ส่วนตัวแล้วผมชื่นชอบเมาส์และแป้นพิมพ์จาก Logitech เป็นพิเศษ โดยล่าสุดผมใช้ Logitech MX Master 3 มาหลายเดือนถัดจาก Logitech MX Anywhere 2 ที่ปลดเกษียณตามกาลเวลา
ออกแบบรองรับสรีระถูกหลัก Ergonomic
สิ่งสำคัญสำหรับคนที่ต้องจับเมาส์ทั้งวันคือเรื่องของ Ergonomic ที่ต้องโค้งรับกับสรีระ เพื่อให้ใช้งานได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่รู้สึกปวดเมื่อยหรือฝืนร่างกาย ซึ่ง Logitech MX Master 3 โค้งรับการวางนิ้ว บิดองศาเล็กน้อยเพื่อให้วางข้อมือได้สะดวก นอกจากนี้ยังมีส่วนฐานที่ยืนออกมารองนิ้วโป้งอีกด้วย
Scroll Wheel คู่ ที่ปรับ Step การหมุนได้
อันที่จริงแล้วเมาส์ดีบางตัวจะสามารถใช้ Scroll Wheel ในการควบคุมการเลื่อนบนล่างซ้ายขวาได้ แต่สำหรับ Logitech MX Master 3 แยกการควบคุมออกมาชัดเจนคือ Scroll Wheel ด้านบนใช้เลื่อนขึ้นลง ส่วน Scroll Wheel ตรงนิ้วโป้งใช้ควบคุมการเลื่อนซ้ายขวา
นอกจากนี้ยังมีความพิเศษตรงปุ่ม Wheel mode shift ด้านบน ที่ใช้ปรับโหมดให้ Scoll Wheel ปัดแล้วหมุนไปเรื่อยๆ แบบ Hyper Fast หรือปัดแล้วหมุนแบบเป็น Step ก็ได้ นอกจากนี้ยังมี Option เสริมสำหรับโหมด Step ที่เลื่อนช้าๆ จะเป็น Step แต่ถ้าปัดรัวๆ ก็จะเปลี่ยนเป็น Hyper Fast อัตโนมัติ
โดย Wheel mode shift นี้อาศัย MagSpeed ที่เป็นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งสามารถสลับโหมดให้เป็น Step เพื่อความแม่นยำ หรือปรับให้ลื่นไหลหมุนได้ 1,000 บรรทัดภายใน 1 วินาที แบบไร้เสียงรบกวนก็ได้
อีกจุดที่ปรับปรุงดีกว่า Logitech MX Anywhere 2 คือตัว Scroll Wheel รองรับการคลิกเพื่อสั่งงานด้วย
ปุ่มกดมากถึง 7 จุด
นอกจากปุ่มคลิกซ้ายและขวาแล้ว ยังมีปุ่มที่ตำแหน่งอื่นๆ ได้แก่ ฐานรองนิ้วโป้ง, ปุ่มตรงนิ้วโป้งอีก 2 ปุ่ม, ปุ่มตรง Scroll Wheel รวมไปถึงปุ่ม Wheel mode shift
ซึ่งเราสามารถตั้งค่าปุ่มพวกนี้ได้ทั้งหมดว่าจะให้มีคำสั่งอะไรบ้าง โดยทำผ่านโปรแกรม Logi Options ซึ่งมีทั้งบน Windows และ macOS
รองรับทั้ง Wireless และ Bluetooth
ถ้าแบ่งประเภทเมาส์ไร้สายก็จะมีแบบ Wireless และ Bluetooth โดยแบบ Wireless จะต้องใช้ตัวแปลงสัญญาณเสียบเข้ากับช่อง USB ซึ่งดูไม่ค่อยสะดวก แต่มีข้อดีคือคอมพิวเตอร์จะมองเหมือนเมาส์แบบมีสาย ที่สามารถใช้งานได้แม้ยังไม่บูทเข้า Windows, macOS หรือ Linux เหมาะสำหรับการใช้งานจำพวก Recovery mode หรือการติดตั้งระบบปฎิบัติการ
ส่วน Bluetooth ดีตรงที่อุปกรณ์ส่วนใหญ่รองรับ Bluetooth อยู่แล้ว เพียงแค่ทำการแพร์จับคู่ก็พร้อมใช้งาน และยังสามารถประยุกต์ใช้กับสมาร์ทโฟน Android ได้อีกด้วย
สลับเครื่องง่ายด้วย Easy Switch
จุดเด่นของเมาส์ Logitech หลายรุ่นคือการเชื่อมต่อได้หลายอุปกรณ์ โดยรุ่นนี้จะมีปุ่มเล็กๆ ข้างใต้เพื่อใช้สลับจับคู่อุปกรณ์สูงสุด 3 ชิ้น ทำให้สามารถนำเมาส์ไปใช้กับอุปกรณ์ต่างๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น ไม่ต้องทำการแพร์จับคู่ใหม่ตลอดเวลา
ลากไฟล์ข้ามเครื่อง ควบคุมข้ามค่ายด้วย Flow
แม้ว่า Easy Switch จะช่วยให้ใช้งานได้สะดวกแล้วแต่ Logitech รู้ว่าเราอยากสะดวกกว่านั้น เลยสร้างสรรค์ระบบ Flow ที่ช่วยให้เราสามารถลากไฟล์หรือเมาส์ข้ามระหว่างอุปกรณ์แต่ละชิ้นได้เลย
ฟีเจอร์นี้จัดว่าเป็นทีเด็ดที่ดีมาก เป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝันอยากจะมี แต่ปัญหาก็คือ ณ วันที่ทำการทดสอบยังติดข้อจำกัดของ Windows 10 ที่มันจะหยุดจ่ายพลังงานให้อุปกรณ์เมื่อตัดการเชื่อมต่อ
นั่นหมายความว่าถ้าเราเลื่อนเมาส์จาก Windows 10 ไปยัง macOS จะสามารถใช้งานได้ปรกติ แต่ถ้าจะเลื่อนเมาส์จาก macOS กลับไปยัง Windows 10 ก็จะเริ่มออกอาการเพี้ยนให้เห็น ซึ่ง Forum ต่างชาติได้พูดคุยกันเรื่องนี้แหละสรุปว่าเป็นปัญหาของตัว Windows 10 เอง
ชาร์จด้วย USB-C ชาร์จ 1 นาทีใช้ได้ 3 ชั่วโมง
จุดเด่นอีกอย่างก็คือเรื่องของแบตเตอรี่และการชาร์จ เพราะ Logitech MX Master 3 ชาร์จด้วย USB-C ซึ่งเป็นมาตรฐานปัจจุบัน และยังมีระบบชาร์จเร็วแบบที่ชาร์จ 1 นาทีและใช้งานได้ถึง 3 ชั่วโมงด้วย
บทสรุปรีวิว Logitech MX Master 3
ส่วนตัวแล้วผมชื่อชอบและไว้วางใจเมาส์และแป้นพิมพ์ของ Logitech มาร่วมทศวรรษ และรุ่นนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ด้วยคุณบัติที่ครบถ้วนทุกด้าน แม้ว่าราคาเปิดตัวจะค่อนข้างสูงที่ 3,990 บาท แต่ตอนนี้ก็เริ่มหาได้ที่ราคาราวๆ 2,700 บาทแล้ว ถือว่าเป็นรุ่นที่ตอบโจทย์คนทำงานเป็นอย่างมาก
