รีวิว OnePlus 7T เรียบง่ายแต่ทรงพลัง เรือธงสำหรับคอเกมตัวจริง

OnePlus 7T นับเป็นน้องเล็กใน OnePlus 7T series ที่หยิบเอาจุดเด่นจากรุ่น OnePlus 7T Pro มาแทบทั้งหมด และจัดให้ในราคา 17,990 บาท ที่จับต้องได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยยังคงจุดเด่นของค่ายไว้อย่างน่าสนใจ ทั้งเรื่องกล้อง การชาร์จเร็ว หน้าจอที่สวยงาม และสเปคที่จัดเต็มระดับที่สร้างอรรถรสการเล่นเกมได้ดีอย่างน่าประทับใจ

ดีไซน์อันโดดเด่นของ OnePlus 7T

สิ่งแรกที่เห็นแล้วสะดุดตากว่ามือถือทั่วไปเลยก็คือ OnePlus 7T เลือกใช้ดีไซน์กล้องหลังแบบวงกลม ซึ่งมีน้อยรุ่นที่ใช้ดีไซน์นี้ในปี 2019 ทำให้การถือโดดเด่นเห็นแต่ไกล และยังมีการไล่เฉดสีที่ฝาหลังแบบด้าน ที่นอกจากจะเพิ่มความสวยหรูแล้วยังลดโอกาสที่จะเปื้อนรอยนิ้วมือด้วย

ขอบฝาหลังถูกออกแบบในลักษณะ 3D ทำให้มีขอบโค้งมนเข้ากับมือ หยิบถือได้สะดวก ส่วนปุ่มควบคุมนอกจากจะมีปุ่มปรับเสียงที่ด้านซ้ายและปุ่ม Power ที่ด้านขวาแล้ว ยังมีอีกปุ่มที่เป็นเอกลักษณ์ของทางค่ายคือปุ่มสลับโหมดเสียง ระหว่างแบบเงียบ, สั่น, เสียง

แม้ว่าตัวกล้องหลังจะนูนขึ้นมาเล็กน้อย แต่เคสที่แถมมาให้ในกล่องก็ช่วยทำให้ความนูนของกล้องไม่ใช่ปัญหาในการใช้งาน

หน้าจอที่ลื่นไหลกว่าด้วย refresh rate 90Hz

OnePlus 7T ยังคงรักษาจุดเด่นของหน้าจอไม่ต่างจาก OnePlus 7 Pro โดยเฉพาะค่า refresh rate 90Hz ที่สูงกว่ามือถือเกือบทั้งหมดในท้องตลาด ทำให้ภาพมีความเคลื่อนไหวที่ดูเนียนตากว่าหน้าจอทั่วไป และตอบสนองการสั่งงานจากปลายนิ้วได้เร็วขึ้นอีกด้วย โดยใช้การปรับแต่งอนิเมชั่นของ OxygenOS เข้ามารีดประสิทธิภาพของ refresh rate ที่สูงระดับนี้

หน้าจอ Fluid Display ขนาด 6.55 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับ HDR10+ และมีความสว่างสูงสุดมากถึง 1,000 nit กับอัตราส่วน 20:9 ก็ช่วยให้แสดงผลได้สวยงามในทุกสภาพแสง แม้กระทั่งกลางแสงแดดจ้า และยังผ่านมาตรฐานการลดแสงสีฟ้าจาก TÜV-certified

ปลดล็อกด้วยการสแกนใบหน้าและสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ

กล้องหน้าถูกดีไซน์แบบ Waterdrop เหมือน OnePlus 7 แต่เล็กลงกว่าเดิม 31.46% ซึ่งความเล็กลงนี้ก็ไม่ได้ทำให้การสแกนใบหน้าแย่ลงแต่อย่างใด โดยการปลดล็อกด้วยการสแกนใบหน้าของรุ่นนี้ทำได้รวดเร็วตามที่เรือธงควรจะเป็น

