พูดได้เต็มปากว่าผมเป็นแฟน HUAWEI เพราะชอบกล้องและ Ecosystem นั่นทำให้ HUAWEI P50 Pro เป็นสมาร์ทโฟนที่ผมเฝ้ารอการมา จุดที่ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เพราะนี่คือรุ่นเรือธงที่ไม่รองรับ 5G และไม่มี GMS แต่ถึงกระนั้นก็มีหลายคนยินดีที่จะควักกระเป๋าซื้อ เพราะ HUAWEI P50 Pro มีจุดเด่นอีกหลายอย่างที่มัดใจแฟนๆ ไว้อย่างเหนียวแน่น
เครื่องที่ใช้รีวิวเป็นเครื่องทดสอบก่อนวางขายจริง ที่มาพร้อมเฟิร์มแวร์ทดสอบ มีบางส่วนที่ยังไม่สมบูรณ์
สรุปสั้นก่อนร่ายยาว
สิ่งแรกที่ผมคาดหวังแต่ผิดคาดพอควรคือเรื่องกล้อง เพราะกล้องมันดีมากแต่เห็นได้เลยว่า firmware ยังไม่เสร็จดี บางโหมดยังประมวลผลแบบผิดเพี้ยนกว่ารุ่นก่อนหน้า บางโหมดก็หายไปอย่างเช่น Light Painting ที่ลากแสงไฟ ซึ่งอันนี้ไม่รู้ว่าต้องรออัพเดทหรือจะถอดออกเลย
ในแง่การโฟกัสหรือแสงสี ถ้ามองโดยรวมก็ถือว่าทำได้ดีมาก โดยเฉพาะการซูมที่โหดมาก และเลนส์มุมกว้างที่คุณภาพดีมาก ทำให้ถ่ายมาโครได้สวยมากเช่นกัน รวมไปถึงกล้องหน้าที่ดีขึ้นแบบระดับหัวแถวของวงการแล้ว ส่วนระบบกันสั่นเหมือนว่าต้องรออัพเดท เพราะตอนนี้ยังสั่นค่อนข้างเยอะ โหมดกล้องที่ว๊าวและได้ใช้จริงก็คือ Snapshot เหมาะจะถ่ายวัตถุที่เคลื่อนที่เร็วๆ เช่น ถ่ายเด็กวิ่ง หรือถ่ายรถยนต์ ซึ่งมันจะจับภาพได้ไวและนิ่งมาก
อีกจุดที่ผมมองว่า HUAWEI เหนือกว่าคู่แข่งเกือบทั้งหมดคือเรื่อง Ecosystem ที่ใช้งานได้ง่ายและใช้ได้จริง เหมาะกับคนที่ชอบใช้ชีวิตแบบไร้รอยต่อ
การขาดหายของ 5G แม้จะขัดใจ แต่การใช้งานจริงไม่ได้รู้สึกต่างอะไรมากมาย เพราะยุคนี้ส่วนใหญ่ก็อยู่บ้านกับเน็ต Wi-Fi 1Gbps และการใช้งาน 4G ระหว่างเดินทางนอกบ้านมันก็เพียงพอแล้ว ส่วน HMS ก็ต้องยอมรับว่ายังไม่ตอบโจทย์คนไทยเท่าไร เพราะส่วนมากผูกติดกับ GMS แต่ก็มีวิธีทดแทนเช่น Gspace และ Aurora เมื่อหักลบจุดเด่นจุดด้อยและไลฟ์สไตล์แล้ว ผมเลยชอบ HUAWEI P50 Pro มากๆ ไม่แพ้รุ่นก่อนๆ เลยครับ
กล้องระดับตำนาน ดีทั้งกล้องหน้าและหลัง โหดทุกเลนส์
ปัจจัยหลักในการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนสักเครื่อง สำหรับผมคือกล้องเพราะผมต้องใช้ถ่ายงาน และ HUAWEI P50 Pro ยกระดับกล้องเข้าขั้น Legend จากเดิมที่กล้องดีอยู่แล้ว รอบนี้ยกระดับขึ้นอีกมาก …ขอเริ่มจากสเปคก่อนละกันครับ กล้องหลังประกอบด้วย
- 50 MP True-Chroma Camera (Color, f/1.8 aperture, OIS)
- 40 MP True-Chroma Camera (MONO, f/1.6 aperture)
- 13 MP Ultra-Wide Angle Camera (f/2.2 aperture)
- 64 MP Telephoto Camera (f/3.5 aperture, OIS), Auto focus
พร้อมระบบโฟกัสแบบ Phase focus และ Contrast focus ต้องบอกว่ารอบนี้กล้องเค้าดีทุกเลนส์จริงๆ ครับ อย่างกล้อง Tele ที่ใส่ OIS มาให้ก็ช่วยให้การซูมทำได้นิ่งและคมขึ้น ส่วนกล้องหลักที่มี OIS ก็ทำให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยดีขึ้น โดยมีกล้อง MONO มาช่วยประมวลผลแสงเงาและวัดระยะ เพื่อให้เก็บแสงสีและมิติได้ดียิ่งขึ้น ส่วนเลนส์มุมกว้างก็ให้คุณภาพที่ดี ขอบไม่เละ
เรื่องที่อยากชื่นชมเป็นพิเศษก็คือพลังซูม ต้องบอกว่าสุดยอดมาก ภาพคมมาก ใช้งานได้ง่ายกว่ารุ่นก่อนๆ ภาพไม่สั่นมาก ขนาดว่าถ่ายตอนเย็นๆ ที่แสงไม่ได้จัดมากก็ยังให้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ
ส่วนการถ่าย Super Macro จะใช้เลนส์มุมกว้าง Ultra Wide มาประมวลผล และด้วยเลนส์มุมกว้างที่คุณภาพดีมากๆ ทำให้ภาพมาโครดูดีไปด้วย
และที่สำคัญเลยคือโหมด Aperture ที่เอาไว้ถ่ายวัตถุหน้าชัดหลังเบลอ หรือจะชัดทั้งภาพก็ได้ ซึ่งการแยกโหมดแบบนี้ทำให้ตอบโจทย์กับวิธีใช้งานของคนส่วนใหญ่ ที่อยากได้ภาพละลายหลังเลยใช้โหมด Portrait ไปถ่ายวัตถุต่างๆ ซึ่งอันที่จริงแล้วต้องบอกว่าผู้ผลิตไม่ได้ออกแบบมาเพื่อทำแบบนั้น ทำให้หลายครั้งผลลัพธ์เลยไม่ดีเท่าที่ควร ต่างจาก HUAWEI ที่แยกชัดเจนระหว่างโหมด Portrait และ Aperture
ส่วนการถ่ายอาหารก็ให้รายละเอียดและสีสันที่ดี ไม่ว่าจะถ่ายภายใต้แสงไฟสีเหลืองของร้านอาหาร หรือแสงธรรมชาติจากหน้าต่าง
คุณภาพไฟล์ในที่แสงน้อยก็ทำได้ดีเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกับแสงไฟนีออน สภาพแสงไฟสลัวในร้านอาหาร หรือป้ายร้านค้า
ส่วนกล้องหน้า 13 MP Selfie Camera (Wide Angle, f/2.4, Auto focus) ซึ่งมันกว้างมากและคุณภาพดีมาก ตอน Preview อาจจะดูไม่ว๊าวเท่าไร แต่พอถ่ายเสร็จปุ๊บก็จะประมวลผลให้คมชัดและแสงสีดีขึ้น โดยความน่าสนใจอยู่ตรงที่การถือถ่ายแนวตั้ง ค่าเริ่มต้นจะเป็น 1x เพื่อให้สัดส่วนดูดี แต่ถ้าถือในแนวนอนจะเริ่มต้นที่ 0.8x เพื่อเก็บภาพให้กว้างขึ้น แต่ถ้ายังไม่สะใจก็กด Wide เพื่อเก็บมุมกว้างสุดๆ ได้ …แต่ ณ วันที่ทำการรีวิว ดูเหมือน Portrait จะยังทำงานไม่สมบูรณ์ เพราะไม่สามารถทำหน้าชัดหลังเบลอได้
งานวีดีโอทำได้ดีขึ้นเยอะในระดับที่ใช้ถ่าย Vlog ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นกล้องหน้าหรือกล้องหลังก็ทำได้น่าประทับใจ ทั้งในแง่แสงสีและความละเอียด แต่ดูเหมือนระบบกันสั่นจะยังไม่ทำงานอาจจะต้องรออัพเดทให้เป็นเวอร์ชั่นขายจริงก่อนครับ
ในแง่ความสนุกและการสร้างสรรค์มี Story Creator ที่เหมือน Preset ให้ถ่ายคลิปพร้อมใส่เพลงได้ง่ายๆ และ Dual-View ที่เลือกจับคู่ระหว่าง กล้องหน้า + กล้องหลัง หรือ กล้องหลัง + กล้องหลังก็ได้ และยังเลือกระดับการซูมได้ด้วย
และโหมดที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือ Snapshot ที่เอาไว้ถ่ายของที่เคลื่อนไหวเร็วๆ เช่น รถยนต์หรือเด็กวิ่ง จากที่ผมทดสอบมาก็คือ มันจะทำการถ่ายก่อนที่เราจะกดชัตเตอร์ พร้อมกับปรับแสงสีและความคมชัดให้ดูนิ่ง คมและสวย ยกตัวอย่างเช่นเวลาถ่ายรูปรถยนต์วิ่งผ่าน ปรกติแล้วพอเราเห็นรถเข้ามาในจอ เพียงเสี้ยววินาทีรถก็จะอยู่กลางจอแล้ว ซึ่งเรามักจะกดกันตอนนี้แหละ แต่ถ้าใช้ Snapshot ภาพที่ได้คือรถยนต์พึ่งจะเริ่มเข้าฉาก หรือจะเอาไปใช้กับการถ่ายปลาก็ได้ครับ
Photo and VDO Editor มีฟีเจอร์ที่ใช้ได้จริง
จุดที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือตัวแก้ไขรูปภาพและวีดีโอ โดยตัวแก้ไขรูปมี AI ช่วยแก้ไขภาพอยู่หลายแบบ ที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือ De-mist ที่ลบหมอกหรือละอองฝุ่นที่ทำให้ภาพไม่ชัดเจน และ Retouch Document ที่ช่วยแก้ไขเอกสารให้ดูดีกว่าเดิม
ส่วน VDO Editor ของรุ่นนี้ผูกเข้ากับ Petal Clip สามารถตัดคลิปสั้นๆ ไว้ลง Story หรือ TikTok ได้ง่ายๆ หรือจะตัดคลิประดับ Vlog ก็ยังไหว สามารถใส่ได้หลาย Line ทำ PiP ได้ รวมถึง Text, Sticker, Effect …ก็คือใช้จริงได้เลยครับ
Dual-Matrix Camera Design หน้าจอใหญ่ 6.6 นิ้ว และกันน้ำ IP68
HUAWEI Flagship Smartphone แต่ละปีจะมีการออกแบบที่ต่างกันอย่างเด่นชัด รอบนี้มาด้วยดีไซน์กล้องที่เด่นชัด มองแล้วรู้เลยว่าเป็น HUAWEI P50 Pro กับหน้าจอแบบโค้งขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด 2700 x 1228 พาแนล OLED กับรีเฟรชเรท 120Hz และการตอบสนองต่อการสัมผัส 300Hz
แบตเตอรี่ 4360 mAh รองรับ HUAWEI SuperCharge 66W และ Wireless HUAWEI SuperCharge 50W กันน้ำ IP68 โดยมีน้ำหนัก 195 กรัม ซึ่งก็อยู่ในเกณฑ์ปรกติของยุคนี้
ในการถือจับใช้งานจริงรู้สึกว่าส่วนของจอโค้งไม่ได้หักมุมจนใช้งานยาก และมีการ Balance น้ำหนักของตัวเครื่องที่ดี ใช้งานแล้วไม่หนักด้านใดด้านหนึ่ง แต่จุดที่น่าสนใจก็คือตำแหน่งของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ ซึ่งอยู่ค่อนข้างต่ำ ต่างจากรุ่นก่อนหน้านี้ที่เลื่อนสูงค่อนมาทางกลางจอ ซึ่งการที่ตำแหน่งอยู่ต่ำแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแย่เพราะหลายรุ่นก็ทำกัน เพียงแต่ถ้าเลื่อนขึ้นบนกว่านี้จะทำให้วางนิ้วได้เป็นธรรมชาติมากกว่า
อย่างไรก็ตาม รุ่นนี้สามารถปลดล็อกด้วยใบหน้าได้ เพียงแค่ยกขึ้นหน้าจอก็จะทำการสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกให้ทันที แต่ถ้ามองว่ามันปลดล็อกง่ายเกินไป ก็สามารถปิดโหมดนี้ได้ครับ
ผู้นำ 5G สู่การแทนที่ Kirin 5G ด้วย Snapdragon 888 4G
อย่างที่รู้กันว่า HUAWEI โดนปัญหาสงครามการค้าระหว่างประเทศ โดยเชื่อกันว่าสาเหตุหลักมาจาก HUAWEI ครอบครองตลาดในส่วนของเทคโนโลยีของอนาคตอย่าง 5G นั่นทำให้ HUAWEI ถูกบีบอย่างเรื่อยมา ประกอบกับปัญหาที่ชิปขาดแคลนทั่วโลก ทำให้ HUAWEI P50 Pro ต้องเปลี่ยนจาก Kirin มาเป็น Snapdragon 888 4G แทน
Snapdragon 888 ขึ้นชื่อว่าเป็นชิปที่แรงและก็ร้อนมากด้วย แต่ HUAWEI และ EMUI 12 ปรับแต่งมาได้ดี เพราะการใช้งานจริงแทบไม่ร้อนเลย มีแค่บางครั้งที่อุ่นๆ อยู่บ้างเช่นการเปิดกล้องนานๆ ส่วนเรื่องประสิทธิภาพในการใช้งานจริงก็หายห่วง แต่เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนๆ ที่ใช้ Kirin ผมรู้สึกว่าการบริหารพลังงานของ Snapdragon 888 ยังสู้ Kirin ไม่ได้ แต่ผมไม่แน่ใจว่าถ้าเป็นเฟิร์มแวร์ตัวขายจริงจะทำได้ดีกว่านี้รึเปล่า
