รีวิว vivo V9 คุ้มค่าราคา 10,999 บาท พร้อมโหมดแต่งหน้าทาปากและบิ้วตี้วีดีโอคอล
ช่วงไตรมาสแรกของปี 2018 ดูเหมือนแบรนด์จีนเริ่มหันมาเจาะตลาดราคาเกาะหมื่นมากขึ้น อย่างเช่น vivo V9 ที่มาในราคา 10,999 บาท แต่ก็จัดว่าครบเครื่องพอตัว และก็โกยกระแสการจองยอดเข้าเป้าไปเรียบร้อยด้วยอานิสงค์จากของแถมที่เป็นหมอน “แบม แบม” จำนวนจำกัด
ตั้งแต่ที่ Apple ออก iPhone X พร้อม Notch หรือที่บ้านเราเรียกกันว่า “ติ่ง” บนหน้าจอ ก็มีหลายแบรนด์กล้าทำออกมา ที่ผมใช้คำนี้ก็เพราะเดิมทีทุกแบรนด์ตั้งเป้าจะทำจอแบบไร้ขอบแต่ติดปัญหาเรื่องเทคโนโลยีปัจจุบันที่ยังไม่เอื้ออำนวย จนกระทั่ง Essential PH-1 ที่เป็นของผู้ให้กำเนิด Android ได้เปิดโลกด้วยแนวคิดนี้ แต่ไม่เป็นที่แพร่หลายนักกระทั่งผู้ทรงอิทธิพลอย่าง Apple หยิบมาทำก็กลายเป็นเทรนของยุคนี้ไปในทันที
ความต่างของติ่งจอแต่ละรุ่นก็คือ Software ที่เอื้อต่อการแสดงผล ซึ่งต้องบอกว่า vivo ยังทำได้ไม่ดี เพราะการใช้งานจริงแทบทุกแอพจะแสดงผลหลบติ่งกลายเป็นจอ 16:9 ทั้งที่มีพื้นที่ทั้งหมด 19:9 แต่ด้วยหน้าจอขนาด 6.3 นิ้วก็เลยไม่ใช่เรื่องแย่นักที่แสดงผลจริงไม่เต็มจอ
ความเจ๋งอีกอย่างที่บางคนอาจจะชอบก็คือปุ่ม Navigation bar ด้านล่างที่สามารถปิดได้ และใช้งานด้วยการปัดจากขอบจอคล้ายกับ iPhone X
ความโดดเด่นของกล้องหน้านอกจากเรื่อง Beauty แล้วก็ยังคงคุณสมบัติของทางค่ายคือ Beauty VDO Call รองรับแอพยอดนิยมอย่าง Facebook Messenger, Line รวมถึงของที่คนไทยไม่นิยมเช่น Whatsapp, BBM, Viber และ Zalo
ส่วนการถ่ายรูปในโหมด Beauty ที่ถือเป็นจุดขายของรุ่นนี้ก็ถือว่าทำได้ดีและยังรองรับการถ่ายภาพบุคคลแบบหน้าชัด-หลังเบลอทั้งกล้องหน้าและหลังด้วย ที่สำคัญคือหลังจากถ่ายเสร็จแล้วก็ยังมีแอพสำหรับแต่งภาพเพิ่มโดยสามารถปรับแสงในแบบต่างๆ คล้ายกับที่ iPhone และ Huawei มี แต่เด็ดกว่าตรงที่มีการปรับระดับ Beautify ได้เช่นแต่งหน้าเนียน ลบสิว เร่งขาว ลบขอบตาดำ ทำฟันขาว ดันจมูก ทำตาโต ฯลฯ ได้อีกด้วย
ซึ่งอันที่จริงแล้วความสามารถพิเศษทั้งหลายที่เพิ่มมาในแอพแต่งภาพของ vivo V9 ก็เป็นการจับมือกับแอพ Pitu เช่นเดียวกับที่ Huawei เลือกใช้ในรุ่น Y9
ความน่าสนใจอีกอย่างคือ Game mode จากเดิมที่เด่นตรงที่แจ้งเตือนต่างๆ รวมถึงการโทรจะไม่มารบกวนเวลาเกม ต่างจากหลายๆ รุ่นที่พอคนโทรเข้าแล้วจะเด้งออกทั้งที
แต่ที่เพิ่มมาใน vivo V9 ก็คือการแชทระหว่างเล่นเกมที่สะดวกขึ้น เพราะจะหน้าต่างแชทจะลอยเหนือตัวเกมอีกชั้น รวมถึงแป้นพิมพ์ที่ไม่ย่อตัวเกมให้แคบลง
และที่น่าสนใจกว่านั้นคือ ณ วันที่ทำการรีวิวดูเหมือนว่า Software จะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ดี เพราะอัพเดทล่าสุดก็เพิ่ม Motorbike Mode เข้ามาอีก ซึ่งเป็นการป้องกันการใช้งานระหว่างขับรถ และจะรับสายได้ก็ต่อเมื่อรถจอดแล้วเท่านั้น
ข้อดีอีกอย่างคือการรองรับทั้งสแกนลายนิ้วมือและระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า ทำให้เลือกใช้ได้อย่างเหมาะสม และทั้งคู่ก็สามารถประมวลผลปลดล็อกได้อย่างรวดเร็ว
เรื่องความเร็วก็ไม่ใช่อะไรที่น่าห่วงนัก เนื่องจาก vivo เป็นอีกค่ายที่ขึ้นชื่อเรื่องรอมดี เมื่อมองในภาพรวมแล้ว vivo V9 จึงเป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจครับ
เรื่องกล้องที่ถูกหยิบมาชูเป็นจุดเด่นของรุ่นนี้คือกล้องหน้าความละเอียด 24 ล้านพิกเซล โดยสามารถถ่ายโหมด Portrait ได้ทั้งกล้องหน้าและหลัง ผลลัพธ์ที่ได้ก็จัดว่าน่าสนใจไม่น้อย
ส่วนกล้องหลังก็ทำงานได้ดีสมราคา ถ่ายทั่วไปไม่ขัดใจอะไรทั้งที่แสงเยอะและแสงน้อย และยังคงมีโหมด Manual ให้ปรับค่าได้เองเหมือนรุ่นก่อนๆ แต่ที่เพิ่มมาทั้งกล้องหน้าและหลังก็คือ AR Sticker ให้เล่นกันสนุกๆ
มาไวไปไวสำหรับรีวิว vivo V9 บทสรุปโดยรวมในราคา 10,999 บาท จัดว่าเป็นอีกรุ่นที่น่าใช้มาก คุณสมบัติโดยรวมผ่านมาตรฐาน ไม่ได้เด่นสุดบางเรื่องและด้อยสุดบางอย่าง