วันนี้ผมจะพามาทำความรู้จักกับ HUAWEI FreeBuds 3 หูฟัง True Wireless ชนิด Earbud รุ่นแรกและรุ่นเดียวที่มีระบบตัดเสียงรบกวนแบบ Active noise cancelling (ANC) ขอให้ลืม HUAWEI FreeBuds รุ่นก่อนหน้านี้ไปได้เลย เพราะตัวนี้เค้าพัฒนาแบบก้าวกระโดดจริงๆ
ดีไซน์
ตัวเคสหูฟังของ HUAWEI FreeBuds 3 มีดีไซน์เหมือนก้อนหินที่โดนน้ำชะจนเหลี่ยมมุมหายหมดการสัมผัสให้ความรู้สึกที่ดีมากๆ เพราะมันไม่มีเหลี่ยมมุมใดๆ มาขัดนิ้วเราเลย วัสดุเป็นพลาสติกเงาสีเดียวกันทั้งตัว ด้านหลังจะมีส่วนที่เป็นโลหะสีเงินพร้อมโลโก้ HUAWEI ส่วนด้านล่างเป็นที่อยู่ของพอร์ต USB-C สำหรับชาร์จไฟและไฟ LED สำหรับแสดงสถานะ ด้านขวาจะมีปุ่มแอบอยู่อย่างแนบเนียนไปกับผิวเครื่อง
ส่วนโลหะด้านหลังที่มีตรา HUAWEI ทำหน้าที่เป็นตัวบานพับเวลาเปิดฝาเพื่อเสริมความแข็งแรง เมื่อเปิดฝาขึ้นมาก็จะพบกับหูฟัง HUAWEI FreeBuds 3 และไฟสถานะ ใส่อยู่อย่างสวยงามด้านในสามารถหยิบมาใช้ง่ายๆ
รูปทรงของ HUAWEI FreeBuds 3 ได้รับแรงบันดาลใจจากหัวปลาโลมา ใส่แล้วกระชับหู มีน้ำหนักเบา เวลาใส่ไม่เจ็บหู และไม่รู้สึกถ่วงหูด้วย สำหรับก้านหูฟังที่หลายคนรู้สึกว่ามีขนาดใหญ่และไม่สวยงาม แต่จริงๆ แล้วมันมีเหตุผลของมันอยู่ ซึ่งเราจะมาพูดถึงมันในภายหลัง
การเชื่อมต่อ
ปกติการเชื่อมต่อหูฟังแบบ True Wireless จะมีดังนี้
แบบแรก มือถือจะเชื่อมต่อหูฟังข้างขวาก่อน จากนั้นหูฟังข้างขวาค่อยเชื่อมต่อกับหูฟังข้างซ้ายอีกทีหนึ่ง การเชื่อมต่อแบบนี้มีปัญหาเรื่องความเสถียรของสัญญาณ สัญญาณดีเลย์เยอะ และหูฟังข้างซ้ายไม่สามารถใช้งานข้างเดียวเดี่ยวๆ ได้
แบบที่สอง มือถือจะเชื่อมต่อกับหูฟังทั้งสองข้างโดยตรง โดยหูฟังแต่ละข้างจะได้ข้อมูลเสียงทั้งด้านซ้ายและด้านขวา ข้อดีของการเชื่อมต่อแบบนี้คือความเสถียรของสัญญาณที่ดีกว่า ดีเลย์ที่น้อยกว่า และสามารถใช้งานเพียงข้างเดียวได้อย่างอิสระ
สำหรับ HUAWEI FreeBuds 3 ที่ใช้ชิปเซ็ต Kirin A1 ที่พัฒนาเอง ใช้การเชื่อมต่อที่คล้ายคลึงกับแบบที่สอง คือมือถือเชื่อมต่อกับหูฟังทั้งสองข้างโดยตรง แต่มีความแตกต่างคือหูฟังแต่ละข้างจะได้ข้อมูลเสียงของฝั่งตัวเองเท่านั้น หูฟังข้างซ้ายจะได้ข้อมูลเสียงเฉพาะด้านซ้าย หูฟังขวาก็จะได้ข้อมูลเสียงเฉพาะด้านขวา ทำให้ข้อมูลที่ต้องส่งให้หูฟังแต่ละข้างมีขนาดเล็กลง ทำให้ดีเลย์น้อยลง และประหยัดพลังงานมากขึ้น
