รีวิว TP-LINK Smart Wi-Fi Plug HS110 เปลี่ยนปลั๊กไฟธรรมดาให้ฉลาดล้ำ
สรุปประเด็นเด่น
ปัญหาอย่างหนึ่งของคนยุคนี้ คือวิถีชีวิตที่มักอยู่อาศัยแบบไม่มีใครปักหลักเฝ้าที่พัก ไม่เหมือนยุคก่อนที่อยู่กันแบบครอบครัวใหญ่ การเลือกใช้ TP-LINK Smart Wi-Fi Plug HS110 ที่สามารถควบคุมการจ่ายไฟด้วยมือถือ จึงเป็นตัวเลือกที่ดีทั้งในแง่การควบคุมค่าใช้จ่าย และแง่ความปลอดภัยในกรณีที่ลืมปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าก่อนออกจากบ้าน
Highlight
- เติมเต็มบ้านให้เป็น Smarthome โดยไม่ต้องรื้อระบบเดิม
- รองรับการสั่งงานผ่านมือถือ
- รองรับการควบคุมด้วยเสียงทั้ง Google Assistant และ Amazon Alexa
- ตรวจสอบอัตราการบริโภคพลังงานได้
- เชื่อมต่อ IFTTT ได้ ทำให้ปลั๊กเปิด-ปิดอัตโนมัติตามเงื่อนไขได้
TP-LINK Smart Wi-Fi Plug HS110 เป็นปลั๊กไฟแบบอัจฉริยะในราคาเต็ม 1,290 บาท
สามารถเชื่อมต่อ Wi-Fi และควบคุมการเปิด-ปิดได้จากมือถือ รวมถึงการแสดงอัตราการบริโภคพลังงาน ที่ช่วยให้เราสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น และยังหมดกังวลเรื่องการลืมปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกด้วย
รูปทรงและการใช้งานมีเพียง 1 ปุ่มบนตัวปลั๊ก ซึ่งทำหน้าที่ในการเชื่อมต่อสัญญาณ Wi-Fi ด้วยความถี่ 2.4 GHz ซึ่งเป็นความถี่ที่นิยมสำหรับอุปกรณ์ด้าน Smart Home เนื่องจากมีระยะการเชื่อมต่อที่ค่อนข้างกว้าง
ปลั๊กตัวนี้เป็นแบบ 3 ขา ซึ่งบ้านยุคใหม่ก็มักจะรองรับปลั๊กรูปแบบนี้แล้ว เว้นแต่เป็นบ้านยุคก่อนที่ต้องใช้ตัวแปลงให้เป็น 2 ขามาใช้ร่วมด้วย
การติดตั้งและใช้งานเพียงแค่เสียบปลั๊กและโหลดแอพที่ชื่อ Kasa จาก หรือ จากนั้นทำการเชื่อมต่อตามขั้นตอนก็พร้อมใช้แล้ว
ตัวแอพ Kasa รองรับอุปกรณ์หลากหลายชนิดของ TP-LINK เช่น หลอดไฟ, กล้องวงจรปิด, เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว แต่ส่วนที่เราสนใจตอนนี้คือ Smart Plug ครับ
เราสามารถตั้งชื่อปลั๊กแต่ละตัวได้เพื่อไม่ให้สับสน โดยเฉพาะกรณีที่เราใช้ TP-LINK Smart Wi-Fi Plug HS110 หลายตัว โดยตัวแอพสามารถตั้งเวลาเปิด-ปิดได้ 3 แบบคือ
- Schedule เหมาะกับการใช้งานที่มีเวลาตายตัวเช่น ปิดไฟทุกเย็นหลังปิดร้าน
- Away เหมาะกับคนที่มีกิจวัตรประจำวัน เช่น ออกจากบ้านทุกวันตอน 8:00 น. และกลับถึงบ้าน 18:00 น.
- Timer เป็นการนับเวลาถอยหลัง สามารถนำไปประยุกต์กับการชาร์จแบตเตอรี่ของอุปกรณ์ต่างๆ ได้
ข้อมูลการจ่ายไฟแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ Usage อัตราการบริโภคพลังงานและ Runtime ระยะเวลาที่เปิดใช้งาน โดยคำนวณจากข้อมูลปัจจุบันและยังมีรายละเอียดย้อนหลังสูงสุด 30 วันด้วย
การคำนวณในลักษณะนี้แม้จะไม่ออกมาเป็นค่าไฟให้เห็นได้ชัดเจน แต่ก็ทำให้เราตรวจสอบข้อมูลได้ง่ายขึ้น แต่ความฉลาดล้ำยังไม่หมดแค่นี้เพราะมันรองรับระบบสั่งงานด้วยเสียงของ Amazon Alexa และ Google Assistant ด้วย ทำให้เราสามารถพูดสั่งงานเปิด-ปิดผ่านมือถือได้ทันที
และที่เด็ดกว่านั้นคือมันรองรับการเชื่อมต่อกับ IFTTT ด้วย ซึ่งสิ่งนี้เป็นบริการฟรีระดับโลกที่ดีมากๆ สามารถใส่เงื่อนไขต่างๆ ให้มันทำงานได้ฉลาดขึ้น เช่น
- ถ้าเข้าระยะของตัวบ้านก็สั่งให้เปิด
- เมื่อออกจากระยะก็สั่งให้ปิด
หรือถ้าจะสั่งเปิด-ปิดอัตโนมัติแบบที่ล้ำกว่านั้นก็เช่น
- เมื่อมีการโพสบนหน้าเพจ
- เมื่อแบตเตอรี่มือถือใกล้หมด
- เมื่อมีไฟล์ใหม่บน Google Drive
- เมื่อมีเมลหรือข้อความเข้า
เรียกได้ว่าหมดกังวลเวลารีบออกจากบ้านแล้วพะวงว่าลืมปิดเครื่องใช้ไฟฟ้ารึเปล่า พัดลมจะเปิดนานจนมอเตอร์ไหม้หรือเสียบเตารีดค้างไว้จนอาจเกิดเหตุร้ายหรือไม่ เพราะเราสามารถดูอัตราการบริโภคพลังงานและสั่งเปิด-ปิดได้แม้ตัวจะอยู่ไกล รวมถึงการเติมเต็มบ้านให้กลายเป็น Smarthome ได้อีกวิธีหนึ่ง
การมาของ TP-LINK Smart Wi-Fi Plug HS110 ทำให้ผมสามารถควบคุมปลั๊กไฟผ่านมือถือได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ผมก็มี Philips hue สำหรับควบคุมหลอดไฟและ Broadlink RM3 ที่ทำหน้าที่แทนรีโมทควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชิ้นในบ้าน พร้อมกับกล้องวงจรปิดจาก Yi และเครื่องกรองอากาศของ Mi
นับว่า TP-LINK Smart Wi-Fi Plug HS110 เป็นการยกระดับบ้านให้กลายเป็น Smart Home ด้วยงบราว 1,000 บาทต่อจุด โดยไม่ต้องรื้อระบบของเดิมก็ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่คุ้มค่าน่าใช้มากครับ