สรุปเรื่องราวจากงาน OPPO APAC Strategy Launch ณ ประเทศมาเลเซีย
งาน OPPO APAC Strategy Launch ที่ผ่านมา นอกจากจะได้หูฟัง OPPO Enco Free มารีวิวให้ชมแล้ว ภายในงานยังได้พูดถึงทิศทางในอนาคตที่น่าสนใจอีกด้วย
ถ้ายังจำกันได้เมื่อหลายปีก่อน OPPO ช่วงประมาณยุค OPPO Find 7 ถือว่าเป็นแบรนด์ที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรมและแข็งแกร่งมาก ซึ่งถ้าเทียบ Timeline แล้วนับว่าเป็นช่วงที่ OPPO เริ่มขยายตลาดในกลุ่มประเทศเอเซียแปซิฟิกทีละประเทศ เริ่มจากไทยในปี 2009 แล้วขยายไปทั่วภูมิภาค
เหตุผลสำคัญที่ OPPO เลือกที่จะใช้มาเลเซียเป็น Hub ของ APAC ก็เพราะเมื่อดูจากสถิติแล้วภูมิภาคนี้มีกำลังซื้อสูงมากและเป็นตลาดที่ยังเติบโตได้อีก โดยมาเลเซียเป็นตลาดที่ขายของราคาสูงได้ดี ส่วนไทยเป็นประเทศที่ขายรุ่นราคาถูกได้ดี
ในปี 2019 มูลค่าตลาดสินค้าฝั่ง Technical มีขนาดใหญ่ถึง 1.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ โดย 43% คือสมาร์ทโฟน ซึ่งถือว่าเป็นส่วนแบ่งที่เยอะที่สุดในตลาดกลุ่มนี้
และจากยอดขายสมาร์ทโฟนทั้งหมด ครึ่งหนึ่งมาจากประเทศในแถบเอเซียแปซิฟิกหรือ APAC
เมื่อมองจากตลาดเอเซียแปซิฟิกเจาะลึกลงไป ก็จะพบว่าอัตราการเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่อยู่ที่ประเทศแถบเอเซียเป็นหลัก
จากสถิติทำให้เห็นว่าอินเดียถือว่าเป็นตลาดที่ใหญ่มากและเติบโตเยอะมาก แต่เป็นรุ่นราคาถูก ส่วนจีนก็เป็นตลาดใหญ่อีกแห่ง นิยมรุ่นราคาสูงกว่าแต่ค่อนข้างอิ่มตัวแล้ว สิงคโปร์แม้จะนิยมรุ่นราคาสูงแต่อัตราการเติบโตไม่มากนัก ต่างจากมาเลเซียที่มีความสมดุลในแง่ยอดขายและโอกาสเติบโต ส่วนไทยเราที่ถือว่าเป็นตลาดใหญ่อีกแห่งของโลก ก็นิยมรุ่นที่ราคาถูกกว่ามาเลเซียและโอกาสเติบโตก็น้อยกว่า
นี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่แต่ละแบรนด์หันมาทำตลาดในไทยมากขึ้น เพราะเมื่อเทียบในระดับโลกแล้ว ประเทศไทยมีอัตราการเติบโตและยอดขายสมาร์ทโฟนที่เยอะ
ปัจจัยสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงโลกคือ 5G ซึ่งจะเปลี่ยนตลาดสมาร์ทโฟนด้วยเช่นกัน โดย OPPO คาดการณ์ว่าในยุค 5G กลุ่มประเทศในเอเซียจะมีความคึกคักที่สุด
OPPO เองที่วางบทบาทเป็นกลุ่ม Young Mobile ที่เน้นภาพลักษณ์ความสดใหม่วัยรุ่น ก็มีแผนรับมือในยุค 5G ด้วยเช่นกัน โดยถือสิทธิบัตรมากกว่า 40,000 ชิ้น ซึ่ง 2,500 ชิ้นเกี่ยวกับเรื่อง 5G และผู้ให้บริการเครือข่าย 11 จากทั่วโลกก็ได้เริ่มจับมือกับ OPPO เพื่อทำ 5G Landing Project แล้ว โดยทุ่มทุนไปถึง 7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในระยะเวลา 3 ปีเพื่อค้นคว้าและวิจัยเทคโนโลยีต่างๆ
นอกจากนี้ยังเน้นกลยุทธ์ด้านบริการหลังการขายที่ดียิ่งขึ้น และความเป็นพันธมิตรกับคู่ค้าแบบ win-win
