivid รวมถึงโหมดถนอมสายตาที่ช่วยตัดทอนแสงสีฟ้า ลดความอ่อนล้าของดวงตาโดยเฉพาะเมื่อใช้งานยามค่ำคืน
นอกจากนี้ยังรองรับไฟล์เสียงในระดับ hi-res พร้อมกับระบบเสียง HUAWEI Histen sound effects และลำโพงคุณภาพทั้ง 4 ตัวที่ปรับแต่งโดย Harman Kardon ช่วยให้เสียงออกมามีคุณภาพที่ดีและดังมาก
และการที่มีหน้าจอสวยบวกกับระบบเสียงคุณภาพดี ทำให้อิ่มเอมกับความบันเทิงได้ไม่ว่าจะเป็นการดูหนังฟังเพลงรวมถึงการเล่นเกม
ตอบโจทย์คนเล่นเกมด้วยระบบ Game Suite
สำหรับคนเล่นเกมแล้ว สิ่งพื้นฐานที่ต้องการก็คือประสิทธิภาพที่สูงและไม่มีสิ่งใดมากวนใจ ซึ่ง Game Suite ก็ตอบโจทย์นี้ด้วย Game Mode ที่เร่งประสิทธิภาพเพื่อให้เกมลื่นไหลยิ่งขึ้น และมี Uninterrupted ที่ปิดข้อความการแจ้งเตือนต่างๆ ไม่ให้มารบกวนระหว่างเล่นเกม
ตอบโจทย์การทำงานด้วย Keyboard และ M-Pen ที่แรเงาได้
จุดเด่นที่ทำให้ HUAWEI MediaPad M5 Pro ชนะใจหลายคนคือ Case Keyboard และ M-Pen ที่สร้างความแตกต่างจากแท็บเล็ตทั่วไป ซึ่งในเชิงเทคนิคแล้ว M-Pen รองรับแรงกด 4096 ระดับและสามารถเอียงปากกาเพื่อแรเงาได้
M-Pen ถูกออกแบบมาให้เหมือนปากกาที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้งขนาดด้ามและคลิปหนีบที่ปลายปากกา โดยมีปุ่มควบคุม 2 ปุ่มสำหรับจับภาพหน้าจอ ด้วยการกดค้างที่ปุ่มแล้วตีกรอบรอบส่วนที่ต้องการจับภาพหน้าจอก็จะได้ Screenshot สำหรับนำไปใช้ขีดเขียนต่อได้
และในกรณีที่อยากใช้ M-Pen เขียนแทนการพิมพ์ก็สามารถทำได้เช่นกัน เนื่องจากมีระบบแปลงลายมือให้เป็นตัวอักษร ซึ่งรองรับทั้งภาษาไทยและอังกฤษ
ส่วนแอพที่ใช้วาดเขียนหรือจดบันทึกที่ทาง HUAWEI แนะนำคือ Autodesk SketchBook สำหรับวาดรูป ซึ่งรองรับการทำ Layer รวมถึงรองรับแรงกดและการเอียงปากกา M-Pen เพื่อแรเงา
และยังมี Nebo for HUAWEI ที่เหมาะสำหรับการเขียนข้อความจดบันทึก ที่มีจุดเด่นด้านการควบคุมผ่านปากกา M-Pen เช่น ขีดฆ่าลงบนข้อความที่ผิดก็จะเป็นการลบข้อความนั้นๆ
สำหรับผมที่ต้องทำงานตัดต่อคลิปวีดีโอก็สร้างสรรค์ผลงานได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากแอพ Kinemaster ที่ใช้ตัดต่อคลิปวีดีโอสามารถทำงานร่วมกับ M-Pen ได้เป็นอย่างดี โดยสามารถวาดเขียนลงไปในคลิปและสั่ง Render เป็น Animation ได้ ว่าจะให้ลายเส้นขึ้นพร้อมกันทีเดียวหรือจะให้เป็น Animation ที่ค่อยๆ ลากเส้นก็ได้เช่นกัน
ส่วนเรื่องแบตเตอรี่ของ M-Pen ก็ใช้ได้ยาวนาน ด้วยการชาร์จ 1 ครั้งใช้ได้ประมาณ 2 เดือน นอกจากนี้ยังมี Case Keyboard (ของแถม Pre-Order จำนวนจำกัด) ที่ผมคิดว่าดีที่สุดในฝั่ง Android เนื่องด้วยมีการจัดวาง Layout ที่เป็นมาตรฐานทำให้พิมพ์ได้ง่ายเหมือนใช้โน๊ตบุ๊ค และตัว Case Keyboard ยังมีความแข็งแรง สามารถกางเป็นขาตั้งได้มั่นคง รวมถึงมีการเจาะช่องสำหรับกล้องหลังด้วย
