ลองบอทคริปโตแบบฉบับคนขี้เกียจ

ออกตัวก่อนว่าผมไม่ใช่นักลงทุนมือโปร ผมมีความรู้เรื่องพวกนี้ในระดับพื้นๆ ไม่ได้เจาะลึกลงไปว่าคริปโตเหรียญไหนเป็นยังไง ผมเลยชอบที่จะใช้ Crypto Trading Bot มากกว่า โดยมี AI และระบบวิเคราะห์เข้ามาช่วย ซึ่งผมก็ได้ลองเล่นมานิดหน่อยเลยเอามาบอกเล่าสู่กันฟังครับ

และที่สำคัญคือ บอททุกตัวมีโอกาสได้กำไรและขาดทุนเหมือนกัน อยู่ที่ว่าตัวผู้เล่นมีกลยุทธ์แบบไหน ดังนั้นผมจะเล่าในเชิง Tech และฟีเจอร์ โดยไม่เน้นเรื่องผลประกอบการครับ

นี่ไม่ใช่คำแนะนำทางการเงิน และการลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้ชัดเจนก่อนทำการลงทุน

เรื่องพื้นฐานที่ควรรู้แบบภาษาบ้านๆ

เหรียญคริปโตมีเยอะมากไม่ได้มีแค่ Bitcoin หรือ BTC ลองไปดูเล่นที่ CoinMarketCap ก็ได้ครับ แต่เหรียญที่เราต้องรู้จักคือ USDT ซึ่งเป็นเหรียญที่นิยมใช้กัน โดยเฉพาะการเอาเงินจริงไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินสกุลดิจิทัลเพื่อเริ่มเข้าสู่วงการคริปโต ซึ่ง USDT มันเป็น Stable Coin ชนิดหนึ่ง ทำให้ราคามันค่อนข้างเสถียรไม่สวิงรุนแรง

ถัดมาคือ Binance ซึ่งเป็น Platform ที่ใหญ่ที่สุดก็ว่าได้ ซึ่งมันก็คล้ายกับพวก Bitkub, Bitazza, Zipmex หรือ Satang ของไทย ที่เป็นแอพในการซื้อขายคริปโต โดยมีกระเป๋าเงินให้เราเก็บเหรียญต่างๆ รวมถึงมีของจำพวก Earn ที่อารมณ์คล้ายๆ การฝากธนาคารเพื่อกินดอกเบี้ย ถ้าให้มองแบบมือใหม่มันก็คล้ายๆ แอพธนาคารที่ทำธุรกรรมทางการเงินได้

สุดท้ายคือค่า Trade Fee หรือค่าธรรมเนียม ซึ่งอันนี้แต่ละ Platform และแต่ละแอพจะต่างกันออกไป โดยจะมี 2 อย่างหลักๆ คือค่าธรรมเนียมการซื้อขาย และค่าธรรมเนียมการถอนหรือโอนไปยังบัญชีอื่น บางอย่างก็คิดเป็น % บางอย่างก็คิดเป็นราคาตายตัว ซึ่งตรงนี้ก็ต้องคำนวณดีๆ ไม่งั้นอาจขาดทุนได้

Muskbot บอทที่คนไทยนิยม

ตัวนี้ผมแค่สมัครไว้ตามที่เพื่อนๆ แนะนำมาอีกที แต่ไม่ได้ลองเล่นจริง เนื่องด้วยมีค่าบริการรายปี 150 USDT และยังต้องมาดูแชทใน Telegram เพื่อรับสัญญาณเทรด ว่าต้องซื้อตัวไหนและตั้งค่ายังไง ซึ่งผมรู้สึกว่ามันไม่สะดวก

ลองบอทคริปโตแบบฉบับคนขี้เกียจ 2

แต่ข้อดีคือมันเป็นเพียงบอทที่เข้าไปเทรดให้เราใน Binance ผ่านทาง API โดยเรากำหนดสิทธิ์ให้มันเทรดได้ แต่ไม่อนุญาตให้ถอนเงิน ดังนั้นก็ถือว่าเป็นบอทที่ค่อนข้างไว้ใจได้ และกลยุทธ์ที่บอทใช้ทำเงินได้ค่อนข้างเร็ว ทำให้ Muskbot ได้รับความนิยมในไทยค่อนข้างมาก

สรุป Muskbot

  • ค่าบริการปีละ 150 USDT
  • เทรดในกระเป๋า Binance บอทไม่สามารถถอนเงินเราได้
  • ต้องรอแชทแจ้งเตือนสัญญาณการลงทุน แล้วตั้งค่าตาม
  • ใช้กลยุทธ์ที่เห็นผลเร็วทันใจ
  • เป็นบอทที่คนไทยใช้กันเยอะ

