รีวิว POCO M4 Pro 5G ครั้งแรกของซีรีส์ที่มีกล้อง 50 ล้านพิกเซล
POCO จัดว่าเป็นแบรนด์สุดคุ้มในแง่สเปค รอบนี้ POCO M4 Pro 5G จัดห้องเครื่องใส่ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 810 รองรับ 5G และยังเพิ่มประสิทธิภาพในการเขียนข้อมูล ช่วยให้การใช้งานจริงลื่นไหลยิ่งขึ้นโดยยังเอาใจฐานแฟนที่ชื่นชอบการเล่นเกมด้วยหน้าจอที่มีความไวต่อการสัมผัส 240Hz และรีเฟรชเรท 90Hz แบบ DynamicSwitch และเป็นครั้งแรกที่ POCO M Series มีกล้อง 50 ล้านพิกเซล
ประสบการณ์ใช้งานทั่วไปและการเล่นเกม
หากใครตามข่าวสารก็น่าจะรู้แล้วว่าปี 2021 ชิปเซ็ตของ MediaTek ทำออกมาได้ดีมาก ในระดับที่ชนกับคู่แข่งได้เลย บางเรื่องก็ทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำ โดยเฉพาะการจัดการความร้อนและแบตเตอรี่ นั่นทำให้ POCO M4 Pro 5G จึงมีความรวดเร็วในการใช้งานจริงแบบไม่ติดขัด ประกอบกับการเลือกใช้หน้าจอที่มีอัตรารีเฟรชเรท 90Hz และมีความไวต่อการสัมผัส 240Hz ทำให้เรารู้สึกว่ากดปุ๊บติดปั๊บ
เทคโนโลยี DynamicSwitch จะเข้ามาช่วยในการปรับอัตราการแสดงผลให้เหมาะสม อย่างเช่นการใช้งานทั่วไปไม่จำเป็นต้องถึง 90Hz ก็จะลดลงมาเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่นั่นเอง โดยความสว่างของหน้าจอก็สู้แสงกลางแจ้งได้ระดับหนึ่ง และสิ่งที่ผมชื่นชอบแบรนด์นี้ในช่วงหลังๆ ก็คือการให้ลำโพงคู่ มันทำให้การดูหนังและเล่นเกมมีความกระหึ่มและมิติทิศทางเสียงดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังให้พอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB-C โดยไม่ลืมจะให้ช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 มม. มาด้วย ช่วยเพิ่มความสะดวกและเหมาะกับคนที่ชอบการฟังแบบมีสาย
ในแง่การเชื่อมต่อก็รองรับ 5G แบบ Dual-Standby เรียกได้ว่าเป็นไปตามยุคสมัยครับ ส่วนแบตเตอรี่ 5000mAh ก็มีระบบชาร์จเร็ว 33W มาให้ …เอาเป็นว่าในการใช้งานจริงไม่มีอะไรต้องห่วง
ส่วนการเล่นเกม ผมทดสอบกับ Genshin Impact แบบวิ่งไปวิ่งมา ตีมอนบ้าง ก็ปรับกราฟิกสุดได้ลื่นๆ เลยครับ แต่แนะนำว่าใช้งานจริงเล่นกราฟิกกลางๆ น่าจะเหมาะกว่า และอีกจุดที่ผมชอบคือ Dark mode ที่กลืนไปในระดับแอพเลย รวมถึงการ Dim ลดแสงหน้าจอทำได้เยอะ ทำให้นอนเล่นมือถือก่อนนอนไม่แสบตาครับ
การถ่ายรูปและวีดีโอ
การยกระดับซีรีส์ด้วยการให้กล้องหลัง 50 ล้านพิกเซล ก็ช่วยให้กล้องรุ่นนี้น่าสนใจขึ้น โดยมีกล้องมุมกว้างความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหน้าก็มีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ซึ่งถ้ามองในแง่มุมนี้อาจบอกอะไรได้ไม่มากนัก แต่ในการใช้งานจริงก็ถือว่าทำได้ดีในช่วงราคาครับ