ถ้าเราใส่หูฟังข้างเดียว ระบบจะทำการรวมเสียงทั้งสองแชแนลเป็นเสียงโมโนให้เราด้วย
เริ่มต้นใช้งาน
การเชื่อมต่อทำโดยเปิดฝาเคสขึ้นมา จากนั้นกดที่ปุ่มด้านข้างเคสจนไฟสถานะเปลี่ยนเป็นสีฟ้า และสามารถกดค้นหาใน Bluetooth ได้ปกติเลย แต่หากคุณใช้มือถือ HUAWEI ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ EMUI 10 หูฟังกับเครื่องจะค้นหากันเจอด้วยความรวดเร็วมากกว่ายี่ห้ออื่นๆ
การควบคุมหูฟังตัวนี้จะใช้งานคู่กับแอป ชื่อว่า HUAWEI AI Life เอาไว้ตั้งค่าปุ่มสัมผัสที่ตัวหูฟังและตั้งค่าระบบตัดเสียงรบกวน
แอป HUAWEI AI Life ปัจจุบันมีเฉพาะบน Google Play สำหรับใช้กับมือถือ Android เท่านั้น ส่วนแอปบน iOS ยังไม่มี แต่ตัวหูฟังสามารถเชื่อมต่อและใช้งานกับอุปกรณ์ iOS ได้ตามปกติ หากคุณต้องการตั้งค่า FreeBuds 3 สามารถนำหูฟังของคุณไปเชื่อมต่อกับมือถือ Android และทำการตั้งค่าต่างๆ ให้เรียบร้อย หูฟังจะทำการจำค่าต่างๆ ที่ตั้งเอาไว้ให้โดยอัตโนมัติ
ระบบตัดเสียงรบกวนในหูฟัง Earbuds รุ่นแรกของโลก
HUAWEI FreeBuds 3 เป็นหูฟังชนิด True Wireless Earbud รุ่นแรกของโลกที่มีระบบตัดเสียงรบกวนแบบ Active วิธีการทำงานคือที่ตัวหูฟังจะมีไมโครโฟนรับเสียงจากภายนอก จากนั้นจะปล่อยเสียงความถี่ที่จะมาหักล้างกับเสียงภายนอกทำให้เราไม่ได้ยินเสียงจากภายนอก
วิธีการใช้งานคือให้เราใส่หูฟังทั้งสองข้างให้เรียบร้อย เปิดแอป HUAWEI AI Life ขึ้นมา จากนั้นเข้าไปที่หน้าตั้งค่าระบบตัดเสียงรบกวน และหมุนปุ่มจนกว่าจะเจอตำแหน่งที่เสียงรบกวนจากภายนอกน้อยที่สุด ซึ่งแต่ละคนก็จะมีตำแหน่งที่ต่างกันขึ้นอยู่กับรูปทรงของหู ประสิทธิภาพการตัดเสียงรบกวนด้วยเช่นกัน
จากการใช้งาน รูปทรงของหูของแต่ละคนมีผลต่อประสิทธิภาพการตัดเสียงรบกวน อย่างตัวผมเองเวลาเปิดระบบตัดเสียงรบกวนยังได้ยินเสียงคนพูดอยู่ แต่เพื่อนผมอีกคนไม่ได้ยินเสียงคนพูดเลย
การควบคุม
HUAWEI FreeBuds 3 จะมีปุ่มควบคุมด้วยการสัมผัส 2 ตำแหน่ง อยู่ที่หูฟังทั้งสองข้าง สามารถตั้งได้ว่าเมื่อสัมผัสแล้วจะให้ทำอะไร การใช้งานช่วงแรกๆ จะแตะไม่ค่อยโดน แต่เมื่อใช้สักพักจะกะตำแหน่งได้เองครับ