Stoic แค่เติมเงินแล้วรอดูผล

ตัวนี้ผมรู้สึกว่าถูกจริตมากๆ เพราะเราไม่ต้องรู้อะไรเลย แค่ใส่เงินแล้วก็จบ ถ้าเทียบกับแอพเทรดกองทุนของไทยก็คล้ายกับ Odini ครับ เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาว่างมากนัก หรือไม่อยากวุ่นวายปวดหัว

ลองบอทคริปโตแบบฉบับคนขี้เกียจ 4

หลักการของมันก็คือการ Rebalance หมายความว่าพอเราใส่เงินเข้าไปปุ๊บ มันก็จะทำการซื้อเหรียญหลายๆ อัน แล้วถ้าตัวไหนราคาพุ่งขึ้นก็จะทำการขาย เพื่อเอามาช้อนซื้อเหรียญที่ราคาต่ำและมีแนวโน้มที่จะเติบโต ทำให้ภาพรวมแล้วเราจะได้เงินมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทาง Stoic เค้าโม้หน้าเว็บไว้ว่าบอทตัวนี้ทำเงินได้มากกว่าการซื้อเหรียญ BTC ซะอีก ยิ่งนานยิ่งเห็นผล

และ Stoic ก็ใช้วิธีเดียวกับ Muskbots ก็คือเป็นบอทที่ต่อ API เข้าไปเทรดให้ใน Binance โดยจุดสำคัญที่ต้องรู้ก็คือบอททั่วไปจะเชื่อมต่อ API เพื่อเข้าไปเทรดเฉพาะคำสั่งนั้นๆ แต่สำหรับ Stoic มีกติกาว่าเราห้ามยุ่งกับเงินในนั้นเลย เพราะบอทจะทำการ Rebalance ตลอดเวลา ถ้าเราไปซื้อขายหรือกระทำการใดๆ จะทำให้ AI ทำงานผิดเพี้ยน ซึ่งเราต้องจ่ายเงินเพิ่มเพื่อให้ AI คำนวณใหม่ แต่ Stoic เค้าก็ร่วมมือกับทาง Binance โดยให้เราเปิด Sub-Account ขึ้นมาใช้งานได้อิสระ ซึ่งส่วนนี้เราต้องไปกรอกแบบฟอร์มขอเปิดใช้งาน Sub-Account ครับ

ลองบอทคริปโตแบบฉบับคนขี้เกียจ 6
ปรกติแล้วการเปิด Sub-Account จะต้องมีเงื่อนไขตาม Binance กำหนด แต่ถ้าใช้ Stoic จะเปิดใช้งานได้เลย

ส่วนค่าบริการจะคิด 5% ต่อปี โดยขั้นต่ำในการเริ่มคือ 1000 USD โดยไม่สนใจว่าในปีนั้นเราจะได้กำไรมากแค่ไหนก็ไม่คิดเงินเพิ่ม แต่ถ้าเราเติมเงินเพิ่มก็จะคิด 5% จากเงินที่เติม แต่อย่าลืมว่าการโอนเงินแต่ละครั้งก็มีค่าธรรมเนียม ดังนั้นผมมองว่าจะเล่นเท่าไรก็เติมไว้ตั้งแต่แรกจะดีกว่า

ที่สำคัญคือในการรันบอทครั้งแรก แนะนำว่าควรทำผ่านหน้าเว็บครับ เพราะเค้าจะมีการเชื่อมต่อ API และคำนวณว่าเราต้องจ่ายค่าบริการเท่าไร ซึ่งถ้าทำผ่านแอพแล้วมันจะเพี้ยนๆ และเมื่อเราจ่ายค่าบริการเรียบร้อย ต้องรอ 24 ชั่วโมงให้บอทเริ่มทำงาน ซึ่ง UI/UX การเชื่อมต่อครั้งแรกจะมึนหน่อยๆ เพราะพอเชื่อมต่อเสร็จมันก็จะยังกรอกได้อีก

สรุป Stoic

  • ค่าบริการปีละ 5%
  • ขั้นต่ำในการเริ่มใช้งานบอท ต้องมีเงินใน Binance มากกว่า 1000 USD
  • เทรดในกระเป๋า Binance บอทไม่สามารถถอนเงินเราได้
  • เติมเงินแล้วรอดูผล บอทจะจัดการให้เองทุกอย่าง
  • ใช้การ Rebalance ซึ่งเป็นกลยุทธ์แบบระยะยาว
  • บอทจะควบคุมกระเป๋าเงิน Binance ทั้งหมด แต่ยื่นขอเปิด Sub-Account ได้

Pionex หลากหลายกลยุทธ์และไม่มีค่าบริการรายปี

Pionex จะต่างกับตัวอื่นๆ ตรงที่ไม่ต้องต่อ API ไปเทรดที่อื่น แต่มันจะทำการเทรดในระบบของตัวเองเลย ซึ่งเหมาะกับคนที่ไม่อยากวุ่นวายกับการเชื่อมต่อ API แต่บอทตัวนี้ไม่มีระบบซื้อขายที่เปลี่ยนเงินจริงเป็นเงินดิจิทัล ดังนั้นเราต้องโอนเงินจากที่อื่นมาใส่ใน Pionex ครับ

