ในฤดูกาลที่หูฟังไร้สายแบบ True Wireless ฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมือง Samsung ก็ได้ปล่อย Galaxy Buds เข้ามากระทุ้งตลาดคนฟังเพลง ด้วยจุดเด่นคือความครบเครื่องลงตัว ทั้งด้านราคา ความเป็นแก็ดเจ็ต และระบบเสียง ที่ผสมผสานลงตัว
Samsung Galaxy Buds มีราคาอยู่ที่ 4,990 บาท เป็นหูฟังแบบ True Wireless Earbuds ใช้งานต่อเนื่องได้ 6 ชั่วโมง ความน่าสนใจของหูฟังตัวนี้คือ Samsung เลือกใช้คำว่า Sound by AKG ต่างจากหูฟังรุ่นก่อนๆ ที่ใช้คำว่า Tuned by AKG ซึ่งตรงนี้นี่เองที่ทำให้ผมอยากรู้ว่าน้ำเสียงจะดีกว่าเดิมมากน้อยแค่ไหน และยังเป็น Bluetooth 5.0 อีกด้วย
ถ้าต้องการใช้งานให้เต็มประสิทธิภาพ ต้องใช้ร่วมกับ Android เท่านั้น เนื่องจาก iOS จะตัดคุณสมบัติ Ambient Sound และ Seamless Bluetooth ออกไป
ภายในกล่องมีจุกหูฟังขนาดต่างๆ มาให้เปลี่ยนตามขนาดและรูปทรงใบหู สิ่งที่พิเศษกว่าหูฟังทั่วไปคือ Galaxy Buds ให้มาทั้ง Wingtip และ Earbud tip ที่ต้องบอกว่านี่คือหูฟัง True Wireless ที่ผมใส่แล้วกระชับที่สุด เมื่อเทียบกับ Sennheiser Momentum , Plantronics BackBeat FIT 310 และ Apple AirPods
ขนาดการพกพาถือว่าทำได้เล็กกระทัดรัดมาก พกติดตัวได้ง่าย การชาร์จทำผ่านสาย USB-C หรือจะใช้แท่นชาร์จไร้สาย Wireless Charger ก็ได้ ซึ่งผมได้ทำการทดสอบชาร์จไร้สายผ่าน Wireless Reverse Charging จาก HUAWEI P30 Pro ก็ทำงานได้ดีไม่มีปัญหา
การใช้งานต้องติดตั้งแอพ Galaxy Wearable เพื่อให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งเราสามารถปรับเปลี่ยน Equalizer เลือกเสียงสไตล์ที่เราชอบ การจัดการ Ambient Sound ที่หมายถึงการเปิดรับฟังเสียงรอบข้าง
การควบคุมผ่านการสัมผัสบนหูฟังทั้ง 2 ข้างทำได้ดีมาก มีความแม่นยำ การควบคุมพื้นฐานจะเหมือนกันทั้ง 2 ข้าง ซึ่งจุดนี้นี่เองที่ต่างจากหูฟังทั่วไปแต่ทำให้สะดวกในการใช้งานจริง ไม่ต้องมาจำว่าต้องกดที่หูฟังข้างไหน และดีในแง่ที่บางครั้งมือเราไม่ว่างกดข้างนั้นๆ โดยแบ่งการควบคุมออกดังนี้
- แตะ 1 ครั้ง : เล่น/หยุดเพลง
- แตะ 2 ครั้ง : เล่นเพลงถัดไป, รับสาย/วางสาย
- แตะ 3 ครั้ง : ย้อนไปเพลงก่อนหน้า
- กดค้าง : เลือกคำสั่งพิเศษ , ตัดสาย
คำสั่งพิเศษที่เราสามารถปรับแต่งบนหูฟังทั้ง 2 ข้างได้แก่
- Voice Command : สั่งงานด้วยเสียง รองรับทั้ง Siri, Google Assistant
- Quick Ambient Sound : กดค้างเมื่อต้องการรับฟังเสียงรอบข้างชั่วคราว
- Ambient Sound : กดค้างแล้วปล่อยเพื่อรับฟังเสียงรอบข้าง
- Volume UP/Down : ปรับระดับความดังของเสียง
จุดเด่นอีกอย่างของรุ่นนี้คือความเป็น True Wireless แท้ๆ เทียบเท่า Apple AirPods ที่สามารถหยิบหูฟังข้างไหนออกมาใช้งานก็ได้ ต่างจากหูฟัง True Wireless ทั่วไปที่ส่งสัญญาณต่อกันเป็นทอดๆ จากมือถือไปยังหูฟังข้างขวาก่อนจะส่งไปข้างซ้าย ทำให้การหยิบหูฟังมาใช้ข้างเดียวต้องเลือกข้างขวาเท่านั้น แต่ Galaxy Buds และ Apple AirPods เลือกหยิบข้างไหนก็ได้ เพราะมีภาครับส่งสัญญาณแยกกันบนหูฟังแต่ละข้าง ทำให้สัญญาณค่อนข้างนิ่งและเสถียร เรื่องความดีเลย์ของเสียงก็มีน้อยมาก คือมีบ้างในบางครั้งแต่ทำการเข้าแอพหรือเชื่อมต่อใหม่ก็หาย
เมื่อเทียบกับหูฟังตัวอื่นๆ แล้ว Galaxy Buds มีความโดดเด่นเป็นพิเศษเรื่องการบริหารจัดการระบบแจ้งเตือน เพราะเราสามารถเลือกได้ว่าต้องการให้หูฟังแจ้งเตือนแอพตัวไหนบ้าง ต่างจากหูฟังทั่วไปที่มักจะผูกระบบแจ้งเตือนเข้ากับ Core หลักของเครื่อง
เรื่องของเสียงจัดว่ามีดีพอตัว สามารถตั้ง Equaliser ได้ โดยค่าตั้งต้นจะเป็น Dynamic ซึ่งผมรู้สึกว่าเสียงมีมิติดีมาก เสียงออกแนวอบอุ่นหน่อยๆ เบสมีความนุ่มลึกและออกแนวล้นไปนิด เหมาะสำหรับคนชอบเบสเยอะๆ รายละเอียดหางเสียงก็ค่อนข้างครบถ้วนในช่วงราคา 4,990 บาท
โดยส่วนตัวแล้วผมชอบการตั้ง Equaliser แบบ Clear มากกว่า เพราะให้เสียงที่ค่อนข้างใส และเบสไม่กองแน่นจนเกินไป ส่วนเสียงแนว Bass Boost นอกจากจะเอาไปฟังแนว EDM ได้ดี ยังเหมาะกับแนว Metal อีกด้วย ให้เสียงที่สากลากเอาเรื่อง เรียกได้ว่า Equaliser ของรุ่นนี้ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม ตอบโจทย์คนชอบแนวเสียงที่แตกต่างกัน
บทสรุปของ Samsung Galaxy Buds
ถ้าคิดจะหาหูฟัง True Wireless ประเภทว่าเน้นออกกำลังกายกันเหงื่อ หรืออย่างพวกเสียงเพราะไปเลย ก็จัดว่าไม่ใช่เรื่องยากเท่าไร แต่จะหาแบบที่ครบเครื่องเหมือน Samsung Galaxy Buds ในราคา 4,990 บาทก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณภาพเสียง การชาร์จไร้สาย ขนาดเล็กพกพาง่าย ความเป็น True Wireless โดยแท้ที่หยิบหูฟังข้างไหนมาใช้ก็ได้ และระบบ Ambient Sound จัดว่าเป็นหูฟังไร้สายที่คุ้มค่าน่าเล่นอีกรุ่น