หูฟัง True Wireless สำหรับคุยโทรศัพท์โดยแท้
ปกติการคุยโทรศัพท์มักจะเป็น Pain point ของหูฟังชนิด True Wireless ที่มักให้เสียงสนทนาที่เบา และมีเสียงรบกวนเข้ามาง่ายมาก แต่ไม่ใช่กับ HUAWEI FreeBuds 3
อย่างแรกเลยคือ HUAWEI FreeBuds 3 มีก้านหูฟังยื่นออกมาเพื่อให้ไมโครโฟนอยู่ใกล้ปากเรามากกว่าเดิม นอกจากนั้น HUAWEI ยังได้ออกแบบมาให้ก้านหูฟังช่วยตัดเสียงรบกวนจากลมได้อีกด้วย
และยังมีระบบจับการสั่นของกระดูกแก้มเวลาเราพูด และนำมาแปลงเป็นสัญญาณเสียง ช่วยดึงเสียงพูดของเราให้ชัดใสและตัดเสียงรบกวนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
ทดลองใช้งาน
มาดูการใช้งานจริงกันบ้าง งานนี้ HUAWEI ได้พาเราไปตามสถานที่ต่างๆ ในกรุงเทพฯ เพื่อทดลองใช้งานจริง
จุดเริ่มต้นของเราเริ่มต้นที่ริมถนนแถวพระโขนง เมื่อเปิดหูฟัง เชื่อมต่อกับมือถือ ตั้งค่าจนเรียบร้อย และเปิดระบบตัดเสียงรบกวน
เนื่องจาก HUAWEI FreeBuds 3 เป็นหูฟังแบบ Earbud ประสิทธิภาพการตัดเสียงรบกวนจึงสู้หูฟังแบบ In-ear ไม่ได้ แต่ประสิทธิภาพที่ได้ก็ถือว่าโอเคเลย สามารถจัดการเสียงย่านความถี่ต่ำได้หมดจด
จากนั้นเราได้ทดสอบประสิทธิภาพการตัดเสียงรบกวนของเจ้า HUAWEI FreeBuds 3 ด้วยการเดินบนฟุตบาทเพื่อไปยังสถานี BTS พระโขนง ที่มีเสียงการจราจรรบกวนตลอดเวลา
ระหว่างเดิน เมื่อโดนลมพัดมาใส่หน้า ระบบตัดเสียงรบกวนของหูฟังจะหยุดทำงานชั่วคราว จากนั้นจะค่อยๆ ปรับระดับกลับมาใหม่ ซึ่งถ้าลมพัดมาต่อเนื่อง ระบบตัดเสียงรบกวนก็จะใช้งานไม่ได้เลย หูฟังตัวนี้จึงเหมาะใช้งานเวลานั่งในยานพาหนะที่ไม่มีลมตี อย่างเช่น รถไฟฟ้า หรือ รถเมล์ปรับอากาศมากกว่า
เราได้นั่งทั้ง BTS และ MRT เพื่อไปยังสถานีวัดมังกร ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานีที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงาม และได้ทดสอบประสิทธิภาพการตัดเสียงรบกวนและปริมาณเสียงที่ลอดออกมาว่าจะรบกวนคนรอบข้างหรือไม่
การใช้งานในระบบขนส่งมวลชน ระบบตัดเสียงรบกวนช่วยตัดเสียงเครื่องยนต์ เสียงแอร์ และเสียงคนจอแจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันเรายังได้ยินเสียงประกาศต่างๆ ในสถานีและในขบวนรถอยู่
ใครที่กลัวว่าใช้หูฟังแบบ Earbud แล้วเสียงจะออกไปรบกวนคนอื่น ผมลองปรับความดังประมาณ 70% คนยืนข้างๆ ไม่ได้ยินเสียงแต่อย่างใด
ส่วนความเสถียรของสัญญาณก็ไม่มีปัญหาใดๆ แม้จะใช้ในสถานีที่มีสัญญาณรบกวนจำนวนมากก็ตาม
ระหว่างนั่งรถไฟฟ้าเลยได้ลองทดสอบความดีเลย์ของเสียงด้วยคลิปใน YouTube ต้องบอกว่าเสียงมีความดีเลย์น้อยมากจนแทบจะจับการดีเลย์ไม่ได้เลย ถ้าดูคลิปทั่วๆ ไปก็ไม่มีปัญหาเสียงไม่ตรงกับปากแต่อย่างใด
เมื่อถึงสถานีวัดมังกร เราก็ได้นั่งรถบัสเปิดหน้าต่างจนมาถึงสามย่านมิตรทาวน์ ที่มีทั้งลมตีและเสียงเครื่องยนต์ทั้งจากรถเราและคันอื่นๆ
เนื่องในโอกาสนี้ผมเลยต้องทดสอบการคุยโทรศัพท์ด้วย HUAWEI FreeBuds 3 ซึ่งเสียงคุยโทรศัพท์ที่ได้ชัดเจนดี ในสถานการณ์ยากๆ เช่นนี้ยังมีเสียงลมพัดเข้ามาบ้าง แต่หากรถจอดนิ่งๆ หรือเดินบนถนนทั่วไป ประสิทธิภาพที่ได้คือดีมาก ต้องบอกว่าประทับใจมากเลยทีเดียว
แบตเตอรี่
ตามสเปค HUAWEI FreeBuds 3 สามารถใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุด 4 ชม. และเมื่อชาร์จแบตเตอรี่จากเคสหูฟังจะทำให้สามารถใช้งานได้ยาวนานสุด 20 ชม. จากการใช้งานจริง 1 ชม. โดยเปิดระบบตัดเสียงรบกวนด้วย ใช้แบตเตอรี่ไป 25% พอดิบพอดี ก็เรียกว่าตามสเปคแบบเป๊ะๆ
ส่วนการชาร์จแบตเตอรี่เข้าเคสทำได้ 2 วิธี คือชาร์จผ่านพอร์ต USB-C หรือชาร์จแบบไร้สายก็ได้ รวมถึงใช้คู่กับฟีเจอร์ Wireless reverse charge ของสมาร์ทโฟนรุ่นต่างๆ ด้วย
เสียง
สัมผัสแรกที่ได้ฟัง HUAWEI FreeBuds 3 เลยคือเบสที่มีแรงปะทะมากกว่าหูฟัง Earbud ที่เคยได้ฟังมา อาจไม่มากเท่าหูฟัง In-ear แต่มีน้ำมีเนื้อ เสียงกลางเป็นจุดเด่นของรุ่นนี้ รายละเอียดดี นักร้องค่อนข้างพุ่งมาข้างหน้า เรียกว่าเสียงตอบโจทย์ชาวเพลงป๊อป แจ๊ส แนวฟังสบายแน่นอน แต่ชาวหัวหนัก ร็อค เมทัล อาจไม่สะใจเท่าไหร่
บทสรุปของรีวิว HUAWEI FreeBuds 3
HUAWEI FreeBuds 3 เป็นหูฟัง True Wireless ที่โดดเด่นด้านคุยโทรศัพท์ ถ้าอยากได้หูฟังไว้คุย อยากให้มองตัวนี้เลย อีกอย่างคือดีเลย์น้อยมากๆ ชาวเล่นเกมอยากให้ลองดูตัวนี้เช่นเดียวกัน ส่วนเรื่องตัดเสียงรบกวนยังสู้หูฟังแบบ In-ear ไม่ได้ แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ชอบใส่หูฟังแบบ In-ear ละก็ ตัวนี้คือคำตอบของคุณ