ลองบอทคริปโตแบบฉบับคนขี้เกียจ 8

นอกจากนี้ยังไม่ต้องกังวลเรื่องค่าบริการ เพราะ Pionex ไม่มีค่าบริการรายปี จะมีก็แค่ค่าธรรมเนียมการเทรด และยังมีกลยุทธ์ให้เลือกใช้ได้เยอะมาก เช่น

  • Grid Trading Bot โดยให้เราเลือกเหรียญ แล้วบอทจะคำนวณการตั้งค่าให้ทั้งหมด โดยใช้วิธีซื้อถูกและขายแพง
  • Rabalancing Bot คล้ายกับ Stoic แต่ต่างตรงที่เราต้องเลือกเหรียญและกำหนดสัดส่วนเอง
  • Spot-Futures Arbitrage Bot ตัวนี้จะให้กำไรน้อยแต่ความเสี่ยงต่ำกว่าประเภทอื่นๆ แต่ได้เรื่อยๆ

ถ้าชอบบอทแบบบอทจริงๆ แยกแอพออกไปต่างหากไม่ยุ่งกับใคร ตัว Pionex ก็เหมาะครับ

สรุป Pionex

  • ไม่มีค่าบริการรายปี
  • เทรดในตัว สะดวกในแง่ที่ไม่ต้องเชื่อมต่อ API แต่บางคนก็กังวลว่าอาจจะโดนโกงง่ายกว่า
  • มีกลยุทธ์บอทให้เลือกให้เยอะมาก

Kucoin จบทุกสิ่งได้ในตัวและไม่มีค่าบริการรายปี

ถ้าเปรียบเทียบง่าย Kucoin ก็คล้ายกับ Bitkub ที่มีบอทในตัว เพราะ UI มีความคล้ายกันพอสมควร โดยบอทตัวนี้สามารถซื้อขายหรือแลกเงินจริงเป็นเงินดิจิทัลได้ในตัว สามารถเทรดได้ตามปรกติ สามารถใช้ Earn ได้ และแน่นอนว่ามีบอทให้ใช้

Kucoin ไม่มีค่าบริการรายปี แต่ถ้าเทียบกับ Pionex ก็ต้องบอกว่ากลยุทธ์บอทมีให้เลือกน้อยกว่ามาก โดยมีให้เลือกใช้ทั้งหมด 4 แบบคือ

  • Spot Grid ซึ่งเหมือนกับ Grid Trading Bot ของ Pionex แต่ของ Kucoin สามารถเพิ่มเงินทุนได้ระหว่างที่รันบอท
  • Smart Rebalance ในลักษณะเดียวกับ Pionex คือให้เลือกเฉพาะเหรียญที่ต้องการ ไม่ใช่การควมคุมทั้งกระเป๋า
  • Futures Grid คล้ายๆ กับ Pionex แต่ผมรู้สึกว่าของ Pionex ง่ายกว่า
  • DCA เป็นการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเฉลี่ยราคาต้นทุน

ถ้าอยากได้แบบตัวเดียวจบไม่วุ่นวายกับการต่อ API หรือโอนเหรียญจากที่อื่น บอทตัวนี้ก็น่าสนใจครับ แต่ต้องบอกว่าเมื่อปี 2020 เคยมีข่าวว่า Kucoin โดนแฮกนะครับ แต่ไม่กี่วันหลังจากนั้นเค้าก็กู้ทุกสิ่งกลับมาสู่สภาวะปรกติได้

สรุป Kucoin

  • จบทุกสิ่งได้ในแอพเดียว ทั้งการเปลี่ยนจากเงินจริงเป็นเงินดิจิทัลและบอท
  • ไม่มีค่าบริการรายปี
  • มีบอทให้เลือกไม่เยอะเท่า Pionex แต่บางอย่างก็ทำได้ดีกว่า
  • เคยมีข่าวถูกแฮกเมื่อปี 2020 แต่ก็แก้ไขเรียบร้อยแล้ว

สรุปภาพรวม

บอทคริปโตมีให้เลือกใช้เยอะมากครับ ที่จริงมี 3Commas อีกเจ้าที่ผมลองใช้ แต่รู้สึกว่าค่าบริการแพงเกินไป เลยไม่ได้หยิบมาเล่าด้วย ถ้ามองภาพรวมจะเห็นว่าบอทแต่ละตัวก็มีจุดเด่นจุดด้อยต่างกันไป ส่วนผลตอบแทนก็ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ที่เราเลือกใช้ บวกกับสถานการณ์ในช่วงเวลานั้นๆ ซึ่งมันก็มีขึ้นมีลง ซึ่งตรงนี้ก็ต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมครับ