Sony a6400 กล้องที่ช่วยทำให้การถ่าย VLOG สนุกยิ่งขึ้น
แม้ว่าหลายคนจะใช้มือถือสมาร์ทโฟนในการถ่าย VLOG แต่ถ้าเริ่มจริงจังคาดหวังคุณภาพมากขึ้นก็จะพบว่ามันเริ่มไม่ตอบโจทย์แล้ว ซึ่งผมเองก็ได้ลองมาหลายวิธีทั้ง GoPro หรือแม้แต่ OSMO Pocket แต่สุดท้ายก็จบที่ Sony a6400 ซึ่งแต่ละตัวก็มีจุดเด่นที่ต่างกันออกไป เช่นกันกับ Sony a6400 ก็มีจุดเด่นหลายอย่างที่ผมอยากนำมาแบ่งปันครับ
อุปกรณ์เสริมพร้อมใช้สำหรับการถ่าย VLOG
การเอา Sony a6400 ไปเทียบกับการทำ VLOG กับพวก GoPro และ OSMO Pocket ก็อาจดูไม่ใช่คู่ชนที่ตรงกันเท่าไรแม้จะเจาะกลุ่ม VLOG เหมือนกันก็ตาม เพราะด้วยขนาดการพกพาและขนาดเซ็นเซอร์และเลนส์ที่ต่างกัน แต่เมื่อเอามาเทียบกับกลุ่ม Mirrorless ด้วยกันก็จะพบว่า Sony a6400 มีจุดเด่นที่น่าสนใจคืออุปกรณ์เสริมโดยเฉพาะ Remote Control Tripod GP-VPT1 ที่ทำหน้าที่เป็นขาตั้ง + ด้ามจับ + รีโมท ทำให้เราสามารถถ่าย VLOG ได้สะดวกยิ่งกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายจากหลังกล้องหรือจะหมุนจอแล้วทำการ Selfie ก็ตาม
นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกการต่อไมค์ผ่าน Hotshoe ได้ทันที โดยมีให้เลือกทั้งแบบ Shotgun ที่ซูมเสียงได้ หรือแม้แต่ไมค์แบบไร้สายขนาดพกพา ซึ่งการต่อไมค์แบบนี้จะดีมากเมื่อถ่ายจากหลังกล้องแต่จะบังจอตอนหมุนมา Selfie แต่ถึงกระนั้นมันก็มีข้อดีตรงที่เราไม่ต้องกังวลเรื่องสายไมค์ที่ระโยงระยางหรือเกะกะ เพราะแค่เสียบไมค์ของ Sony เข้ากับ Hotshoe ก็พร้อมใช้งานได้ทันที
แม้ว่าการต่อไมค์เข้ากับ Hotshoe จะบังหน้าจอ แต่เอาเข้าจริงเราก็ไม่ควรมองหน้าจอตลอดเวลาอยู่แล้ว เพราะถ้าจ้องหน้าจอตลอดเวลาจะทำให้ภาพที่ออกมาดูตาลอยๆ แต่ถ้าชอบการต่อไมค์สายแบบดั้งเดิมก็สามารถทำได้เช่นกัน เพราะรุ่นนี้ช่องไมค์ให้เสียบ และยังมีช่อง Multi ที่สามารถต่อออกหน้าจอได้ในกรณีที่ต้องการทำ Monitor
คุณภาพในแบบฉบับ Sony Mirrorless
Sony a6400 จัดอยู่ในกลุ่มของ a6000 series ที่ถือว่ามีคุณภาพไม่ธรรมดาโดยเฉพาะระบบโฟกัสที่เร็วมากๆ และการใช้งานในโหมด Auto ที่ง่ายแสนง่าย เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปไปจนถึงระดับมืออาชีพ และแน่นอนว่าคุณภาพไฟล์ที่ได้ทั้งภาพนิ่งและวีดีโอก็ดีกว่าสมาร์ทโฟน, GoPro หรือแม้แต่ OSMO Pocket โดยเฉพาะในที่แสงน้อยหรือการถ่ายงานในห้องแบบ Indoor ที่กล้อง VLOG ตัวเล็กๆ ดังกล่าวไม่สามารถเก็บแสงได้มากพอทำให้ภาพออกมามืด แต่ Sony a6400 ที่มีเซ็นเซอร์และระบบที่ดีกว่าก็สามารถเก็บภาพและคลิป VLOG ออกมาได้ดีกว่าเช่นกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องแลกมาด้วยขนาดรูปทรงที่ใหญ่กว่าด้วย
ไฟล์วีดีโอระดับ XAVC-S และ S-LOG3
จุดเด่นอย่างหนึ่งของ Sony ก็คือการถ่ายวีดีโอที่มาพร้อมไฟล์ XAVC-S ที่ให้คุณภาพดีกว่า และยังสามารถเลือกโปรไฟล์สีแบบ S-Log3 ได้อีกด้วย ซึ่งโปรไฟล์นี้เหมาะสำหรับการใช้งานในระดับมืออาชีพที่มีการนำไปเกรดสีเพิ่มเติมภายหลัง และแน่นอนว่ากล้องตัวนี้สามารถถ่ายวีดีโอที่ความละเอียด 4K ได้ด้วย
ไม่จำกัดระยะเวลาการบันทึกคลิป
