ในกลุ่มตลาด Smartwatch นับว่า HUAWEI Watch GT เป็นรุ่นที่ประสบความสำเร็จมาก และนั่นก็ทำให้เกิดภาคต่ออย่าง HUAWEI Watch GT 2 โดยครั้งนี้ได้เพิ่มเติมส่วนสำคัญอย่างการโทรออกและรับสาย รวมถึงการวัดความระดับความเครียด และยังคงจุดเด่นเดิมไว้ทั้งหมด โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 6,490 บาท
แสดงตัวตนผ่านรูปลักษณ์ด้วยดีไซน์ที่หลากหลาย
HUAWEI Watch GT 2 มีรุ่นย่อยให้เลือกตามความชอบ โดยแบ่งเป็นขนาดหน้าปัด 42 มม. และ 46 มม. รวมถึงดีไซน์ที่มีให้เลือก 4 แบบได้แก่ Sport Edition, Classic Edition, Elegant Edition และ Elite Edition
นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนสายได้ด้วย และความน่าสนใจก็คือ HUAWEI Watch GT 2 รุ่น Classic ที่ผมนำมารีวิว มีสายมาให้ในกล่องถึง 2 แบบ คือสีน้ำตาลที่ให้ความรู้สึกเหมือนหนังสัตว์ที่หรูดูแพง กับสายสีดำที่เป็นยางและดูสมบุกสมบันกว่า ต่างจาก HUAWEI Watch GT รุ่นแรกที่ให้สายมาเพียงเส้นเดียวเท่านั้น
เรื่องสายที่ให้มาในกล่อง 2 เส้น ผมไม่แน่ใจว่าจะได้แบบนี้ทุกกล่องรึเปล่า เพราะบางคนบอกว่าจะได้ 2 เส้นเฉพาะล็อตแรกที่เป็นโปรโมชั่นเท่านั้น
ตัวเรือนถูกออกแบบมาให้ดูสวยหรูกว่าเดิม โดยใช้กระจกแบบ 3D ที่มีความทนทานและสวยงาม ทำให้ดูบางและเต็มตา หน้าจอเป็นพาแนลแบบ AMOLED ที่แสดงผลสีดำได้ดำสนิทและให้สีสันสวยงาม
ซึ่งแน่นอนว่า Smartwatch รุ่นนี้ก็สามารถโหลดหน้าปัดมาเปลี่ยนได้หลายรูปแบบ ตอบโจทย์ทั้งคนที่ชอบความเรียบง่าย, ชอบข้อมูลที่หลากหลาย หรือแม้แต่คนที่รักการออกกำลังกาย
เมนูและการควบคุมที่เข้าใจได้ง่าย
การควบคุมแบ่งเป็น 2 แบบใหญ่ๆ คือการสัมผัสที่หน้าจอและการกดปุ่มด้านข้าง โดยปุ่มบนจะเป็นการเข้าสู่เมนูทั้งหมดราว 20 เมนู โดยแบ่งเป็นประเภทได้ตามนี้
- การออกกำลังกาย : ผู้ช่วยด้านข้อมูลการเดิน, วิ่ง, ปีนเขา, ว่ายน้ำ, ไตรกีฬา, ปั่นจักรยาน และอื่นๆ
- ด้านสุขภาพ : อัตราการเต้นของหัวใจ, ข้อมูลการนอน, ความเครียด, การฝึกหายใจ
- การฟังเพลง : ควบคุมเพลงบนตัวนาฬิกา และเล่นเสียงผ่านบนมือถือ, นาฬิกา หรือหูฟังไร้สาย HUAWEI FreeBuds 3
- การโทร : โทรออกจากเบอร์ที่บันทึกไว้บนนาฬิกา หรือเบอร์ที่เคยรับสายผ่านนาฬิกา
- ข้อมูลสภาพแวดล้อม : ความกดอากาศ, เข็มทิศ, อุณหภูมิ
- นาฬิกา : นาฬิกาปลุก, นาฬิกาจับเวลา
- เครื่องมือ : ไฟฉาย, ค้นหามือถือ และการตั้งค่า
ส่วนปุ่มล่างจะเป็นทางลัดเข้าสู่เมนูที่เราตั้งค่าไว้ กรณีของผมคือตั้งเป็นทางลัดดูข้อมูลความเครียด นอกจากนี้บนหน้าปัดยังมีการควบคุมอื่นๆ อีก เช่น