เช่นกับการสแกนลายนิ้วมือที่เร็วไม่ต่างกัน แต่ที่พิเศษกว่ารุ่นอื่นๆ ก็คือฟีเจอร์เรียกแอพด่วนโดยการสแกนนิ้วมือแล้ววางนิ้วค้างไว้เพื่อเรียก Quick launch เพื่อเป็นทางลัดเรียกแอพด่วนที่เราตั้งไว้

Quick launch เป็นสิ่งที่ดีมาก และถือว่าเป็นจุดเด่นของ Android ในยุคแรกที่มีทางลัดเข้าแอพตั้งแต่หน้า Lock screen โดย OxygenOS ได้หยิบสิ่งนี้มาประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัยได้อย่างลงตัว

จัดเต็มสเปคอย่างไม่ปราณีคู่แข่ง

นอกจากจะให้หน้าจอที่สุดสวยกว่าคู่แข่งแทบทุกค่ายแล้ว ยังจัดเต็มสเปคให้โดยใช้ชิปเซ็ตแรงสุดของ Qualcomm อย่าง Qualcomm Snapdragon 855 Plus ที่เป็นรุ่นใหม่ล่าสุด หน่วยความจำภายใน 128GB แบบ UFS 3.0 ซึ่งเหนือกว่าเรือธงคู่แข่งแทบทั้งหมดที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับ UFS 2.1 เท่านั้น และยังมาพร้อมกับแรม 8GB ที่มีระบบ RAM Boost ที่ช่วยจัดการแรมให้มีประสิทธิภาพที่สุด

ด้วยสเปคที่สุดทุกด้านแบบนี้ ทำให้มั่นใจได้เลยว่าจะสร้างความประทับใจในการใช้งานอย่างแน่นอน

เล่นเกมได้สนุกกว่าด้วย Game space และ Fnatic mode

การเล่นเกมในภาพรวมเรียกได้ว่าลื่นไหลหายห่วงแทบทุกเกม เนื่องด้วยชิปเซ็ตค่ายนี้โดดเด่นเรื่อง GPU ที่ช่วยประมวลผลด้านกราฟิก นอกจากนี้ยังมี Fnatic mode และ Game space ที่ช่วยรีดประสิทธิภาพการเล่นเกม ด้วยการบล็อกการแจ้งเตือน, ทุ่มพลังทรัพยากรทั้งระบบให้โฟกัสที่เกม, รีดพลังเน็ตจากซิม, ปรับกราฟิกให้สวยขึ้น, ปิดการปรับแสงอัตโนมัติ ฯลฯ ที่ช่วยให้มีประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น

ส่วนตัวแล้วผมติดเกม Survival Heros ซึ่งเกมนี้บริโภคทรัพยากรไม่น้อย ถ้าจะเปิดกราฟิกจัดเต็มทั้งหมด มือถือส่วนใหญ่จะกระตุกหรือไม่ก็เฟรมเรทตก แต่สำหรับ OnePlus 7T ถือว่าทำได้น่าประทับใจ ลื่นไหลกว่ามือถือส่วนใหญ่แม้กระทั่งเรือธงรุ่นอื่น

ระบบเสียง Dolby Atmos และลำโพงคู่

การดูหนังฟังเพลงหรือแม้แต่การเล่นเกมถูกเติมเต็มด้วยระบบเสียง Dolby Atmos และลำโพงคู่ แม้ว่าลำโพงที่ด้านล่างของเครื่องจะให้เสียงที่ดังกว่าลำโพงด้านบน แต่ก็ดีพอที่จะทำให้เสียงออกมากระหึ่มรอบทิศทาง เรียกได้ว่าเสียงดังและคุณภาพดีด้วย

เมื่อใช้งานร่วมกับหน้าจอที่แสดงผลได้ดีงามก็ทำให้การดู Netflix หรือ YouTube ออกมาอิ่มเอมมาก นอกจากนี้ยังมี Video enhancer ที่ช่วยปรับสีสันของวีดีโอให้ออกมาสวยงามกว่าเดิมด้วย

