เมื่อคืนนี้ Google ได้เปิดตัว Android P 9.0 อย่างเงียบๆ โดยใช้ชื่อว่า Android Pie แม้หน้าตาโดยรวมจะแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่รุ่นนี้ได้มีการผสาน AI เข้ามาเรียนรู้การใช้งานและปรับแต่งระบบให้เราใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตรงกับการใช้งานของเรามากกว่าเดิม โดย Google ได้ปล่อยอัปเดตให้กับผู้ใช้ Google Pixel แล้ว นอกจาก Google ยังมี Essential อีกเจ้าที่ปล่อยอัปเดต Android P ให้ผู้ใช้ Essential PH-1 แล้วเช่นกัน สำหรับสมาร์ทโฟนที่เข้าร่วมโครงการ Android P Beta ทาง Google แจ้งว่าจะได้อัปเดตก่อนสิ้นปีนี้แน่นอน โดยมีรายชื่อสมาร์ทโฟนดังนี้
- Essential Phone
- Sony Xperia XZ2
- Sony Xperia XZ2 Premium
- Xiaomi Mi Mix 2S
- Nokia 7 Plus
- Oppo R15 Pro
- Vivo X21
- OnePlus 6
ส่วนยี่ห้อและรุ่นอื่นๆ รออัปเดตจากทางผู้ผลิตครับ
ฟีเจอร์ใหม่ใน Android P
- Adaptive Battery : เครื่องจะทำการเรียนรู้การใช้งานของเรา และปรับการใช้พลังงานของแต่ละแอปให้เหมาะสมกับเรา
- Adaptive Brightness : เครื่องจะเรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานและปรับความสว่างจอตามสภาพแสง เวลา และสถานที่ที่เราใช้งาน
- Background restrictions : ระบบจะช่วยแนะนำแอปที่ใช้งานแบตเตอรี่ในเบื้องหลังมากผิดปกติ เพื่อให้เราเลือกว่าจะปิดใช้งานแอปนั้นเพื่อประหยัดแบตเตอรี่ไหม
- App Actions : เป็นแถบการสั่งการพิเศษที่จะเสนอสิ่งที่คาดว่าเราจำเ็นต้องใช้ เช่น ตอนเช้าจะเสนอให้นำทางไปที่ทำงาน ระหว่างช่วงทำงานอาจจะเป็นแนะนำให้ดูปฏิทินนัดหมาย ช่วงที่กำลังเดินทางแนะนำให้เป็นเพลย์ลิสต์เพลงที่ฟังบ่อย
- Slices : ตัดบางส่วนของแอปออกมาให้เรียกใช้ได้อย่างรวดเร็วในช่องผลการค้นหา
- Gesture Navigation : เปลี่ยนการควบคุมจาก 3 ปุ่มมาตรฐานเป็นบังคับด้วยท่าทางแทน
- Digital Wellbeing : แอปใหม่ที่จะมาช่วยให้เราเรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานสมาร์ทโฟนของตัวเอง ให้เราสามารถจัดสรรเวลาการใช้งานสมาร์ทโฟนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้ไม่ติดหน้าจอมากเกินไป
- Do Not Disturb : ปรับปรุงการห้ามรบกวนใหม่โดยนอกจากจะปิดเสียงแล้วยังปิดการรบกวนที่เกิดจากกราฟิกต่างๆ บนหน้าจอด้วย
- App dashboard : รวบรวมข้อมูลใช้งานแอป ทั้งเวลาที่ใช้ รวมถึงแจ้งเตือนที่ได้ เพื่อให้เราสามารถจัดการการใช้แอปของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- Wind Down : โหมดก่อนนอนที่จะปรับหน้าจอเป็นขาวดำเพื่อไม่ให้รบกวนสายตาเรา
- App timers : จำกัดการใช้งานของแต่ละแอป
- Multi-camera support : รองรับกล้องหลายตัว ทำให้แอปต่างๆ สามารถเรียกใช้กล้องแบบหลายตัวได้แล้ว โดยรองรับทั้งใช้ในการวัดความลึก สร้างเอฟเฟ็กต์หน้าชัดหลังเบลอ จนถึงทำภาพ 3 มิติ
- External camera support : รองรับกล้องภายนอกที่ต่อทาง USB
- Edge-to-edge screens : รองรับสมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอยาวกว่า 18:9 หรือหน้าจอที่มีติ่ง
- Multiple Bluetooth connections : รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth ได้สูงสุดถึง 5 อุปกรณ์ และเมื่อมีโทรศัพท์เข้า จะถูกส่งไปยังอุปกรณ์ที่ชิ้นที่รองรับทุกชิ้นโดยอัตโนมัติ
- Sound delay reporting : รองรับหูฟังไร้สายที่มี Sound delay Reporting ทำให้สามารถ Sync เสียงกับภาพให้ตรงกันเวลาดูวิดีโอได้
- Volume memory per Bluetooth device : จดจำระดับเสียงของอุปกรณ์ Bluetooth แต่ละชิ้นได้ ไม่ต้องตั้งใหม่ทุกครั้งที่เชื่อมต่อ
- Smart replies : แนะนำประโยคที่คาดว่าเราจะตอบในแจ้งเตือนของแอป Messenger ต่างๆ
- Volume controls : ปรับปรุงใหม่ เลื่อนมาอยู่มุมจอแทน ปรับง่ายขึ้น
- Screenshots : สามารถแก้ไขภาพ Screenshot แบบง่ายๆ ได้แล้ว
- Rotation : สามารถควบคุมการหมุนได้สะดวกกว่าเดิม โดยจะเป็นไอคอนที่แถบ Navigation bar ทำให้ไม่ต้องไปคอยกดล็อกและปลดล็อกการหมุนบ่อยๆ
- Overview Selection : สามารถคัดลอกข้อความจากหน้า Overview ได้แล้ว
ที่มา Android, Digital Trends