OPPO มองว่า 5G จะให้ประสบการณ์ใหม่ๆ มากมายเช่น ดูหนัง Streaming ด้วยความละเอียดระดับ 8K หรือการเข้าถึงประสบการณ์ AR/VR ทั้งการซื้อของและการศึกษา รวมไปถึงด้านการเล่นเกมด้วย หรือพูดให้ง่ายขึ้นก็คือ 5G จะเปลี่ยนทุกสิ่งบนโลกและจะเชื่อมโยงทุกอย่างเข้าหากัน
OPPO เป็นอีกค่ายที่มองว่ายุคถัดไปคือยุคของ 5G + AI ที่จะเข้ามามีบทบาทในทุกขั้นตอนของระบบ
บริษัทที่เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนวงการสมาร์ทโฟนและ 5G อย่าง Qualcomm ก็มาขึ้นเวทีให้ข้อมูลร่วมกับ OPPO ด้วย
ในปี 2019 ที่ผ่านมา Qualcomm ได้เข้าไปมีส่วนของอุตสาหกรรม 5G มากมายหลายแง่มุม แต่สิ่งที่จับต้องได้ง่ายที่สุดในมุมของผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนก็คือ การสร้างชิปเซ็ต Snapgragon 865 ที่ออกแบบมาสำหรับ 5G และ AI
ตอนนี้ OPPO มีวิสัยทัศน์ที่มองว่า OPPO ไม่ใช่แค่สมาร์ทโฟนอีกต่อไป แต่ต้องฉลาดกว่านั้น สามารถคำนวณ เชื่อมต่อ รับข้อมูล และตอบโต้ได้ด้วย
แนวทางนี้คล้ายกับกลยุทธ์ 1+8+N ของทาง HUAWEI ซึ่งอันที่จริงแล้วเทรนยุค 5G จะเป็นลักษณะนี้แทบทุกค่าย คือมองว่าสมาร์ทโฟนเป็นแกนกลางในการควบคุมสิ่งอื่นๆ รอบตัว
โดย China Unicom ก็ได้ทดสอบและเริ่มเปิดให้บริการ 5G ในจีนแล้ว ( เจ้านี้แหละที่เคยทำให้คนไทยสับสนเรื่อง Full Netcom )
ในช่วงต้นปี 2019 แม้จะมีสมาร์ทโฟน 5G ออกมาแล้ว แต่ราคาก็สูงเกินกว่าจะนำมาใช้งานในระดับทั่วไป แต่แนวโน้มราคาเครื่องก็ลดลงเรื่อยๆ คาดว่าภายในปี 2021 จะมียอดผู้ใช้งานสมาร์ทโฟน 5G ในจีนโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
5G ไม่เพียงแต่กระตุ้นวงการสมาร์ทโฟน แต่ยังช่วยเรื่องรายได้ของผู้ให้บริการเครือข่ายอีกด้วย รวมไปถึงแวดวง Production และการผลิต Content ที่สามารถทำ Live Streaming ได้ดียิ่งขึ้น
เราเคยได้ยินคำว่า Post-PC era ที่คนเคยเชื่อกันว่าจะหมดยุค PC แล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้น เพียงแต่ความเป็น Mobile ได้รับความนิยมสูงขึ้น เทคโนโลยีต่างๆ ก็เริ่มเป็นแบบไร้สายโดยมีแกนหลักคือสมาร์ทโฟน ส่วนยุคถัดไปจะมีแกนหลักคือสมาร์ทโฟน+อุปกรณ์อื่นๆ โดยพึ่งพา IoT, 5G, Cloud และ AI
ในแง่ IoT แล้ว OPPO ก็ได้เตรียมความพร้อมด้วยการจับมือกับพันธมิตรมากกว่า 20 แบรนด์ มีสินค้ามากกว่า 300 ชิ้นแล้ว โดยมีพระเอกคือ OPPO Enco Free และ OPPO 5G CPE T1
นอกจากนี้ในช่วงท้ายงานยังมีการสัมภาษณ์ผู้บริหารเพิ่มเติม เกี่ยวกับประเด็นเรื่องทิศทางตลาดในไทย ซึ่งคำตอบที่ได้ก็คือคนไทยรักในนวัตกรรม และ OPPO ก็จะตอบสนองด้วยการดันรุ่นที่เปี่ยมไปด้วยนวัตกรรมอย่าง Find series ในไทยให้มากยิ่งขึ้น
ส่วนจุดเด่นของ Experience Zone ก็คือ Future Smartphone ที่เป็นสมาร์ทโฟนซ่อนกล้องไว้ใต้จอแท้ๆ แบบที่มองผ่านๆ แล้วไม่เห็นกล้องหน้าเลย แต่สามารถใช้ถ่ายรูปได้ตามปรกติ