ต่างจากฝั่ง Samsung ที่ผมเคยใช้ Galaxy Tab S3 แล้วพบว่ามี Layout ที่ไม่มาตรฐานทำให้พิมพ์ยาก
ตัว Case Keyboard เชื่อมต่อกับ HUAWEI MediaPad M5 Pro ผ่าน POGO PIN หรือเรียกแบบบ้านๆ ก็คือการเชื่อมต่อผ่านการเสียบและให้ขั้วสัมผัสกัน ซึ่งการเชื่อมต่อแบบนี้ให้คุณภาพที่ดีกว่าการต่อผ่าน Bluetooth เพราะจะไม่มีอาการหน่วงหรือสัญญาณชนกัน และวิธีการประกอบร่างก็ใช้วิธีสไลด์เสียบเข้าช่อง ฉะนั้นไม่มีการหลุดอย่างแน่นอน
นอกจาก M-Pen และ Case Keyboard ที่ช่วยยกระดับประสบการณ์แล้ว ยังต้องยกความดีความชอบให้กับ TouchPad ที่อยู่บน Case Keyboard เพราะนี่คือ Killing Feature ที่เหนือกว่าแท็ตเล็ตอื่นๆ ช่วยให้การควบคุมสั่งการเหมือนการใช้โน๊ตบุ๊คไม่มีผิด โดยมี Cursor ลูกศรเหมือนกับเมาส์ที่เราคุ้นเคย ช่วยให้การคลิกต่างๆ ทำได้ง่ายยิ่งขึ้น
ในการสลับภาษาแม้ว่าจะมีปุ่มลูกโลกสำหรับสลับแป้นพิมพ์ แต่ผมแนะนำให้ติดตั้งแอพ Hardware Thai Keyboard ของ Gadgetdoor เนื่องจากทำให้เราสามารถกดสลับภาษาผ่านปุ่ม “~” ได้ (ปุ่มนี้นิยมเรียกกันว่า “ตัวหนอน” หรือ “grave accent” )
และที่สำคัญก็คือตัว Case Keyboard สามารถควบคุมบางเกมได้ด้วย ซึ่งผมเคยทดสอบกับ PUBG Mobile และพบว่าสามารถควบคุมการสั่งการได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้าอยากควบคุมแบบครบถ้วนทุกปุ่มก็ต้องหาแอพมา Mapping Key เพิ่มเติม
ใช้ทำงานแทนโน๊ตบุ๊คได้ด้วย Desktop Mode
ตั้งแต่ HUAWEI Mate 10 เป็นต้นมาก็มีฟีเจอร์เด็ดคือ Desktop Mode ที่สามารถต่อเข้าจอทีวีแล้วแปลงร่างเป็นคอมพิวเตอร์ย่อมๆ ได้ แต่สำหรับแท็บเล็ตอย่าง HUAWEI MediaPad M5 Pro เด็ดกว่าตรงที่ไม่จำเป็นต้องหาจอทีวีมาต่อ เพราะสามารถกดสลับโหมดได้ทันที
ในการสลับโหมดระหว่างการใช้งานทั่วไปกับ Desktop Mode ก็ทำได้ง่ายมาก เพียงแค่กดเปลี่ยนโหมดที่แถบแจ้งเตือนด้านบน หลังจากนั้นใช้เวลาประมาณ 2-3 วินาทีก็พร้อมใช้งาน Desktop Mode แล้ว
ข้อดีของ Desktop Mode ก็คือ UI/UX จะเปลี่ยนไปคล้ายกับการใช้งาน Desktop OS เช่น Windows, macOS, Linux สามารถทำงานแบบหลายหน้าต่างได้ง่าย โดยมี Taskbar ด้านล่างเพื่อดูว่าเปิดแอพไหนไว้บ้าง รวมถึงการแสดงผลแถบแจ้งเตือนที่เหมือนการใช้โน๊ตบุ๊คทำงาน แต่ทั้งนี้ต้องบอกว่าไม่ใช่ทุกแอพที่จะย่อเป็นหน้าต่างเล็กได้
นอกจากนี้การใช้งาน Desktop Mode ร่วมกับ Case Keyboard ก็ให้ประสบการณ์ที่ดีมากในระดับที่ทดแทนโน๊ตบุ๊คได้สำหรับงานทั่วไป แม้ว่ามือถือสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตทั่วไปจะเข้าเว็บได้ แต่ถ้าต้องทำงานอย่างจริงจังผ่านหน้าเว็บอย่างเช่นการเขียนบล็อก ก็จะพบว่าส่วนใหญ่ติดข้อจำกัดเรื่องการ Input แม้แต่ iPad ก็เจอปัญหานี้
