Huawei มีชื่ออยู่ในการจัดอันดับของ Forbes เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา โดยอยู่ในอันดับที่ 88 และมีมูลค่าแบรนด์ตามการจัดอันดับอยู่ที่ 7.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในการจัดอันดับครั้งล่าสุดหลังจากมีอัตราการเติบโตต่อปีของบริษัทฯ เพิ่มสูงขึ้น 15% ส่งผลให้มูลค่าของแบรนด์เพิ่มเป็น 8.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นอันดับที่ 79 ในปีนี้ ทั้งนี้หัวเว่ยยังคงเป็นบริษัทจากประเทศจีนเพียงบริษัทเดียวตามการจัดอันดับครั้งนี้อีกด้วย
สำหรับการจัดอันดับ 100 แบรนด์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกตามรายงาน BrandZ ซึ่งเป็นการศึกษาแบรนด์ประจำปีที่รวบรวมโดย WPP และ Kantar Millward Brown รายงานว่า หัวเว่ยไต่ขึ้นสู่อันดับที่ 48 โดยมูลค่าแบรนด์เพิ่มขึ้น 22% ในปีที่ผ่านมา และยังเป็นการติดอันดับติดต่อกันเป็นปีที่ 4
ข้อมูลของบริษัท IDC เผยว่าส่วนแบ่งทางการตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกของหัวเว่ยสูงสุดเป็นอันดับ 3 โดยมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 11.7% ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2018 โดยเพิ่มสูงขึ้นจากปีที่แล้ว 13.8% แบรนด์หัวเว่ยมี Brand Awareness ทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นเป็น 85% ในปี 2017 ที่ผ่านมา สอดคล้องกับอัตราการเติบโตต่อปีของ Brand Consideration ของผู้บริโภคในตลาดนอกประเทศจีนทั้งหมดซึ่งสูงขึ้นถึง 100% นอกจากนี้ ข้อมูลของบริษัทวิจัยตลาด IPSOS บ่งชี้ว่า หัวเว่ยมี Brand Awareness, Brand Consideration และดัชนีชี้วัดความภักดีของลูกค้า (NPS) สูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ในท้องตลาดประเทศจีน
การเติบโตอย่างต่อเนื่องของหัวเว่ยในตลาดโลกและอิทธิพลของแบรนด์ที่เพิ่มขึ้น เป็นผลจากความมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมในระยะยาว รวมไปถึงการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาของหัวเว่ย โดยรายงานผลการดำเนินงานประจำปีของหัวเว่ยระบุว่างบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนาของหัวเว่ยในปี 2017 นั้นอยู่ที่ 89.7 พันล้านหยวน หรือประมาณ 14.9% ของรายได้ โดยตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา หัวเว่ยใช้งบปนระมาณเพื่อการวิจัยและพัฒนาไปแล้วกว่า 3.94 แสนล้านหยวน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2017 หัวเว่ยมีสิทธิบัตรทั้งสิ้น 74,307 ฉบับ โดยจดสิทธิบัตรในประเทศจีนแล้ว 64,091 ฉบับ และในต่างประเทศ 48,758 ฉบับ โดยสิทธิบัตรเหล่านี้เป็นสิทธิบัตรการประดิษฐ์มากกว่า 90%
