
Google เผย ทำไมถึงเลือกใช้ Soli Radar ในการทำ Gesture
ฟีเจอร์ MotionSense เป็นฟีเจอร์ใหม่ใน Google Pixel 4 มีการทำงานทั้งหมด 3 แบบด้วยกัน
- Presence เซ็นเซอร์ Soli Radar จะทำการตรวจสอบสิ่งรอบข้างเป็นบริเวณ 30-60 ซม. รอบตัวเป็นทรงครึ่งทรงกลม ทำงานเฉพาะเวลาวางอยู่บนโต๊ะแบบหงายหน้าเท่านั้น ถ้า Pixel 4 ตรวจพบว่าเราอยู่ใกล้ๆ ก็จะเปิดจอ Always On Display ให้อัตโนมัติ
- Reach เครื่องจะตรวจจับเวลาวางอยู่บนโต๊ะ แล้วเรายื่นมือเข้าไปจะหยิบมือถือ จะทำการเปิดหน้าจอและสแกนใบหน้าอัตโนมัติ
- Gesture การทำท่าทางต่างๆ เพื่อสั่งงานเครื่อง เช่น เปลี่ยนเพลง ปิดเสียงนาฬิกาปลุก เป็นต้น

ซึ่งเอาเข้าจริง ฟีเจอร์เหล่านี้ไม่จำเป็นต้องพึ่ง Soli Radar เลย ใช้กล้องหน้าของมือถือแทนก็ได้ อย่างเช่นฟีเจอร์ Reach หลายยี่ห้อใช้ Accelerometer ตรวจจับเวลาเรายกมือถือขึ้นและเปิดหน้าจอเพื่อสแกนหน้า ส่วนระบบ Gesture ก็มี HUAWEI Mate 30 Pro ที่ใช้กล้องหน้าทำเช่นกัน ทางเว็บไซต์ The Verge เลยตั้งคำถามกับ Google ว่า “Soli Radar มันดีกว่าขนาดผู้ใช้รู้สึกได้เลยเหรอ?”
แต่คำตอบของ Google ที่ได้กลับมาก็ไม่ธรรมดาพอกัน “มันไม่ใช่สิ่งที่ดีกว่าจนคุณรู้สึกได้ แต่มันดีกว่า และคุณจะไม่มีทางรู้”
ที่เราไม่มีทางรู้เพราะข้อดีมันมีความซับซ้อนมากกว่าประสบการณ์การใช้งาน ข้อดีข้อแรกของ Soli Radar คือเรื่องของการใช้พลังงาน Soli Radar ใช้พลังงานต่ำกว่าการใช้กล้องมาทำหน้าที่แทนมากๆ โดยเฉพาะฟีเจอร์ Presence
สำหรับข้อดีข้อต่อไปนี่แหละที่มีความซับซ้อน Soli Radar นั้นรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวหรือมีอยู่ของตัวเราได้ แต่ไม่สามารถระบุตัวตนของเราได้ แตกต่างจากการใช้กล้องที่สามารถเก็บภาพและใช้ระบบ Face detection ระบุตัวตนได้ทันที ทำให้ Soli Radar มีความเหนือกว่าด้านความปลอดภัยนั่นเอง ซึ่งความปลอดภัยเป็นสิ่งที่ Google เน้นมากๆ ในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบส่วนดูแลด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของบริการทั้งหมดของตัวเองใหม่ สามารถตั้งให้ลบประวัติการใช้งานทุก 3 เดือนได้ รวมถึงการประมวลผลเสียงสั่งการ Google Assistant ที่สามารถทำในมือถือได้เลย ไม่ต้องส่งขึ้นเซิร์ฟเวอร์อีกต่อไป
และตามทฤษฎีแล้ว Soli Radar สามารถทำงานได้แม้มีสิ่งกีดขวางอยู่ก็ตาม

อย่างไรก็ตาม Soli Radar ในฟีเจอร์ MotionSense นั้นถูกจำกัดความสามารถลงมากๆ โดย Google ให้เหตุผลว่านี่ยังเป็นเทคโนโลยีใหม่ Google จึงต้องการลดความซับซ้อนลง เพราะมันอาจสร้างความรำคาญให้ผู้ใช้ได้
อีกหนึ่งความท้าทายของฟีเจอร์นี้คือท่าทาง เพาะแต่ละคนก็แปลความหมายของท่าทางแตกต่างกัน อย่างเช่น การปัดซ้าย หรือ ปัดขวา แต่ละคนก็มีท่าทางที่ต่างกัน บางคนแบมือ บางคนปัดเหมือนปัดแมลงวัน และยังมีอีกหลากหลายท่าทางแล้วแต่ความถนัดของแต่ละคน
เรียบเรียงจาก The Verge