Sony a6400 ได้ปลดล็อกข้อจำกัดของกล้องส่วนใหญ่ที่บันทึกคลิปได้ไม่เกิน 30 นาที เพราะ Sony a6400 สามารถบันทึกคลิปได้โดยไม่จำกัดความยาว นั่นหมายถึงสามารถบันทึกได้เรื่อยๆ จนกว่าหน่วยความจำจะเต็มหรือแบตเตอรี่จะหมดก่อนนั่นเอง นับเป็นเรื่องที่สะดวกมากสำหรับคนที่ถ่าย VLOG หรือใช้งานวีดีโอ เพราะเราไม่ต้องกังวลว่าเหลือเวลาอีกกี่นาทีที่กล้องจะตัด เรียกได้ว่าทำงานได้โดยไร้ข้อกังวลนั่นเอง
หน้าจอแบบสัมผัสและพับได้ 180 องศาสำหรับการ Selfie
ที่ผ่านมาแฟนๆ อาจขัดใจกับความขาดๆ เกินๆ ของ Sony a6000 series ที่ระบบดีแต่กลับไม่สามารถหมุนจอมา Selfie ได้ ซึ่งเสียงสะท้อนจากแฟนๆ นี้ก็ส่งกลับไปยังต้นสังกัดจนออกมาเป็น Sony a6400 ที่สามารถพับจอมา Selfie ได้และยังสามารถสั่งงานผ่านการสัมผัสหน้าจอได้อีกด้วย เพิ่มความสะดวกไปอีกแบบ โฟกัสได้ง่ายและเร็วกว่าเดิม
และความดีงามอีกอย่างของหน้าจอก็คืออัตราส่วนที่ให้มาเป็นแบบ 16:9 ซึ่งเป็นอัตราส่วนของวีดีโอส่วนใหญ่ในยุคนี้ ทำให้เราสามารถใช้งานพื้นที่หน้าจอในการถ่าย VLOG ได้เต็มจอ
โฟกัสแม่นยำด้วยพลัง AI และรองรับ Silent Shooting
Sony a600 series ขึ้นชื่อเรื่องการโฟกัสที่รวดเร็วและแม่นยำ แต่สำหรับ a6400 ได้เพิ่มความฉลาดด้วยระบบ AI ทำให้มีการโฟกัสที่แม่นยำยิ่งขึ้น เกาะติดดวงตาได้หนึบมาก ไม่ต้องกังวลเรื่องการหลุดโฟกัส และยังสามารถรัวยิงได้ 11 fps นอกจากนี้ยังมีโหมด Silent Shooting ที่ช่วยให้ถ่ายรูปได้โดยปราศจากเสียงลั่นชัตเตอร์ ทำให้เราสามารถเก็บภาพได้โดยไม่รบกวนรอบข้าง
การสมดุลแสงสีขาวที่เก่งกว่าเดิม
แม้ว่าปรกติแล้วเราสามารถตั้งค่า White Balance ได้ แต่อาจไม่สะดวกนักหากต้องการใช้งานแบบเร่งด่วน ซึ่งตรงนี้นี่เองที่ทำให้ Sony a6400 มีโหมด Priority Set in AWB ให้เลือกอยู่ 3 แบบได้แก่ Standard, Ambience และ White ที่ง่ายกว่าเดิม
ตั้งค่าปุ่มได้หลากหลายรูปแบบ
ปัญหาหนึ่งของการใช้งานกล้องบางรุ่นคือการควบคุมที่น้อยและไม่ได้ดั่งใจ สำหรับ Sony a6400 สามารถตั้งค่าปุ่ม Custom ได้แทบทั้งหมด และยังสามารถเลือกปุ่ม C1 ที่อยู่ข้างชัตเตอร์ให้กลายเป็นปุ่ม Toggle ได้อีกด้วย ซึ่งการ Toggle นี้จะทำให้เปลี่ยน Preset ปุ่มต่างๆ ได้อีก 3 แบบด้วยกัน
เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนได้ง่ายส่งไฟล์สะดวก
แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องใหม่แต่ก็นับว่าเป็นสิ่งที่ช่วยให้สร้างสรรค์ผลงานได้สะดวกยิ่งขึ้น เพราะว่า Sony a6400 สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ง่าย เพียงแค่ติดตั้งแอพ Imaging Edge ที่รองรับทั้ง Android และ iOS ทำให้เราสามารถควบคุมการถ่ายรวมถึงโอนไฟล์ได้ง่าย โดยการเชื่อมต่อก็ยังมีตัวเลือกทั้งการสแกน QR Code และ NFC ที่เชื่อมต่อง่ายเพียงแค่แตะเครื่องเข้าด้วยกัน
ประยุกต์ใช้ได้สะดวกด้วย Clean HDMI
ในการใช้งานที่ซับซ้อนบางครั้งก็ต้องการพ่นภาพออกไปที่ตัว Record อื่นผ่านทาง HDMI ซึ่งบางรุ่นอาจเจอปัญหาที่ติด UI หรือกรอบโฟกัสแบบที่เราเห็นจากหลังกล้อง ทำให้ไม่สามารถเอาไปใช้งานได้ แต่สำหรับ Sony นั้นส่งภาพออกมาเป็นแบบ Clean HDMI ที่ดึงมาเฉพาะภาพที่เห็นผ่านเลนส์กล้อง จึงเอาไปใช้งานต่อได้สะดวกกว่า
นี่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ทำให้ Sony a6400 เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการถ่ายทำ VLOG ไว้รอบหน้าผมจะเอาตัวอย่างการถ่าย VLOG ด้วยรุ่นนี้มาให้ชมครับ