แต่สำหรับ HUAWEI MediaPad M5 Pro ได้ทำลายกำแพงข้อจำกัดนี้เพราะมี Desktop Mode + Keyboard + TouchPad ทำให้สามารถควบคุมและป้อนข้อมูลได้ไม่ต่างจากโน๊ตบุ๊ค นอกจากนี้ด้วยความเป็น Android ที่เปิดกว้างอนุญาตให้เข้าถึงไฟล์บนตัวเครื่อง ทำให้สามารถอัพโหลดไฟล์และรูปภาพขึ้นไปยังเว็บได้ ซึ่ง iPad ทำแบบนี้ไม่ได้
ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ HUAWEI MediaPad M5 Pro เป็นแท็บเล็ตตัวเดียวในท้องตลาดที่ตอบโจทย์การทำงานผ่านหน้าเว็บ
รองรับคุณสมบัติด้านการโทรที่ครบถ้วนไม่ต่างจากมือถือ
แม้ว่าแท็ตเล็ตจะมีขนาดใหญ่เกินกว่าจะยกมาโทรแนบหู แต่ก็มีหลายคนที่นิยมนำมาโทรหรือรับข้อความ SMS โดยเฉพาะการใช้ร่วมกับแอพที่มีการยืนยันตัวตนแบบ OTP ซึ่งจำเป็นต้องใช้ SMS
และ HUAWEI MediaPad M5 Pro ก็จัดเต็มคุณสมบัติด้านนี้ครบถ้วนเหมือนบนฝั่งสมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะเป็นการโทรออก, รับสาย, ตั้งค่าโทรด่วน, บล็อกเบอร์, รับข้อความ SMS ฯลฯ
ซึ่งผมเคยมีเพื่อนคนหนึ่งที่ไม่มีมือถือแต่เค้าใช้แท็บเล็ตคู่กับหูฟังบลูทูธในการโทร ดังนั้น HUAWEI MediaPad M5 Pro ก็จัดว่าเป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับคนที่ต้องการคุณสมบัติด้านการโทร
ประสิทธิภาพระดับเรือธงพร้อมกับแบตเตอรี่ที่อึดเกิน 2 วัน
เห็นคุณสมบัติจัดเต็มแบบนี้ก็ต้องบอกว่าไม่ต้องห่วงเรื่องประสิทธิภาพ เนื่องจาก HUAWEI MediaPad M5 Pro ใช้ชิปเซ็ตในกลุ่มของเรือธงอย่าง Kirin 960 กับแรม 4GB และหน่วยความจำภายใน 64GB ที่รองรับ microSD รวมถึงการปลดล็อกด้วยการสแกนลายนิ้วมือด้วย
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 7500 mAh พร้อมกับระบบชาร์จเร็วแบบ USB-C ที่ช่วยให้ใช้งานยาวนานยิ่งขึ้น และถ้าใช้ควบคู่กับโหมด Power Saving ที่จะทำการปิด Process ที่ไม่จำเป็นเพื่อลดภาระการใช้พลังงาน ก็จะใช้งานได้ยาวนานสูงสุดนานกว่า 2 วัน
เล่นเฟซบุ๊คแชทไลน์ได้ 2 ไอดี และรองรับเจ้าของเครื่องหลายคน
งานนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับ EMUI ที่ทาง HUAWEI พัฒนาขึ้นมา เพราะจัดเต็มอัดแน่นฟีเจอร์มากมาย โดยเฉพาะระบบ 2 ไอดีที่หลายคนต้องการ แต่นอกจากจะเล่น 2 ไอดีได้แล้วต้องบอกว่า HUAWEI เด่นกว่าหลายๆ ค่ายตรงที่รองรับเจ้าของเครื่องหลายคน
การรองรับเจ้าของเครื่องหลายคนหมายความว่า เราสามารถสร้างผู้ใช้งานขึ้นมาได้หลายคน โดยที่แต่ละคนจะมองเห็นเฉพาะแอพและข้อมูลของตัวเองเท่านั้น โดยวิธีสลับไอดีเจ้าของก็ทำง่ายๆ เพียงแค่การสแกนลายนิ้วมือเท่านั้น
