เสียวหมี่ก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่มีส่วนแบ่งการตลาดอันดับที่ 2 ของโลกเป็นครั้งแรก

จากรายงานส่วนแบ่งการตลาดของสมาร์ทโฟนทั่วโลกของคานาลิส (Canalys) บริษัทด้านการวิจัยตลาดระดับโลก ตีพิมพ์ประจำไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ พบว่า เสียวหมี่ ผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลก ก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับที่ 2 ของโลกได้เป็นครั้งแรกด้วยส่วนแบ่งการตลาด 17% และอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 83% เทียบเมื่อกับปีที่ผ่านมา

เมื่อไตรมาสที่ 4/2020 เสียวหมี่มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับที่ 3 ของโลก มียอดส่งมอบสมาร์ทโฟน 43.4 ล้านเครื่อง โดยมีอัตราการเติบโตที่ 31.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งอัตราการเติบโตดังกล่าวเป็นอัตราที่สูงกว่าแอปเปิลเป็นครั้งแรก และเมื่อไตรมาสที่ 1/2021 แอปเปิลมีส่วนแบ่งการตลาดสมาร์ทโฟนเป็นอันดับที่ 2 ของโลกที่ 15% โดยเสียวหมี่มีส่วนแบ่งการตลาดใกล้เคียงกันมากที่ 14% และ มียอดส่งมอบสมาร์ทโฟน 49.4 ล้านเครื่อง และมีอัตราการเติบโตที่ 69.1 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า

นับตั้งแต่เสียวหมี่วางจำหน่ายสมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยมรุ่นแรก คือสมาร์ทโฟนตระกูล Mi 10 เสียวหมี่ลงทุนด้านที่สำคัญหลายด้าน ทั้งด้านเทคโนโลยีกล้อง หน้าจอ ระบบชาร์จ กระบวนการผลิตแบบอัจฉริยะ และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ เสียวหมี่ยังลงทุนอีกหลากหลายด้านเพื่อก้าวเข้าสู่ตลาดระดับพรีเมี่ยมด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีอันล้ำหน้าสู่มือของผู้บริโภค และเป็นผู้กำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน

เสียวหมี่เป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่นำเสนอนวัตกรรมสู่ท้องตลาดเป็นรายแรกมากมาย เช่น ด้านเทคโนโลยีการถ่ายภาพ เสียวหมี่ได้นำเสนอกล้องที่มีความละเอียด 108 ล้านพิกเซล เซนเซอร์กล้องถ่ายภาพแบบ GN 2 และนวัตกรรมเลนส์แบบเหลว ในด้านหน้าจอนั้น เสียวหมี่เป็นผู้นำการวิจัยเทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพแบบฝังใต้หน้าจอรุ่นที่ 3 นอกเหนือจากนี้ เสียวหมี่ยังเป็นผู้นำด้านการชาร์จแบตเตอรี่ เช่น การนำเสนอเทคโนโลยีการชาร์จแบบใช้สายที่มีกำลังไฟสูงสุด 200W และการชาร์จแบบไร้สายที่มีกำลังไฟสูงสุด 120W เป็นครั้งแรก และเสียวหมี่ยังเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายแรกที่นำเสนอแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออนที่มีแกนกลางเป็นกราฟีน รวมไปถึงแบตเตอรี่แบบซิลิคอนออกไซด์รุ่นทื่ 2 นอกจากนี้ เสียวหมี่ยังเป็นผู้นำการใช้เคลือบเซรามิกในสมาร์ทโฟนเป็นรายแรก เป็นผู้นำเทรนด์ใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนอย่างต่อเนื่อง

ด้านนวัตกรรมการผลิตนั้น เสียวหมี่ได้เริ่มใช้งานโรงงานอัจฉริยะเฟสแรกแล้ว โดยสายการผลิตต่างๆ ในโรงงานนี้จะทำงานโดยอัตโนมัติ และมีกำลังการผลิตสมาร์ทโฟนพรีเมียม 1 ล้านเครื่องต่อปี เสียวหมี่ยังมีห้องวิจัยที่เอื้อต่อการวิจัยวัสดุและเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมาย รวมไปถึงการทดสอบนวัตกรรมและกระบวนการผลิตแบบขั้นสูง

เสียวหมี่ยึดถือนวัตกรรมเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมองค์กร และเสียวหมี่ลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเป็นจำนวนมาก รวมถึงด้านการสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถสูงที่สุด เมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา เสียวหมี่ลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนากว่า 1 หมื่นล้านหยวน และคาดว่า เสียวหมี่จะเพิ่มงบประมาณด้านดังกล่าวในปีนี้อีก 30 – 40% ยิ่งไปกว่านี้ เมื่อต้นปี 2021 เสียวหมี่ยังมีการสรรหาพนักงานครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยเสียวหมี่รับสมัครวิศวกรเข้าทำงานถึง 5 พันคนในรอบปี หรือเท่ากับ 20% ของจำนวนบุคลากรทั้งหมด นอกจากนี้เสียวหมี่ยังดำเนินโครงการเพื่อจูงใจบุคลากรที่มีความสามารถอีกหลากหลายโครงการ ทั้งโครงการค้นหาบุคลากรด้านเทคโนโลยีที่มีรางวัลถึง 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โครงการจูงใจวิศวกรรุ่นใหม่ หรืออื่นๆ และในเดือนกรกฎาคมนี้ เสียวหมี่แบ่งปันหุ้นของบริษัทกว่า 16 ล้านหุ้นให้กับวิศวกรรุ่นใหม่เกือบ 700 คนอันเป็นส่วนหนึ่งของโครงการจูงใจวิศวกรรุ่นใหม่

การขยายตัวทั่วโลกของเสียวหมี่ รวมไปถึงการปรับเปลี่ยนช่องทางการจัดจำหน่ายถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้เสียวหมี่ก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก จากข้อมูลตลาดสมาร์ทโฟนของโลกที่รวบรวมโดยคานาลิส เสียวหมี่ขยายตัวอย่างรวดเร็วในตลาดนอกประเทศจีน โดยมีอัตราการเติบโตแบบปีต่อปีที่ 300% ในตลาดละตินอเมริกา 150% ในตลาดแอฟริกา และ 50% ในภูมิภาคยุโรปตะวันตก ผลประกอบการประจำไตรมาส 1/2021 ของเสียวหมี่ยังระบุว่า สมาร์ทโฟนของเสียวหมี่มีวางจำหน่ายในกว่า 100 ตลาดทั่วโลก เป็นผู้นำอันดับ 1 ของตลาดสมาร์ทโฟนใน 12 ประเทศ และเป็นอันดับที่ 2 ในภูมิภาคยุโรป ทั้งนี้ เสียวหมี่ยังรักษาความเป็นผู้นำอันดับ 1 ของตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศอินเดียไว้ได้เป็นระยะเวลาหลายปี