รีวิว Stoic บอทคริปโตที่จัดการให้ทุกสิ่ง

รอบก่อนเขียนบทความเรื่องบอทคริปโตเบื้องต้นไป ก็มีคนถามเรื่อง Stoic เป็นพิเศษ เพราะคนแทบไม่พูดถึงกัน ดังนั้นในครั้งนี้ผมจะมารีวิวให้ดูครับ แต่ต้องบอกว่ารีวิวนี้จะพูดถึงในเชิงฟังชั่นและความรู้พื้นฐาน ไม่เน้นรีวิวเรื่องผลตอบแทนเนื่องจากมันมีหลายปัจจัย

เนื้อหานี้ไม่ใช่คำแนะนำทางการเงิน โปรดศึกษาเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจ

Stoic กับกลยุทธ์ Re-Balance

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า Crypto หรือ Cryptocurrency จัดว่าเป็นสกุลเงินดิจิทัล และการลงทุนกับคริปโตมันก็มีหลายแบบคล้ายกับการเล่นหุ้น มีทั้งแบบ Spot ที่ถือว่าเรียบง่ายที่สุด หรือแบบเร้าใจอย่าง Future และก็มีแตกแยกย่อยไปอีกเช่น Earn, DeFi, NFT ฯลฯ ซึ่งมือใหม่งงแน่นอน หรือมือเก๋าอยู่มานานบางทีก็ขี้เกียจจะตามติด ดังนั้นมันเลยเกิดบอทแบบ Stoic ขึ้นมาครับ

บอทแทบทั้งหมดที่มีให้บริการเป็นบอทกึ่งอัตโนมัติ คือเราอาจจะต้องเลือกเหรียญ แล้วบอทจะช่วยแนะนำการตั้งค่าซื้อขายให้ ดังนั้นในทางปฏิบัติเราก็ยังต้องมาตั้งค่าบอทอยู่เรื่อยๆ แต่ Stoic ถูกออกแบบมาสำหรับคนที่ไม่ต้องการเสียเวลามาตั้งค่าหรือดูแลบอท แค่เติมเงินลงไปแล้วที่เหลือปล่อยเป็นหน้าที่ของบอท

รีวิว Stoic บอทคริปโตที่จัดการให้ทุกสิ่ง 5
ข้อมูลจากหน้าเว็บ Stoic

สิ่งที่ Stoic ทำก็คือการกระจายเงินไปยังเหรียญต่างๆ ที่มีโอกาสเติบโต จากนั้นจะทำการขายเหรียญที่ราคาพุ่งขึ้นหรือมีแนวโน้มที่จะราคาตก เพื่อเอาเงินมาช้อนซื้อเหรียญอื่นที่ราคาต่ำกว่าและมีแนวโน้มจะเติบโต ซึ่งเป็นกลยุทธ์ระยะยาวแบบ Long Term ไม่ได้เห็นผลภายใน 1-2 วันเหมือนพวกบอทเทรด เช่น Pionex หรือ Muskbot ที่เป็นแบบกึ่งอัตโนมัติและเร้าใจกว่า นี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ Stoic ไม่มีคนพูดถึงมากเท่าบอทตัวอื่น …เพราะมันง่ายจนไม่มีอะไรให้เล่า ไม่มีเทคนิคอะไรต้องแชร์ ไม่มีการตั้งกลุ่มมาบอกสัญญาณเข้าออก ทุกอย่างบอทจัดการให้

กลยุทธ์ของ Stoic จะคล้ายกับ Odini ซึ่งเป็นแอพบอทจัดการกองทุน ที่เราไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากเติมเงิน ถ้าชอบแนวทางของ Odini ก็จะชอบ Stoic ครับ …นอกจากจะง่ายเหมือนกันแล้ว แอพยังเอ๋อๆ เหมือนกันด้วย โหลดข้อมูลค่อนข้างช้า แต่เรื่องการเงินเค้าไม่เอ๋อนะครับ และในแง่ความปลอดภัยก็ต้องบอกว่า Stoic ไม่มีสิทธิ์ถอนเงินเราออกจาก Binance ครับ ก็ถือว่าปลอดภัยระดับหนึ่งล่ะ

ประสบการณ์ใช้งานจริง

การสมัครใช้งานครั้งแรกแนะนำว่าควรทำบนเว็บผ่านคอมพิวเตอร์ ไม่ควรใช้บนมือถือหรือพวก Mobile OS เพราะมันจะ Redirect เข้าแอพ ซึ่งแอพมันคำนวณค่าบริการได้งงมากและก็อัพเดทข้อมูลช้าด้วย ต่อ API ผ่านมือถือก็งงกับ UI/UX ของมัน

โดยเราจะต้องเติมเงินใน Binance ไว้อย่างน้อย 1000 USD ซึ่งในทางปฏิบัติก็คือการซื้อเหรียญ USDT ครับ และต้องทำการเชื่อมต่อ API เข้ากับ Stoic ซึ่งตรงนี้ไม่ยาก มีขั้นตอนแนะนำบนเว็บให้เลย และถ้าเชื่อมต่อ API เสร็จเรียบร้อย อย่าไปกรอกซ้ำนะครับ ไม่งั้นต้องรอมันทำการเชื่อมต่อ API ใหม่เป็นวันเลยครับ …เพราะ UI/UX มันไม่ค่อยดีบางทีก็งง

รีวิว Stoic บอทคริปโตที่จัดการให้ทุกสิ่ง 7

หลังจากเชื่อมต่อเสร็จเรียบร้อย เราก็รอ 1-2 วันเพื่อให้บอททำการคำนวณและวิเคราะห์สถานการณ์ จากนั้นก็จะเริ่มทำการซื้อเหรียญให้เรา ซึ่งเราสามารถปรับสัดส่วน Hedge หรือสัดส่วนการถือ USDT กับการกระจายเหรียญไปลงทุนเท่าไร หรือจะเลือกแบบ Dynamic Hedge ให้บอทคิดให้ทุกอย่างก็ได้ …ส่วนตัวผมเลือกแบบ Dynamic Hedge ครับ เน้นง่ายเข้าว่า

รีวิว Stoic บอทคริปโตที่จัดการให้ทุกสิ่ง 9

เมื่อบอทเริ่มทำงาน ในแต่ละวันก็จะมีการ Re-Balance ปรับสัดส่วนของแต่ละเหรียญให้เหมาะสม ซึ่งบางวันก็ขาดทุนบางวันก็กำไร ตรงนี้ก็เป็นเรื่องปรกติเพราะมันคือกลยุทธ์แบบ Long Term ครับ จะเห็นผลก็ตอนรันกันหลายๆ เดือนหรือเป็นปี ยิ่งนานยิ่งดีว่าง่ายๆ

รีวิว Stoic บอทคริปโตที่จัดการให้ทุกสิ่ง 11

แนวคิดแบบ Re-Balance แต่ละสำนักก็มีรายละเอียดปลีกย่อยต่างกันไป แต่ถ้าเป็นแบบยัดเงินแล้วจบผมยังไม่เห็นเจ้าอื่นนอกจาก Stoic ส่วนมากจะต้องเลือกเหรียญเองและเลือกสัดส่วนของแต่ละเหรียญด้วย

ด้านการอัพเดทข้อมูลเหรียญต่างๆ ที่เราลงทุนจะไม่ Realtime นะครับ เพราะมันกวาดข้อมูลจาก API มาเป็นรอบๆ ดังนั้นถ้าอยากดูแบบปัจจุบันที่สุด ต้องดูผ่าน Binance ครับ

Stoic จะควบคุม Binance เราทั้งหมด แต่สามารถขอเปิด Sub-Account ได้

ด้วยความที่ Stoic มันเป็นบอทแบบ Fully Automatic ต่างจากบอทตัวอื่นๆ ทำให้มันจัดแจงทุกสิ่งใน Binance และถ้าเราไปแย่งงานมัน หรือไปโยกเงินปรับเปลี่ยนเหรียญต่างๆ จะทำให้บอททำงานเพี้ยนและต้องคำนวณใหม่ ซึ่งอาจจะเสียเงินเพิ่มในส่วนนี้ด้วย แต่เค้าก็มีทางออกให้เรา และเป็นทางออกที่ดีมากๆ เพราะลูกค้า Stoic ทุกคนจะได้สิทธิ์เปิด Binance Sub-Account เพียงแค่ไปกรอกแบบฟอร์มแล้วก็รอทาง Binance จัดการให้ครับ

รีวิว Stoic บอทคริปโตที่จัดการให้ทุกสิ่ง 13

ที่ผมชอบเพราะปรกติแล้วการจะเปิด Binance Sub-Account จะต้องเป็น VIP level 1 แต่ถ้าเป็นลูกค้า Stoic จะเปิดฟีเจอร์นี้ได้ทันที ทีนี้เราก็ย้ายเงินย้าย API ให้บอทไปเทรดที่ Sub-Account แทนได้ครับ เราจะได้ใช้ Binance ได้อย่างปรกติ

ค่าบริการ Stoic

Stoic คิดค่าบริการรายปี 5% จากยอดเงินตั้งต้นเท่านั้น ไม่มีการคิดค่าบริการอื่นๆ แต่ในกรณีที่มีการเติมเงินเพิ่มระหว่างทาง ก็จะต้องจ่ายเพิ่ม 5% ของยอดที่เติมเพิ่มครับ ในทางปฏิบัติผมแนะนำว่าไม่ควรเติมระหว่างทางบ่อยๆ เพราะมันจะมีค่าธรรมเนียมการโอน ซึ่งตรงนี้ก็แล้วแต่ว่าเราโอนจาก Platform ไหนและค่าธรรมเนียมเท่าไร

รีวิว Stoic บอทคริปโตที่จัดการให้ทุกสิ่ง 15

บทสรุป Stoic

ส่วนตัวผมใช้บอทอยู่ 2-3 ตัว ถ้าเทรดเองส่วนมากจะใช้ Pionex เทรดแบบ Grid Bot ในวันที่อยากเร้าใจกับ Arbitrage ในวันที่อยาก Play Safe ซึ่งมันก็มีได้มีเสีย บางทีก็ใจร้อนอยากขายไปเทรดเหรียญอื่นแทน ส่วนการใช้ Stoic ที่เราปรับอะไรไม่ได้ มันก็ดีอย่างตรงที่เราไม่ FOMO ไม่ FUD

ในแง่ผลลัพธ์กำไรขาดทุน อันนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละบุคคล รวมถึงสถานการณ์แวดล้อม ดังนั้นมันเทียบกันได้ยาก แต่ในแง่ความสบายใจ Stoic ลดความปวดหัวได้มากครับ ไม่ต้องกังวลใดๆ ทั้งสิ้น แค่เติมเงินแล้วก็นั่งดู