การเปิดตัวของ OPPO Reno series เรียกได้ว่าสร้างกระแสได้ไม่น้อย ด้วยดีไซน์อันโดดเด่นโดยเฉพาะ Pivot Rising Camera ที่ไม่ซ้ำใคร กับสเปคที่มาพร้อมชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 855 ซึ่งจัดว่าแรงสุดของค่าย เรียกได้ว่านี่คือ Renovation ของทางค่ายอย่างแท้จริง
ดีไซน์สวยตั้งแต่ภายนอก
ความโดดเด่นน่าสนใจของ OPPO Reno 10x Zoom เริ่มตั้งแต่ตัวกล่อง Packaging ที่ยาวกว่ากล่องมือถือทั่วไป สร้างความสะดุดตาอยู่ไม่น้อย
ภายในกล่องมีการจัดเรียงที่ค่อนข้างแปลกตา ฉีกขนบธรรมเนียมความเป็นกล่องมือถือแต่สวยงาม แม้กระทั่งเคสที่แถมมาให้ก็มีสัมผัสที่ดีกว่าเคสแถมทั่วไป
ฝาหลังมีการเล่นสีที่เรียบหรูดูแพงพร้อมกับกล้องที่วางเรียงกันสวยงาม และที่สำคัญก็คือตัวกล้องไม่นูนขึ้นมาแม้แต่น้อย
นอกจากนี้ยังมีการดีไซน์จุดสีเขียวเล็กๆ ละม้ายคล้ายจุดเขียวอันเลื่องชื่อของค่ายอารยธรรมในอดีตที่หลายคนถวิลหา โดย OPPO เรียกมันว่า O-Dot ซึ่งทำด้วยเซรามิกที่ยกตัวเครื่องให้ลอยขึ้นจากพื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวกล้องถูกขีดข่วนจนเป็นรอย
ด้านหน้าเป็นแบบจอเต็มผืนขนาด 6.6 นิ้ว ซึ่ง OPPO เรียกหน้าจอนี้ว่า Panoramic Screen ที่แสดงผลได้เต็มขอบ พร้อมกับระบบถนอมสายตา Eye Protection Certification ที่ผ่านการรับรองจาก TÜV Rheinland บนความละเอียด FHD+
กล้องหน้าถูกซ่อนอยู่ในตัวเครื่องแบบ Pivot Rising Camera และนี่ก็คือการฉีกกฎการออกแบบด้วยการฝังไฟแฟลชสำหรับกล้องหลังไว้ใน Pivot Rising Camera ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นแนวคิดที่น่าสนใจ เพราะคนส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยเปิดแฟลชอยู่แล้ว การเอาไปซ่อนในนี้ก็ช่วยให้ฝาหลังสวยงามยิ่งขึ้นไปอีก
Pivot Rising Camera ยังสามารถใช้ปลดล็อกตัวเครื่องได้ รวมถึงการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ ด้าน UI/UX ของ ColorOS 6 ค่อนข้างแปลกตามสำหรับคนที่ชินกับ Android เดิมๆ แต่ก็เรียกได้ว่าสวยไปอีกแบบ และนอกจากจะสวยแล้ว เมนูต่างๆ ก็ถูกจัดวางให้ใช้งานได้อย่างง่ายดาย เรียกได้ว่าสวยงามลงตัวทั้งการสัมผัสและรูปลักษณ์
ประสิทธิภาพอัดแน่นใช้ชิปเซ็ตตัวแรง
OPPO Reno 10x Zoom ใช้ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 855 กับหน่วยความจำภายใน 256 GB และแรม 8 GB โดยมีระบบระบายความร้อน 3 layer ช่วยลดความร้อนได้ 13%
