ในที่สุดก็เข้าไทยกับ YouTube Music บริการสตรีมมิ่งเพลงจาก Google วันนี้ผมจะมาพาทัวร์ว่าบริการตัวนี้มีจุดเด่นอะไรบ้าง เอาไว้เป็นเครื่องมือประกอบการตัดสินใจในการสมัครครับ
เวอร์ชันฟรี
ตัว YouTbe Music จะมีทั้งเวอร์ชันใช้งานฟรีและเสียงเงิน หากเราเลือกใช้งานฟรี ก็จะเหมือนเราดู YouTube โดยให้แสดงผลเฉพาะวิดีโอที่เป็นเพลงนี่แหละ เวลาเราเล่นเพลงคือการเปิด Music video ของเพลงนั้นๆ เลย แต่ข้อดีคือจะมีการทำ Playlist มาให้เราเลือกฟังหลากหลาย และ Playlist เด่นอย่าง Your Mixtape ที่รวมเพลงโปรดของเราไว้ในที่เดียว
Google ยังนำความแข็งแกร่งด้านบริการแผนที่ของตนเองมาผสานกับ YouTube Music ด้วย โดยแอปจะมีการแนะนำเพลงตามสถานที่ที่เราอยู่ เช่น หากเราไปยิม ก็จะแนะนำ Playlist ที่เหมาะกับการออกกำลังกายให้
ข้อจำกัดในการใช้งานเวอร์ชันฟรี
- มีโฆษณาคั่น
- ไม่สามารถเล่นใน Background ได้ คือต้องเปิดหน้าแอปค้างไว้ตลอด และปิดจอไม่ได้
- เป็นการฉาย MV ดังนั้นถ้า MV ไหนมีเสียงแทรก หรือมีฉากละครคั่น เราก็ต้องทนฟังไป
เวอร์ชันเสียเงิน
YouTube Music มี 2 ราคา ดังนี้
- ราคาทั่วไป 129 บาท/เดือน ทดลองใช้งานฟรีเดือนแรก
- ราคาครอบครัว Family sharing ใช้งานได้ 6 คน ราคา 199 บาท/เดือน ทดลองใช้งานฟรีเดือนแรก
สำหรับเวอร์ชันเสียเงินจะไม่มีโฆษณาคั่น ดาวน์โหลดไว้ฟังแบบ Offline ได้ และสามารถฟังเพลงแบบย่อแอปหรือปิดจอได้เหมือนแอปสตรีมมิ่งทั่วไป
เพลงที่ฟังจะเป็นเวอร์ชันเพลงจริงๆ ไม่ใช่เวอร์ชันเสียงจาก MV แต่บางเพลงที่ยังไม่ออกเป็นเวอร์ชันเสียงอย่างเดียวและพวกเพลง Cover จากศิลปินอิสระบน YouTube จะยังเป็นเสียงจาก MV อยู่
ได้ฟังเพลงแบบ Album version แล้ว บางเพลงที่ไม่มีเวอร์ชันเสียงอย่างเดียวจะมาเป็น MV
คุณภาพเสียง
YouTube Music สามารถปรับคุณภาพเสียงได้ 3 ระดับ ดังนี้
- Low 48kbps AAC
- Normal 128kbps AAC
- High 256kbps AAC
บทสรุปของ YouTube Music
YouTube Music เป็นบริการสตรีมมิ่งเพลงจาก Google มีหน้าตาแอปที่ใช้งานง่าย มี Playlist ให้เลือกหลากหลาย แต่ยังขาด Playlist ที่จัดขึ้นมาเพื่อตัวเราเองโดยเฉพาะ มีเพลงจำนวนมากและครอบคลุมสุดๆ เอาง่ายๆ ว่าถ้ามีวิดีโออยู่ใน YouTube ละก็ใน YouTube Music ก็มีเช่นกัน เสริมแกร่งด้วยเหล่าวงอิสะและวง Cover บน YouTube แต่ยังขาด Podcast และคุณภาพเสียงที่ยังสู้เจ้าอื่นๆ ไม่ได้
