ด้วยความล้มเหลวของ Star Wars : The Last Jedi ทั้งด้านรายได้และด้านเสียงตอบรับจากแฟนๆ ด้วยตัวเรื่องที่พยายามฉีกตัวจากความเป็น Star Wars แบบเดิมๆ ภาค The Rise Of Skywalker ซึ่งเป็นภาคจบไตรภาค ทาง Disney จึงได้ดึงตัว JJ. Abram ซึ่งเป็นผู้ชุบชีวิต Star Wars ตอนภาค 7 ให้กลับมานำทางซีรีส์นี้สู่ปัจฉิมบท
การกลับมาครั้งนี้ทำให้ JJ ต้องแก้เนื้อเรื่องบางส่วนของภาค The Last Jedi ที่ไม่ถูกใจแฟนๆ ทำให้หนังเปิดเรื่องมาแบบงงๆ มีการเพิ่มเนื้อเรื่อง ใส่ตัวละคร บิดปม จนเหมือนเป็นหนังที่แทบจะตัดขาดจากภาค The Last Jedi เลย และการทำแบบนี้ทำให้ช่วงแรกของหนังต้องเร่งเครื่องบีบอัดข้อมูลจำนวนมากให้ผู้ชมดู จนเสียอรรถรสไปพอสมควร
พอหนังเริ่มเข้าเนื้อเรื่องหลัก เริ่มผ่อนเกียร์ สถานการณ์ก็เริ่มดีขึ้น ความสนุกกลับมาอีกครั้ง ปมดราม่าของเรย์ เบน และวิถีแห่งเจไดทำออกมาได้ดีมาก น่าติดตาม แฟนหนังน่าจะชอบส่วนนี้ โดยเฉพาะจังหวะไคลแม็กซ์ของเนื้อเรื่องพาร์ทนี้คือดีมาก แต่เนื้อเรื่องในฝั่งของกลุ่มฟินกับโพยังเป็นการเดินเรื่องแบบรีบเร่งและพาวาร์ปไปจุดต่างๆ เพื่อให้เจอตัวละครคนนู้นคนนี้เฉยๆ ทั้งเพื่อเซฮร์วิสคนดู และเพื่อนำตัวละครเหล่านั้นมาใช้ในฉากสุดท้าย และน่าจะใช้เป็นตัวละครหลักในไตรภาคใหม่ด้วย ซึ่งความรีบเร่งนี้ทำให้จังหวะหนังเสียไป ตัวละครบางตัวที่สำคัญกลับดูเบาบาง มุกที่พยายามใส่มาก็ขาดๆ เกินๆ เพราะจังหวะที่เร่งจนเกินไป
ถ้าจะให้พูดแบบสรุปรวมคือหากหนังดึงเฉพาะพาร์ทของเรย์ออกมาเล่าจะเป็นหนังที่ดีมากเรื่องหนึ่งเลย แต่หนังกลับต้องแบกสัมภาระพะรุงพะรังอะไรมาอีกก็ไม่รู้เยอะแยะ
ในภาคนี้ยังมีความพยายามเซอร์วิสแฟนหนังเต็มไปหมดทั้งเรื่องตามสไตล์ Disney ได้เห็นคนนู้นคนนี้กลับมาอีกครั้ง ซึ่งบางทีมันก็มากไปนะ พี่ทำกันแบบพอดีๆ ก็ได้
สรุปแล้วหนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยสัมภาระรุงรังที่ถูกแบกโดยเรย์และเบน บวกกับงานด้านภาพและเสียงอันตระการตาที่ช่วยกอบกู้หนังกลับมาได้ แต่ถ้าคุณเป็นแฟน Star Wars และไม่ชอบภาค 8 คุณน่าจะหลงรักภาคนี้ได้ไม่ยาก