ด้วยสเปคระดับนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นแถวหน้าของวงการสมาร์ทโฟนกันเลยทีเดียว ทำให้เล่นเกมได้อย่างลื่นไหลหายห่วง และยังมี Game Boost 2.0 ที่ช่วยรีดประสิทธิภาพการเล่นเกมอีก ซึ่งช่วยให้เล่นเกม RoV ได้เฟรมเรทที่นิ่งขึ้น 31.38% และลดความแลคของ PUBG Mobile ได้ถึง 44.1%
พร้อมกับสิ่งที่อำนวยความสะดวกอย่าง Smart Sidebar ที่เป็นแถบซ่อนอยู่ด้านข้างจอ เมื่อปัดออกมาก็จะพบทางลัดเข้าแอพต่างๆ ที่เราตั้งไว้ รวมถึงการจับภาพหน้าจอทั้งภาพนิ่งและคลิป โดยเฉพาะโหมด Play AFK ที่เหมาะสำหรับการเล่นเกมแนว Bot มากๆ เพราะจะช่วยให้เราเปิดเกมทิ้งไว้โดยไม่ทำให้เครื่องร้อนหรือเปลืองแบตเตอรี่
แบตเตอรี่ความจุ 4065 mAh และชาร์จเร็วอันเลื่องชื่อของทางค่ายอย่าง VOOC 3.0 โดยครั้งนี้ OPPO ได้ปรับแต่งให้การชาร์จเร็วทำงานควบคู่กับการเล่นเกมได้โดยไม่ลดประสิทธิภาพลง
หน้าจอที่ใหญ่เต็มตายังมีขอบเขตสีแบบ DCI-P3 ที่แสดงสีสันได้ครบถ้วนยิ่งขึ้น ระบบเสียง Dolby Atmos ก็ช่วยเติมเต็มด้านความบันเทิงทั้งการดูหนัง ฟังเพลงและการเล่นเกม โดยเสียงที่ออกมาจากลำโพงถือว่าดีสำหรับความเป็นมือถือ เสียงค่อนข้างดังและให้เสียงที่จัดว่าเพราะ เพียงพอสำหรับการฟังเพลง
ด้านการระบุพิกัดและนำทางก็เลือกใช้ Dual-GPS ที่แม่นยำกว่าเดิม 66.8% และจากการทดสอบก็พบว่าสามารถนำทางได้ดี
กล้องเด่นไม่แพ้ใคร ซูมไกล 60 เท่า
OPPO ได้เปิดตัว OPPO Reno 10x Zoom ด้วยการโปรโมทการซูมสูงสุดที่ 60 เท่า ซึ่งแม้จะไม่คมชัดมากนักแต่ก็ถือว่าทำได้ดีกว่ามือถือส่วนใหญ่ โดยระยะที่ซูมและชัดที่สุดคือระยะ 10 เท่าซึ่งเป็น Hybrid Zoom
ตัวกล้องหลักใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX 586 ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล โดยมีเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ 1/2.0’’ และรูรับแสง f/1.7 กล้องระยะเทเลความละเอียด 13 ล้านพิกเซล กล้องมุมกว้าง 8 ล้านพิกเซล พร้อมกับระบบ Multi-Frame Noise Reduction ที่ช่วยให้ภาพคมชัด
แอพกล้องทำได้สวยและใช้งานง่าย มีการแบ่งเมนูกล้องที่คนไม่ค่อยใช้ไว้ที่ปุ่มเมนูแทน ซึ่งรูปแบบนี้ทำให้เข้าถึงได้รวดเร็วกว่าการปัดไปเรื่อยๆ โดยมีโหมดเด่นๆ เช่น Night, Expert และ Google Lens
คุณภาพของไฟล์ที่ได้จัดว่าอยู่ระดับหัวแถวของวงการเลย ไม่ว่าจะเป็นสภาพแสงแบบไหนก็ตาม โดยเฉพาะในที่แสงน้อยที่ทำได้ดีมาก และยังมี Dazzle Color ที่ช่วยกู้คืนสีสันที่สูญเสียไปจากเงื่อนไขสภาพแสง ส่งผลให้ภาพที่ได้มีสีสันสวยสดโดยที่ไม่จัดจ้านจนเกินไป