กล้องดีในแบบของแท็บเล็ต
ตัวกล้องหลังมีความละเอียด 13 ล้านพิกเซลกับค่ารูรับแสง f/2.2 และระบบโฟกัสแบบ PDAF ส่วนกล้องหน้าก็ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.2 และ Fix Focus
ด้านคุณสมบัติลูกเล่นของกล้องแทบจะยกเครื่องมาจากฝั่งสมาร์ทโฟน เช่น Pro mode, Night shot, Light painting, All focus หรือแม้แต่ Portrait และ Bokeh
 |
| ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง |
ส่งไฟล์ง่ายกว่าด้วย HUAWEI Share
ในกรณีที่ใช้มือถือสมาร์ทโฟนของ HUAWEI อยู่แล้วก็สามารถโยนไฟล์ข้ามเครื่องแบบไร้สายได้ง่ายๆ เพียงแค่กดแชร์และเลือกเครื่องปลายทาง แต่ความสะดวกไม่ได้ถูกจำกัดแค่นั้นเพราะเราสามารถส่งไฟล์ไปยัง Windows หรือ macOS แบบไร้สายได้โดยไม่ต้องหาโหลดแอพเพิ่ม
และ HUAWEI Share จะโดดเด่นมากถ้าใช้ควบคู่กับมือถือกล้องดีอย่างเช่น HUAWEI P20 Pro โดยเมื่อทำการถ่ายรูปหรือคลิปเสร็จเรียบร้อยก็โยนไฟล์แชร์มายัง HUAWEI MediaPad M5 Pro เพื่อแก้ไขหรือตัดต่อบนหน้าจอที่ใหญ่กว่า
ประหยัดเน็ต 4G ด้วย Tablet Manager
อันที่จริงแล้ว Tablet Manager เป็นแอพที่จัดการความเรียบร้อยของเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นการลบไฟล์ขยะ หรือการป้องกันไวรัส แต่ส่วนที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือส่วนของ Mobile Data ที่สามารถเลือกได้ว่าจะให้แอพไหนใช้งาน 4G บ้าง หรือจะให้แอพไหนเชื่อมต่อเฉพาะ Wi-Fi ซึ่งแบบนี้ก็ช่วยป้องกันค่าเน็ตบานปลายหรือ 4G หมด โดยเก็บแพ็กเกจไว้ใช้เฉพาะแอพที่เราต้องการเท่านั้น
บทสรุปของ HUAWEI MediaPad M5 Pro
HUAWEI MediaPad M5 Pro เป็นสิ่งใหม่ที่ปฏิวัติวงการแท็บเล็ต ที่นอกจากจะครบเครื่องไม่แพ้คู่แข่งแล้ว ยังมีทีเด็ดที่เหนือกว่าอย่าง Desktop Mode และ Keyboard + TouchPad ที่ค่ายอื่นไม่มี ทำให้สามารถทำงานพื้นฐานทดแทนโน๊ตบุ๊คได้
ถ้าเทียบกับฝั่ง Android ด้วยกันก็ต้องบอกว่ารุ่นนี้เด่นกว่าในด้านการป้อนข้อมูล ที่มีแป้นพิมพ์มาตรฐานและยังมี TouchPad หรือถ้าเทียบกับ iPad ก็ต้องบอกว่าความเปิดกว้างของ Android ทำให้สามารถปรับโหมดการแสดงผลของเว็บให้เป็น Desktop Mode ได้สะดวกกว่า รวมถึงการอัพโหลดไฟล์ไปยังเว็บและการควบคุมผ่าน TouchPad ได้ง่าย
ถ้าเทียบกับโน๊ตบุ๊คก็คงต้องบอกว่าในราคาใกล้เคียงกันแล้ว HUAWEI MediaPad M5 Pro มีน้ำหนักที่เบากว่า แบตเตอรี่ก็อึดกว่า รวมถึงใส่ซิมเล่นเน็ตได้
นี่คือเหตุผลที่ผมบอกว่า HUAWEI MediaPad M5 Pro คือประสบการณ์แบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน คงไม่ผิดนักถ้าจะเรียกสิ่งนี้ว่าเป็นที่สุดของความเป็นแท็บเล็ตแห่งปี 2018