โดย AI มีการวิเคราะห์สถานการณ์และปรับแสงสีได้ค่อนข้างดี การถ่ายภาพนิ่งเลยไม่ใช่ปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูปทั่วไป ถ่ายรูปอาหาร หรือถ่ายรูปบุคคล และยังมีฟิลเตอร์สีสันต่างๆ ให้ใช้งานได้ง่ายๆ ส่วนเลนส์มุมกว้างทำได้ดีมากในที่แสงกลางแจ้ง แต่ถ้าเป็นสภาพแสงในห้องหรือแสงน้อย ก็จะดรอปจากกล้องหลักลงมาพอควร แต่โดยรวมก็ถือว่าทำได้ดีในความเป็นกล้องมุมกว้างครับ
การถ่ายรูปในสถานการณ์จริงทำได้ดีเลยครับ แสงสีและความคมชัดทำได้ในระดับที่ใช้งานไม่ขัดใจ แต่เรื่องการถ่ายย้อนแสงตรงๆ การประมวลผล HDR ยังไม่ไหวเท่าไร อาจจะต้องรออัพเดทเพิ่มเติมอีกที
กล้องหน้าและการเซลฟี่ของค่ายนี้แม้จะปรับระดับ Beauty ได้ แต่ก็ไม่ใช่ค่ายที่เน้นผิวเนียนเวอร์ แต่เป็นกล้องที่เน้นความสมจริงแบบที่เก็บรายละเอียดของผิวได้ โดยจุดเด่นชูโรงของรุ่นนี้ก็คือโหมด Panoramic Selfie ที่เป็นการถ่ายพาโนรามาด้วยกล้องหน้า ทำให้เราเก็บบรรยากาศได้กว้างมากๆ …แต่ก็ต้องฝึกถ่ายหน่อยนะครับ ไม่งั้นรอยต่อของภาพมันจะไม่เนียนเท่าไร
ส่วนงานวีดีโออยู่ในเกณฑ์ทั่วไป ไม่ได้โดดเด่นเป็นพิเศษ และไม่มีระบบกันสั่นแบบพิเศษ แต่ก็มีฟิลเตอร์ต่างๆ ให้เราได้ใช้งานแบบจบหลังกล้องไม่ต้องไปย้อมสีเพิ่ม ถ้ามองในแง่ความสนุกและความสร้างสรรค์ก็มีโหมด Short Video ที่เป็นการถ่ายคลิปสั้นๆ พร้อมกับใส่เพลงประกอบ และยังเลือกใส่ฟิลเตอร์และเอ็ฟเฟ็กต์ Kaleidoscope ได้ด้วย
สรุปแล้ว POCO M4 Pro 5G เหมาะกับใคร?
กลุ่มลูกค้าหลักของ POCO ก็คงไม่พ้นกลุ่มคนชอบของแรงในราคาที่เอื้อมไม่ยาก ซึ่งก็คือคอเกมนั่นแหละครับ แต่ด้วยความที่รุ่นนี้ให้ของมาเยอะ ทำให้ไม่จำกัดเฉพาะการเล่นเกม แต่ยังรวมไปถึงคนที่ชอบดูหนังฟังเพลง เพราะมีลำโพงคู่และช่องเสียบหูฟัง ส่วนคนที่ชอบถ่ายรูป ก็ต้องบอกว่านี่เป็นการยกระดับซีรีส์ขึ้นไปอีกขั้น ทำให้การถ่ายภาพนิ่งอยู่ในระดับน่าพอใจหวังผลได้ ส่วนการถ่ายวีดีโออยู่ในระดับทั่วไป เรียกได้ว่าถ้าชอบกล้องก็เลือกรุ่นนี้ได้เหมือนกัน และแบตเตอรี่ 5000mAh ก็จัดว่าเหลือเฟือแถมยังมีระบบชาร์จเร็วอีก ทำให้ใช้งานได้ต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ซึ่งคิดว่าทุกคนน่าจะชอบจุดนี้เหมือนกัน
ถ้ามองรวมๆ ผมมองว่าคนที่น่าจะชอบ POCO M4 Pro 5G เป็นพิเศษ ก็คือคนที่ไม่ชอบการรอ เพราะมี 5G ให้โหลดได้ทันใจและมีประสิทธิภาพที่ลื่นไหล ส่วนสีที่วางขายในไทยมี 3 สีได้แก่ สี POCO Yellow, สี Power Black และ สี Cool Blue ครับ