โอเคล่ะ …หลายคนรู้สึกขัดใจที่ไม่มี 5G แต่ถ้ามองในแง่การใช้งานจริงแล้ว เชื่อว่าคนส่วนมากใช้ 4G ก็เหลือเฟือ เพราะอยู่บ้านก็มี Wi-Fi แรงๆ ใช้ ไปที่ทำงานก็มี Wi-Fi อีก จะได้ใช้ Mobile Data จริงจังก็ตอนเดินทาง ซึ่งความเร็วระดับ 4G มันพอสำหรับการใช้งาน Social, YouTube หรือแม้แต่การส่งไฟล์ เพียงแต่ไม่เร็วสะท้านใจเท่า 5G
Ecosystem ดีมากแต่ HMS ยังไม่คุ้นมือคนส่วนใหญ่
แม้ผมจะชอบและเชียร์ HUAWEI สุดๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่าการขาดหายของ GMS ก็ทำให้หลายคนรู้สึกเสียดาย แต่อย่างไรก็ตาม แฟนๆ HUAWEI ก็เห็นข้อดีของ HMS เช่น ระบบแผนที่ Petal Maps ที่เอื้อต่อการปั่นจักรยานมากกว่า Google Maps หรือระบบ Device+ ที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ของ HUAWEI ได้ดีกว่าคู่แข่งหลายๆ ซึ่งตรงนี้ก็ไปคาบเกี่ยวกับอุปกรณ์อื่นๆ เช่น Vision S หรือ HUAWEI Freebuds 4 รวมถึง HUAWEI MatePad และ HUAWEI MateBook ซึ่งจะเห็นได้ว่า Ecosystem ของค่ายนี้แข็งแรงมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากจากค่ายอื่น
ในการใช้งานจริงแนะนำว่าควรติดตั้ง Gspace เพราะทำให้เราใช้งานแอปที่ผูกกับ GMS ได้แทบทั้งหมด และยังสามารถสร้าง Shortcut ไว้บนหน้าจอ ทำให้การใช้งานจริงสามารถทดแทน GMS ได้เกือบหมด แต่บางครั้งก็มีอาการหน่วงเล็กๆ ตอนเปิดแอปเนื่องจากเป็นการรันจาก Virtual Machine ไม่ใช่การรันแบบ Native
ส่วนการติดตั้งแอปหลักๆ ก็สามารถทำผ่าน Petal Search และ AppGallery หรือโหลด APK มาติดตั้งก็ได้ แต่ถ้าอยากสะดวกขึ้น แนะนำให้ใช้ Aurora เพราะมันจะทำการดึงข้อมูลและประวัติการโหลดแอปจาก Google Play ซึ่งการโหลดแอปจาก AppGallery + Gspace + Aurora ก็ทดแทนแอปที่ใช้งานในชีวิตประจำวันได้เยอะแล้วครับ
มีรีโมทในตัว ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าได้
จุดหนึ่งที่ทำให้หลายคนชื่นชอบ HUAWEI ก็คือการมี IR Blaster สำหรับ Smart Remote ไว้ให้ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าได้หลายสิ่ง ไม่ว่าจะเป็น ทีวี, แอร์, กล้อง ฯลฯ
สรุป HUAWEI P50 Pro เหมาะกับใคร ?
HUAWEI P50 Pro เป็นรุ่นที่เสียงตอบรับมีหลากหลายมาก กลุ่มที่ไม่ชอบก็จะบ่นเรื่อง GMS กับ 5G แต่กลุ่มที่ชอบก็มองจากภาพรวมที่ได้ Ecosystem เจ๋งๆ ที่ค่าย Android ทำได้ไม่ลงตัวและไม่ครบ Line เท่า HUAWEI รวมถึงกล้องขั้นเทพที่เหมือนพกกล้องคอมแพคติดตัวตลอดเวลา
เหตุผลที่ควรซื้อ HUAWEI P50 Pro ผมมองว่าเป็นเรื่องของกล้องกับ Ecosystem รวมถึง System ที่ทำได้ดีมาก ถ้าเป็นคนที่ใช้แบบไม่ขัดใจเลยก็น่าจะเป็นคนที่พก 2 เครื่อง หรือคนที่เน้นกล้องและใช้งานแอพพื้นฐานทั่วไป ซึ่งผมเองเป็นทั้งหมดที่ว่ามา นั่นทำให้ผมปลื้มสมาร์ทโฟนเครื่องนี้มากๆ ครับ
