พรีวิว Vivo Y72 5G แบตสะใจ รองรับ 5G ทั้งสองโหมด
Vivo Y72 5G สมาร์ทโฟนอีกรุ่นที่น่าสนใจจาก Vivo ที่โดดเด่นด้วยการรองรับ 5G ทั้ง SA และ NSA พร้อมทั้งสเปคอื่นๆ ก็ถือว่าน่าสนใจทีเดียวครับ
ดีไซน์โฉบเฉี่ยว หน้าจอเต็มตา 6.58 นิ้ว
Vivo Y72 5G มาในดีไซน์ฝาหลังสีทูโทนที่ไล่สีสวยมากๆ สำหรับสีที่ผมได้มารีวิวจะเป็นสีดำกึ่งเทา ไล่สีออกเมทัลลิกนิดๆ ดูหรูหรามากๆ ครับ กระจกหลังเป็นแบบโค้ง 3D เวลาถือขอบโค้งเข้ามือ ส่วนที่แคบสุดมีความนาเพียง 2.58 มม. เท่านั้น โมดูลกล้องหลังเป็นกล้อง 3 ตัวที่เน้นกล้องหลักขนาดใหญ่ 2 ตัว และกล้องมาโครไซส์เล็กอยู่ข้างไฟแฟลช
ปุ่มควบคุมจะอยู่ที่ด้านขวาของตัวเครื่อง ประกอบด้ยปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง และปุ่ม Power ที่รวมกับเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ สามารถกดเปิดหน้าจอพร้อมสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อกหน้าจอภายในคลิกเดียว
ด้านล่างของเครื่องประกอบด้วยพอร์ตหูฟัง 3.5 มม. พอร์ตชาร์จไฟ USB-C และช่องลำโพง Super Linear รุ่น 1612 ให้คุณภาพเสียงสูง เสียงกลาง และเสียงต่ำที่หนักแน่น เพิ่มระดับเสียงขึ้นอีก 50% โดยรองรับระดับสูงสุดถึง 1 92 dB เพื่อให้ได้เสียงที่คมชัด พร้อมเทคโนโลยี Speaker Boost 3.0
ด้านบนเป็นที่อยู่ของช่องใส่ซิมแบบ Hybrid คือช่องซิม 2 ต้องเลือกระหว่างใส่ซิมหรือ Micro SD Card
หน้าจอเป็นหน้าจอ LCD ขนาด 6.58 นิ้ว ความละเอียด FHD+ แบบติ่งหยดน้ำที่แสดงสีสันได้สวยทีเดียวด้วยคุณสมบัติครอบคลุมขอบเขตสี 96% NTSC โดยเฉพาะเมื่อเลือกการนำทางแบบ Gesture ให้ประสบการณ์การใช้งานที่เต็มตาดีมาก
พร้อมใช้งาน 5G ทั้ง SA และ NSA พร้อมใช้งานไม่ว่าจะปัจจุบันหรืออนาคต
จุดเด่นที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือความสามารถของชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 700 ของตัวนี้ที่รองรับการใช้งาน 5G ทั้ง SA (Standalone) และ NSA (Non-Standalone)
อธิบายกันแบบเข้าใจง่ายๆ เครือข่าย 5G ที่เราใช้กันในประเทศไทยในปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็น 5G แบบ NSA จะเป็นการใช้อุปกรณ์เครือข่าย 4G เดิมแล้วทำการอัปเกรดให้ได้ประสบการณ์ใช้งานและความเร็วระดับ 5G ทำให้เรามี 5G ที่รวดเร็วและครอบคลุมพื้นที่ในระยะเวลาอันสั้น แต่ในอนาคตอุปกรณ์เหล่านี้จะถูกเปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์สำหรับ 5G ล้วนๆ หรือก็คือ 5G SA นั่นเอง ซึ่งจะให้ความเร็วที่มากกว่า และ Latency ที่น้อยลงไปอีก
หลายคนอาจจะมองว่า 5G ยังไม่สำคัญ แต่หากลองดูแผนที่ความครอบคลุมของเครือข่ายจะเห็นว่าปัจจุบันเรามี 5G ให้ใช้งานทุกจังหวัดแล้ว และไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในตัวเมืองอย่างเดียวด้วย และในอนาคตความเร็วระดับ 5G จะเป็นมาตรฐานในการใช้งานในอนาคต แม้เราจะเลือกใช้แพ็คเกจ 10 Mbps แบบปัจจุบัน เทคโนโลยี 5G เองก็จะมีผลทำให้ค่าความหน่วงหรือ Latency ลดลง และมี Bandwidth ที่กว้างขึ้น ใช้งานในที่ผู้คนแออัดได้ดีขึ้นครับ ดังนั้นการเลือกซื้อมือถือที่รองรับ 5G ไว้ก่อนก็เป็นตัวเลือกที่ดีครับ
กล้องหลัง 64MP พร้อมระบบโฟกัสดวงตา
สำหรับกล้องหลังเป็นกล้องแบบ 3 ตัว กล้องหลักมีความละเอียด 64 ล้านพิกเซลที่ทำให้สามารถซูม 2 เท่าได้แบบไม่สูญเสียรายละเอียด ออกแบบมาเพื่อการถ่ายภาพ Portrait ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์แต่งหน้าสวย ทำหน้าชัดหลังเบลอ แถมยังมีฟีเจอร์โฟกัสดวงตา Eye-AF อีกด้วย ทำให้ดวงตาชัดทุกภาพ ซึ่งถือเป็นหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ภาพ Portrait ออกมาสวยงามและน่าสนใจ
กล้องตัวถัดมาเป็นกล้องมุมกว้างความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เก็บภาพมุมกว้าง เหมาะสำหรับถ่ายวิว และตัวสุดท้ายเป็นกล้องมาโครสำหรับถ่ายวัตถุระยะใกล้
สำหรับกล้องหน้ามีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ที่มีฟีเจอร์แต่งภาพสไตล์ Vivo มาให้อย่างครบครัน โดยเฉพาะฟีเจอร์ Portrait light effect ที่ทำให้ภาพที่ได้โดดเด่นมากๆ
ประสิทธิภาพ
ด้านความแรงของตัวนี้ ใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 700 จุดเด่นคือรองรับหน่วยความจำ UFS2.2 ที่ให้ความเร็วในการเขียนที่สูงขึ้น มาพร้อมแรม 8 GB และพื้นที่ 128 GB เพียงพอต่อการใช้งานอย่างแน่นอน การเชื่อมต่อต่างๆ ครบครันทั้ง Wi-Fi 5, Bluetooth 5.1 และช่องเสียบหูฟังสำหรับฟังเพลงพร้อมระบบวิทยุ FM ในตัว ไม่มีอินเทอร์เน็ตก็ยังฟังเพลงได้
แบตเตอรี่ให้มาอย่างจุใจ 5,000 mAh พร้อมชาร์จเร็วที่ 18W โดยมีอแดปเตอร์แถมให้มาในกล่องเลย
สเปค
- ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 700 รองรับ 5G ทั้ง SA และ NSA
- หน้าจอ LCD ขนาด 6.58 นิ้ว ความละเอียด FHD+
- แรม 8 GB
- พื้นที่เก็บข้อมูล 128 GB เพิ่มด้วย Micro SD Card ได้
- กล้องหลัง 64MP + 8MP + 2MP
- กล้องหน้า 16MP
- แบตเตอรี่ 5,000 mAh ชาร์จเร็ว 18W