รีวิว HUAWEI Watch 3 Pro รองรับ eSIM โทรออกได้
HUAWEI Watch 3 Pro เป็น Smartwatch อีกรุ่นที่หลายคนรอคอย และมีคนถามผมเป็นระยะว่าเมื่อไรจะวางขาย เพราะรุ่นก่อนๆ ทำไว้ได้น่าประทับใจมาก โดยรุ่นนี้ยังคงความน่าประทับใจเรื่องดีไซน์ที่สวยจับใจ และรองรับ eSIM ทำให้สามารถใช้งานได้อิสระยิ่งขึ้น
มีให้เลือก 2 รุ่น กับ 3 ดีไซน์
ในครั้งนี้มีการเปิดตัวพร้อมกัน 2 รุ่นคือ HUAWEI Watch 3 Pro และ HUAWEI Watch 3 โดยมีให้เลือกทั้งวัสดุ Stainless steel, Titanium และ ceramic รวมถึงสายนาฬิกาที่จะแบ่งออกเป็น
- HUAWEI Watch 3 Pro Classic Edition: Leather
- HUAWEI Watch 3 Active Edition: Fluoroelastomer
- HUAWEI Watch 3 Classic Edition: Leather
ด้านน้ำหนัก HUAWEI Watch 3 อยู่ที่ 333 กรัม ส่วนรุ่น Pro จะหนักกว่าเล็กน้อยคือ 336 กรัม โดยสเปคส่วนใหญ่จะคล้ายกันแทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการรองรับ eSIM, การเชื่อมต่อ Wi-Fi 2.4GHz, NFC, Bluetooth 5.2 และกันน้ำที่ระดับ 5 ATM
แต่จุดที่ต่างกันแบบเห็นได้ชัดก็คือความอึดของแบตเตอรี่ โดย HUAWEI Watch 3 ใช้งานได้สูงสุด 3 วัน ส่วนรุ่น HUAWEI Watch 3 Pro ใช้งานได้สูงสุด 5 วัน แต่ก็ทดแทนด้วยระบบชาร์จเร็วที่ชาร์จ 10 นาทีก็ใช้งานได้ 15 ชั่วโมง และยังรองรับการชาร์จผ่าน Reverse Charging จากสมาร์ทโฟน
รองรับ eSIM เชื่อมต่อและโทรได้
จุดเด่นของรุ่นนี้คือการเชื่อมต่อที่ครบครันมากๆ แม้กระทั่ง eSIM ทำให้เราสามารถใช้งานได้อย่างอิสระมากขึ้น ในกรณีที่เราต้องการใช้งานแทนสมาร์ทโฟนเพื่อโทรออกหรือรับสายก็ได้เช่นกัน เพราะมีรายชื่อผู้ติดต่อและมีประวัติการโทรมาให้ ส่วนลำโพงในตัวและไมค์ก็อยู่ในเกณฑ์ที่สามารถใช้งานได้ทั่วไป
HarmonyOS ที่ดูคุ้นตาและติดตั้งแอพเพิ่มได้
ตอนที่เราเปิดเครื่องบูตขึ้นมาก็จะพบกับโลโก้ HarmonyOS แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงการใช้งานจริงๆ ก็จะพบว่า UI ต่างๆ แทบไม่ต่างจากรุ่นเดิมเลย และยังรองรับการเชื่อมต่อกับ OS หลักๆ ทั้ง iOS, Android รวมถึง HarmonyOS โดยผมได้ลองจับคู่ทดสอบกับ iOS สลับกับ HUAWEI MatePad Pro 12-inch ก็พบความต่างเล็กน้อยครับ
ในการจับคู่กับ HUAWEI MatePad Pro 12-inch ที่ขับเคลื่อนด้วย HarmonyOS ก็แน่นอนว่าทำงานควบคู่กันได้อย่างลงตัว ใช้งานได้ครบทุกฟีเจอร์ทั้งเรื่องการวัดค่า SpO2 ที่เหมาะมากกับยุค Covid-19 รวมถึงการวัดค่าความเครียดที่ผมชอบมาก และยังมีการวัดค่าอุณหภูมิของผิวหนัง นอกจากนี้ยังควบคุมเครื่องเล่นเพลง และโทรได้ด้วย …อีกฟีเจอร์ที่น่าสนใจก็คือสามารถตรวจจับการหกล้มได้อัตโนมัติตลอด 24 ชั่วโมง และถ้าชอบออกกำลังกายก็มีให้เลือกมากกว่า 100 โหมด
