Sony จับมือ Mitsui พัฒนาระบบ Standalone 5G Enabling Dynamic Spectrum Access Systemได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก

กลุ่มบริษัทโซนี่คอร์ปอเรชั่น โดยเคนอิชิโร่ โยชิดะ ประธานบริหาร ประธาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ บริษัท มิตซุย แอนด์โค จำกัด โดย เคนอิชิ โฮริ ประธาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ร่วมกันประกาศความความสำเร็จในการใช้เทคโนโลยี Dynamic Spectrum Access (DSA) ของ Sony เป็นครั้งแรกของโลก ในการใช้งาน 5G แบบสแตนด์อโลน นอกจากความสำเร็จนี้แล้ว ทั้งสองบริษัทยังได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจเพื่อเข้าร่วมเป็นพันธมิตรเดินหน้าศึกษาศักยภาพในเชิงพาณิชย์ของเทคโนโลยีนี้ และการใช้งานเพื่อสนับสนุนการใช้ทรัพยากรคลื่นความถี่อย่างมีประสิทธิภาพ

มิตซุยมีส่วนร่วมในหลากหลายภาคอุตสาหกรรม โดยประยุกต์ใช้วิธีการบริหารธุรกิจในหลายแง่มุม รวมถึงการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางสังคมที่ใช้ ICT เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงอย่างชาญฉลาดของเมือง และสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนเพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตในเอเชีย และประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ นอกจากนี้ บริษัทในเครือ Mitsui Knowledge Industry Co. Ltd. (MKI) กำลังขับเคลื่อนการใช้ “Local 5G” ซึ่งเป็นโครงการขั้นสูงสำหรับการติดตั้งเครือข่าย 5G ในพื้นที่ในญี่ปุ่น เพื่อรองรับความต้องการใช้งานไร้สายที่เพิ่มขึ้นในงานอุตสาหกรรม

ในส่วนของโซนี่ยังได้สร้างผลงานโดยมีส่วนร่วมในการวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยี DSA ตั้งแต่เริ่มแรก นับตั้งแต่การใช้งานจริงบนระบบ Citizens Broadband Radio Service (CBRS) ขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกาครั้งแรกของโลก โซนี่ยังได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารแห่งสหรัฐอเมริกา (FCC) สำหรับการปฏิบัติการเชิงพาณิชย์ ในการดูแลการบริหารจัดการคลื่นความถี่ (การกำหนดสเปกตรัม การอนุญาตการใช้คลื่นความถี่ การกำหนดค่าพารามิเตอร์การทำงาน เช่น กำลังส่งสูงสุดที่อนุญาต) ในย่านความถี่ 3.5 GHz (3GPP B48/n48) นอกจากนี้ ภายใต้การอนุมัตินี้ โซนี่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลระบบ CBRS SAS เพื่อดำเนินการในสหรัฐอเมริกา และได้รับการยอมรับว่า มีเทคโนโลยีระดับเชิงพาณิชย์ที่ยอดเยี่ยม และยังได้รับสิทธิบัตรที่สำคัญมากมาย

โซนี่ และมิตซุย ตั้งเป้าที่จะสร้างจุดแข็งเหล่านี้ เพื่อใช้รูปแบบการใช้คลื่นความถี่ที่มีประสิทธิภาพ และสร้างแพลตฟอร์มธุรกิจ และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายนี้ในทุกพื้นที่ ซึ่งไม่ได้ครอบคลุมแค่ในญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และยุโรปเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเอเชีย ตลอดจนในภูมิภาคอื่น ๆ ที่ได้ทำงานร่วมกันเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ต่าง ๆ ภายใต้โครงการนี้ ได้ตั้งเป้าในการสร้างธุรกิจใหม่ เพื่อตอบรับความต้องการของระบบไร้สายที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังเป็นการช่วยเหลือสนับสนุนชุมชนในภาคสังคมส่วนรวมอีกด้วย