- ปัดซ้าย-ขวา : ดูข้อมูลด้านสุขภาพ, อุณหภูมิ, การควบคุมเพลง และสรุปสถานะการออกกำลังกาย
- ปัดจากขอบล่าง : ดูข้อความ
- ปัดจากขอบบน : การตั้งค่าทั่วไป
- กดค้าง : เปลี่ยนหน้าปัด
รองรับการออกกำลังกายหลายรูปแบบ
สิ่งที่ทำให้ HUAWEI Watch GT 2 ตอบโจทย์การออกกำลังกาย ยังมีเรื่องของเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่ช่วย Tracking ให้เราติดตามผลและพัฒนาได้ง่าย โดยมี GPS ในตัวเพื่อระบุตำแหน่ง มี HUAWEI TruSeen 3.5 ที่วัดอัตราการเต้นของหัวใจได้แม่นยำยิ่งขึ้น สามารถกันน้ำได้ที่ 5ATM ซึ่งมากพอสำหรับการว่ายน้ำ สามารถวัดค่า VO2max ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดของการใช้ออกซิเจนที่วัดได้ในระหว่างการออกกำลังกายอย่างเต็มกำลังที่สุด
ด้วยสารพัดเซ็นเซอร์ที่มีได้แก่ Accelerometer, Gyroscope, Magnetometer, Heart rate sensor (PPG), Air pressure ทำให้เหมาะกับการออกกำลังกายและกิจกรรมหลายรูปแบบ หรือแม้แต่การผจญภัยปีนเขาเข้าป่า นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนเมื่อมีอัตราการเต้นของหัวใจสูงหรือต่ำผิดปรกติได้ด้วย
สำหรับคนที่ไม่ได้เน้นการออกกำลังกาย ก็ยังสามารถ Tracking ด้านสุขภาพที่บอกการนอนอย่างละเอียด ว่าหลับนานแค่ไหน หลับลึกมากน้อยเท่าไร และยังสามารถวิเคราะห์ข้อมูลความเครียดได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความน่าสนใจให้กับรุ่นนี้ เพราะบางครั้งเราก็เครียดแบบไม่รู้ตัว และความเครียดก็เป็นต้นเหตุของสุขภาพอันทรุดโทรมอีกด้วย
วิธีคำนวณความเครียดของ HUAWEI Watch GT 2 ใช้วิธีวัดความผันผวนของอัตราการเต้นของหัวใจแล้วประมวลผลออกมาเป็นตัวเลขเพื่อให้เข้าใจได้ง่าย
รับสายและโทรออกได้ รองรับภาษาไทยทั้งเมนูและการแจ้งเตือน
สิ่งที่เพิ่มเติมและเรียกเสียงฮือฮาได้ในวันเปิดตัวก็คือ HUAWEI Watch GT 2 สามารถโทรออกและรับสายได้แล้ว โดยรับสายจากตัวนาฬิกาได้ทันที ส่วนการโทรออกจากตัวเรือนจะต้องเป็นเบอร์ที่มีข้อมูลบนนาฬิกามาก่อน ซึ่งก็คือต้องเคยรับสายผ่านนาฬิกา หรือต้องเพิ่มรายชื่อเลขหมายปลายทางลงบนตัวนาฬิกา
เมนูและการแจ้งเตือนรองรับการแสดงผลเป็นภาษาไทย และไม่ต้องกังวลว่าจะมีแจ้งเตือนเด้งมากวนใจทั้งวัน เพราะเราสามารถเลือกเปิดแจ้งเตือนเฉพาะบางแอพได้ นอกจากนี้ยังมี No Disturb สำหรับปิดการแจ้งเตือนทุกสิ่งอย่าง เหมาะสำหรับการเข้าประชุมหรือการนอนที่ไม่ต้องการให้มีอะไรมารบกวน