แต่ถ้าจับคู่กับ iOS ก็จะทำให้บางฟีเจอร์ถูกลดทอนลงไปเช่น การควบคุมเพลง แต่ประวัติการโทรยังคงสามารถ Sync มาไว้ที่ตัว HUAWEI Watch 3 Pro ได้ …และสิ่งที่น่าสนใจก็คือแม้ว่าเราจะเชื่อมต่อกับ iOS แต่เราก็ยังสามารถโหลดแอพเพิ่มเติมจาก HUAWEI AppGallery บนตัว HUAWEI Watch 3 Pro ได้
ประสบการณ์ใช้งาน HUAWEI Watch 3 Pro
ก่อนหน้านี้ผมใช้ HUAWEI Band 6 พอเปลี่ยนมาเป็น HUAWEI Watch 3 Pro ก็เลยรู้สึกถึงความต่างอย่างชัดเจนในแง่ของน้ำหนักและความสบายข้อมือ แต่ก็เข้าใจได้เพราะความสวยงามและฟีเจอร์ของ HUAWEI Watch 3 Pro ก็มีให้เยอะกว่า
สิ่งที่ผมชอบมากเลยก็คือหน้าจอ AMOLED 1.43 นิ้วที่ใหญ่มาก สีสันคมชัดสวยมาก การสัมผัสติดนิ้วมาก แต่น้ำหนักในการใส่จริงก็เยอะพอตัว และแบตเตอรี่ไม่อึดเท่ารุ่นก่อน ส่วนปุ่มควบคุมทั้ง 2 ออกแบบมาได้ดีทุกให้รู้สึกเหมือนใส่นาฬิกาจริงๆ
ด้วยความที่ดีไซน์ให้ความรู้สึกเหมือนนาฬิกาของจริง บวกกับหน้าจอที่คมชัดและหน้าปัดที่มีให้เลือกเยอะมาก ทำให้สามารถปรับแต่งได้ตามใจชอบและรู้สึกเหมือนเราได้ใส่นาฬิกาจริงๆ ที่ฉลาดกว่านาฬิกาจริง โดยระบบต่างๆ แทบไม่เปลี่ยนไปจาก UI ก่อนหน้านี้ของ HUAWEI
สิ่งที่ทำให้ผมติดใจ Smartwatch และ Smartband ของค่ายนี้ก็คือเรื่องของการคำนวณความเครียด และยิ่งมีการวัดค่า SpO2 ก็ยิ่งตอบโจทย์เข้าไปอีก เพราะผมเป็นคนที่ทำงานและคิดตลอดเวลา จนบางครั้งก็รู้สึกป่วยแบบไม่รู้ตัวเพราะเครียดเกินไป
เรื่องการแจ้งเตือนก็ทำได้ตามมาตรฐานทั่วไป คือถ้าจับคู่กับฝั่ง HarmonyOS หรือ Android ก็จะปรับการแจ้งเตือนได้ค่อนข้างละเอียด แต่ถ้าจับกับฝั่ง iOS ก็จะเลือกได้น้อยลงมาหน่อย
นอกจากนี้อีกสิ่งที่ชอบก็คืออนิเมชั่นเตือนให้ลุกขยับตัว ซึ่งมันไม่ใช่ฟีเจอร์ใหม่แต่กราฟิกทำออกมาได้สวยครับ …ด้านการวัดค่าอุณหภูมิของผิวหนัง เรียกง่ายๆ ว่าการวัดค่าความร้อนของตัวเรา มันก็เป็นการ Monitor ค่าอีกอย่างที่น่าสนใจว่าตกลงเราหนาวจริงหรือคิดไปเอง ส่วนการทำ Sport Tracking ทั้งหลายก็ต้องบอกตามตรงว่าผมไม่ใส่สายออกกำลังกาย เลยไม่ได้ใช้ฟีเจอร์พวกนี้เลย
โดยรวมแล้ว HUAWEI Watch 3 Pro เป็นอีกรุ่นที่มีเสน่ห์น่าสนใจ รองรับทุก OS แต่ถ้าจะให้ทำงานได้เต็มที่ก็ต้องจับคู่กับ HarmonyOS หรือ Android …เรียกได้ว่าดีทุกสิ่ง แต่จะดีกว่านี้ถ้าแบตเตอรี่อึดแบบรุ่นก่อนๆ ครับ