การถ่ายภาพบุคคลด้วย Portrait Mode ใช้กล้องระยะเดียวกับกล้องหลัก ทำให้ถ่ายได้ง่ายไม่ต้องถอยหาระยะ ส่วนกล้องหน้า Selfie ก็เก็บรายละเอียดได้ดี แต่ถ้าเปิด Beauty ก็จะเน้นใบหน้าที่ขาวใส ซึ่งช่วยลดริ้วรอยได้ดีแต่บางครั้งก็อาจทำให้รายละเอียดบางอย่างหายไป อย่างเช่นหนวดหรือเมฆบนฟ้า แต่มั่นใจว่าใบหน้าสว่างชัดแน่นอน ส่วนการถ่ายวีดีโอสามารถซูมได้สูงสุดที่ 10 เท่า แต่ไม่สามารถถ่ายด้วยกล้องมุมกว้างได้
เห็นแบบนี้แล้วเชื่อว่าหลายคนก็นึกถึง HUAWEI P30 Pro ที่ซูมได้เยอะเหมือนกัน ถ่ายที่แสงน้อยได้เก่งเหมือนกัน ซึ่งต้องบอกว่าจากที่ได้ใช้งานจริง พบว่ามีจุดเด่นจุดด้อยในแต่ละสภาพแสงและวัตถุที่ถ่ายต่างกันออกไป ซึ่งจะวัดตรงๆ ก็ค่อนข้างยากเนื่องจากมี AI เข้ามาช่วยปรับแต่ง คล้ายกับกล้อง DSLR ที่แต่ละค่ายก็มีจุดเด่นแต่มีเนื้อภาพและคาแรกเตอร์ที่ต่างกัน
สารพัดฟีเจอร์ที่อยู่ใน ColorOS 6
ถ้าได้เล่นมือถือมาบ้างก็น่าจะคุ้นชินกับหลายฟีเจอร์อยู่แล้ว แต่บางอย่างก็ดูเป็นของที่ไม่ค่อยเห็นกันเช่น ORoaming ซึ่งเป็นช่องทางสำหรับซื้อแพ็กเกจเน็ตและโทร สำหรับคนที่ต้องการเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งเบื้องหลังของแอพตัวนี้คือ Redtea Mobile
ส่วนการแสดงผลหน้าจอก็มีตัวเลือกที่น่าสนใจเช่น Night Shield ที่ปรับแสงหน้าจอให้เหมาะกับการใช้งานตอนกลางคืน ซึ่งแน่นอนว่ามันจะทำให้จอมีโทนสีเหลืองที่สบายตากว่า แต่ที่พิเศษกว่านั้นคือ เรายังเลือกได้อีก 2 แบบคือการแสดงผลแบบขาว-ดำ และโหมด Comfortable ที่เปลี่ยนทุกสิ่งให้เป็นโทนสีดำ
โหมดฉุกเฉิน Emergency SOS ที่ให้เรากดปุ่ม Power ติดกัน 5 ครั้งเพื่อเข้าสู่โหมดนี้ แล้วจะทำการติดต่อไปยังหมายเลขที่เราระบุไว้ โดยส่งพิกัดและรูปถ่ายของเรา ซึ่งนำมาประยุกต์ใช้เพื่อป้องกันการลักพาตัวหรือแม้แต่การเจ็บป่วยกะทันหันก็ได้เช่นกัน
Kid Space ช่วยให้เราส่งมือถือให้เด็กเล่นได้อย่างสบายใจยิ่งขึ้น เช่น ป้องกันการซื้อแอพหรือเติมเงินในเกมโดยไม่ตั้งใจ, ป้องกันการแก้ไขการตั้งค่าตัวเครื่อง, ล็อกแอพบางตัว
ระบบรักษาข้อมูลที่ไม่ต้องกลัวโดนดักรหัสผ่าน เพราะ ColorOS 6 จะทำการบังคับใช้แป้นพิมพ์ของระบบสำหรับการกรอกรหัสผ่าน รวมถึงป้องกันการจับภาพหน้าจอที่กรอกรหัส
บทสรุปของ OPPO Reno 10x Zoom
หลายคนมองว่าราคา 28,990 บาท ค่อนข้างสูงสำหรับความเป็น OPPO แต่ถ้ามองสิ่งที่ OPPO Reno 10x Zoom ให้มาอย่างรอบด้านแล้ว จะพบว่าราคานี้ไม่แพงเลยไม่ว่าจะเป็นด้านสเปค ด้านดีไซน์ ด้านกล้อง ด้านระบบ เพียงแต่หลายคนยังติดภาพว่า OPPO ต้องราคาถูกกว่านี้แค่นั้นล่ะ
อย่างไรก็ตามทางค่ายมือถือทั้ง AIS, Dtac, True ก็มีโปรโมชั่นให้เป็นเจ้าของได้โดยมีส่วนลดและราคาเริ่มต้นที่ 8,990 บาท