เฟิร์มแวร์ ณ วันที่ทำการรีวิวเป็นเวอร์ชั่น 1.0.1.16 ถ้าต้องการให้แสดงผลการแจ้งเตือนเป็นภาษาไทย จะต้องเลือกเมนูเครื่องเป็นภาษาไทยด้วย ซึ่งเข้าใจว่าน่าจะมีอัพเดทตามมาแก้ให้แสดงผลการแจ้งเตือนภาษาไทยได้กับเมนูทุกภาษา เพราะ HUAWEI Watch GT รุ่นแรกก็สามารถใช้เมนูอังกฤษและแจ้งเตือนไทยได้
ลื่นไหลทุกการใช้งาน แบตเตอรี่อึดถึกทน
เรื่องของแบตเตอรี่กับคุณสมบัติและความลื่นไหลรวมถึงราคา เป็นสิ่งที่ Trade-Off มาโดยตลอด ก็คือได้อย่างเสียอย่าง แม้แต่ Apple Watch ราคาหมื่นกว่าบาทที่ผมใช้เป็นประจำ ก็มีปัญหาด้านแบตเตอรี่ที่ต้องชาร์จวันต่อวัน ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีจุดเด่นจุดด้อยตัดนั่นเพิ่มนี่ต่างกันไป เพื่อสมดุลแบตเตอรี่และการบริโภคพลังงาน
แต่สำหรับ HUAWEI Watch GT 2 ได้ล้มล้างทฤษฎีที่ว่า ด้วยการจัดเต็มฟีเจอร์หลักที่ Smartwatch ควรมี แล้วกดราคาให้ต่ำกว่าคู่แข่ง โดยครั้งนี้ใช้ชิปประมวลผล Kirin A1 เข้ามาช่วยจัดการด้านประสิทธิภาพรวมถึงใช้ Bluetooth 5.1 ที่ให้การเชื่อมต่อสัญญาณแบบใหม่ล่าสุด
สิ่งสำคัญที่สุดของ Smartwatch ก็คือการตอบสนองที่ทันท่วงที ซึ่งต้องบอกว่า HUAWEI ทำได้ดีตั้งแต่รุ่นแรกแล้ว นอกจากนี้ยังมีแบตเตอรี่ที่อึดมาก สามารถใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุด 2 สัปดาห์สำหรับรุ่น 46 มม. และ 1 สัปดาห์สำหรับรุ่น 42 มม.
เครื่องเล่นเพลงในตัว เก็บได้ 500 เพลง
หลายคนชอบฟังเพลงระหว่างวันไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายหรือการเดินทาง แน่นอนว่ารุ่นนี้ก็ตอบโจทย์ความบันเทิงด้วยการใส่เครื่องเล่นเพลงมาให้ด้วย โดยสามารถเก็บเพลงบนตัวนาฬิกาได้สูงสุด 500 เพลง รองรับไฟล์ mp3 และ aac
สามารถเล่นเพลงจากตัวมือถือหรือบนตัวนาฬิกาก็ได้ และยังเลือกได้ด้วยว่าจะให้เล่นเสียงเพลงออกทางมือถือ ทางนาฬิกา หรือทางหูฟังไร้สาย
บทสรุปรีวิว HUAWEI Watch GT 2
อันที่จริง HUAWEI Watch GT ก็ทำออกมาได้คุ้มค่าน่าใช้อยู่แล้ว การที่สานต่อและอัพเกรดเพิ่มพลังให้กับ HUAWEI Watch GT 2 ก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำความคุ้มค่าในทุกแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นด้านดีไซน์ที่สวยดูดี ฟีเจอร์ที่ครบเครื่อง แบตเตอรี่ที่อึดมาก รองรับทั้ง Android และ iOS ทำให้ภาคต่อของซีรี่ส์นี้ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับคนที่มองหา Smartwatch
แต่ถ้าอยากประหยัดงบและไม่ซีเรียสว่าต้องเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด ตอนนี้ราคาของรุ่นแรกก็เริ่มลดลงไปบ้างแล้ว แม้ว่าจะไม่ใช่รุ่นล่าสุดแต่ก็ถือว่าเป็นรุ่นที่ยังน่าใช้อยู่ ถ้าเจอราคาดีๆ ก็น่าสนใจครับ