OxygenOS เรียบง่ายแต่ทรงพลัง

สิ่งที่ผมให้ความสำคัญมากก็คือการ Input ป้อนข้อมูลและ UX ที่ต้องใช้งานง่าย ซึ่ง OnePlus 7T ที่มาพร้อมกับ OxygenOS ที่ครอบทับ Android 10 นั้นทำออกมาได้น่าประทับใจมาก โดยออกแบบ UI มาแบบเรียบง่ายไม่ซับซ้อน และยังสามารถเลือกเปลี่ยน Navigation bar ด้านล่างให้เป็นแบบ Gesture ได้อีกด้วย โดย Gesture ของค่ายนี้ใช้งานได้ง่ายมาก ทำให้การสลับแอพหรือกลับหน้าหน้าเป็นไปอย่างง่ายดาย

ชาร์จเร็วด้วย Warp Charge 30T

OnePlus 7T มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 3800mAh และระบบชาร์จเร็วที่ใช้เวลา 30 นาทีในการชาร์จจาก 0% ถึง 70% และที่สำคัญคือความเร็วในการชาร์จจะไม่ลดลงแม้อยู่ระหว่างเล่นเกม เพราะมีการควบคุมระดับความร้อนได้ดี จึงสามารถชาร์จได้เร็วโดยไม่เป็นอันตราย

ถ่ายภาพนิ่งสวย ถ่ายวีดีโอไม่สั่น

ในแง่สเปคกล้องแล้ว OnePlus 7T ให้กล้องหลังมาไม่ธรรมดาเลย โดยครั้งนี้มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ IMX586 มีกล้องหลัง 3 ตัวได้แก่

• กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.6 ระบบกันสั่น OIS+EIS
• กล้องมุมกว้าง 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 กว้าง 117 องศา
• กล้องเทเล 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 เทียบเท่าระยะ 78 มม.

จุดที่พัฒนาได้อย่างน่าสนใจก็คือกล้องที่สามารถถ่ายมาโครได้ใกล้ในระยะ 2.5 ซม. ส่วนโหมดกลางคืนก็จัดการที่แสงน้อยได้ดี การถ่ายภาพบุคคลก็สามารถเลือกใช้กล้องได้ 2 ระยะ เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน

ประสิทธิภาพของกล้องหน้าก็จัดว่าอยู่ระดับเดียวกับเรือธง ทั้งการถ่ายภาพนิ่งและวีดีโอ

และส่วนที่ผมชอบมากก็คือระบบกันสั่นวีดีโอ Super Stable ที่รีดประสิทธิภาพจาก OIS + EIS ทำให้การถ่ายวีดีโอด้วยกล้องหลังนิ่งประหนึ่งใส่กิมบอล ซึ่งทาง OnePlus เรียกการรวมพลังนี้ว่า HIS ( Hybrid Image Stabilization )

ช่องทางการซื้อ OnePlus 7T

OnePlus 7T เริ่มวางขายตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 ทางหน้าร้าน AIS Shop ทั้ง 33 สาขา และทางออนไลน์ที่ AIS Online, Lazada, JD Central โดยมีให้เลือก 2 สีได้แก่ สีฟ้า Glacier Blue และ สีเทา Frosted Silver

ประเด็นที่หลายคนยังกังวลอย่างเรื่องศูนย์บริการ ก็แว่วๆ มาว่าจะมีศูนย์อย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้

บทสรุปรีวิว OnePlus 7T

OnePlus ยังรักษาแนวทางของค่ายไว้ได้เป็นอย่างดี สามารถตบคู่แข่งด้วยราคาที่ต่ำกว่าและสเปคที่ดีกว่า และไม่ได้เป็นแค่เสือกระดาษที่มีดีแต่สเปค แต่ยังมี OxygenOS ที่ช่วยรีดประสิทธิภาพและเสริมพลังด้วยฟีเจอร์น่าสนใจอีกหลายสิ่ง ที่ทำให้การเล่นเกมไปได้สุด กล้องก็ดีงาม