เจาะลึกเครื่องมือสำคัญของ E-Commerce ยุคใหม่ : เอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซ เสริมแกร่งผู้ประกอบการด้วยชุดซอฟต์แวร์อีคอมเมิร์ซครบวงจร
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ธุรกิจอีคอมเมิร์ซนับเป็นธุรกิจที่มาแรงและมีมูลค่าพุ่งสูงแบบก้าวกระโดด โดยจากข้อมูลของ ETDA ในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตต่อปี 9.79% สอดคล้องกับการเติบโตของอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่คาดว่าจะยังคงเติบโตเพิ่มขึ้น 19.8% ระหว่างปี 2563-2568 โดยเฉพาะอินโดนีเซีย เวียดนาม และไทย ที่คาดการณ์ว่า ในปี 2568 จะมีมูลค่าการเติบโตเป็นอันดับต้นๆ ของภูมิภาค อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางปัญหาเงินเฟ้อและต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกในขณะนี้ นับเป็นโจทย์ท้าทายของผู้ประกอบการจะต้องเตรียมความพร้อมและเร่งปรับตัว
เอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซ ได้พัฒนา Chatpify ซอฟต์แวร์ Chat & Shop ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการด้านลูกค้าสัมพันธ์ได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยสามารถเชื่อมต่อหลากหลายแพลตฟอร์มทั้ง Facebook, Instagram, LINE, Lazada, Shopee และอื่นๆ รวมถึงสามารถเชื่อมต่อได้หลายร้านค้าพร้อมกัน โดยมีระบบรวบรวมแชทจากทุกช่องทางเพื่อให้ทีมหลังบ้านตอบลูกค้าได้ในแพลตฟอร์มเดียว พร้อมแชทบอทที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถสื่อสารกับผู้บริโภคแบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังสามารถเชื่อมระบบข้อมูลตั้งแต่การจัดการยอดสั่งซื้อ, การบริหารคลังสินค้า ไปจนถึงกระบวนการจ่ายเงินที่ง่าย สะดวก และปลอดภัย อีกทั้งสามารถวัดผลประสิทธิภาพการตอบแชท และช่วยปิดการขายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ปัจจุบัน เอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซ มีลูกค้าแบรนด์ชั้นนำกว่า 20 แบรนด์ที่ใช้บริการ Chatpify ไม่ว่าจะเป็น Central, Singha และ Tefal ซึ่งนับตั้งแต่เริ่มใช้งานในปี 2564 ซอฟต์แวร์ดังกล่าวได้ช่วยบริหารยอดสั่งซื้อให้แบรนด์ต่างๆ มากกว่าสองล้านออเดอร์ในประเทศไทย รวมถึงช่วยบริหารลูกค้าสัมพันธ์กว่าสองแสนแชทต่อเดือน โดยตัวเลขดังกล่าวแสดงถึงประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นจากการนำ Chatpify มาใช้ ซึ่งนอกจากจะช่วยปิดการขายได้เร็วและสะดวกขึ้นแล้ว ยังช่วยให้แบรนด์เพิ่มประสิทธิภาพการตอบแชทได้ จากข้อมูลของทีมลูกค้าสัมพันธ์ เอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซ พบว่าปกติที่พนักงานจะตอบได้ 100 แชทต่อวัน สามารถเพิ่มได้ถึง 150 ต่อวันหรือ 50 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงยังสามารถลดระยะเวลาการตอบแชทครั้งแรกได้ เพื่อไม่ให้ลูกค้าต้องรอการตอบกลับนานและสามารถตอบสนองความต้องการผู้บริโภคอย่างทันท่วงที ดังนั้น Chatpify จะเป็นผู้เล่นสำคัญที่จะช่วยยกประสบการณ์ด้านลูกค้าสัมพันธ์ของธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมเชื่อมต่อแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและโซเชียลมีเดีย เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายมากขึ้น
ลงทุนระบบบริหารคลังสินค้าที่รวดเร็ว และแม่นยำถึง 99.7%
ระบบการจัดการบริหารคลังสินค้าเพื่อเตรียมจัดส่ง (Fulfillment center) เรียกได้ว่าเป็นหัวใจหลักบนสายพานของธุรกิจ อีคอมเมิร์ซ ที่ต้องการความรวดเร็ว แม่นยำ และการจัดการที่มีประสิทธิภาพสูง ดังนั้นการเข้ามาของ “Bluedock” ระบบบริหารคลังสินค้า หรือ Fulfillment Center Management System ที่พัฒนาโดยเอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซ จึงตอบโจทย์การช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อตอบสนององค์กรที่ต้องการบริหารจัดการคลังสินค้าอีคอมเมิร์ซและปรับการทำงานให้เป็นรูปแบบดิจิทัลมากขึ้น โดยจากการใช้งานตั้งแต่ปี 2562 ร่วมกับลูกค้าหลากหลายแบรนด์ชั้นนำ อาทิ ASUS และ Super Lock พบว่าสามารถเพิ่มอัตราความแม่นยำของสินค้าคงคลังเพื่อเตรียมจัดส่งอย่างไม่มีข้อผิดพลาดได้ไม่น้อยกว่า 99.7% พร้อมเพิ่มความรวดเร็วนับตั้งแต่สั่งซื้อถึงจัดส่งภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งจากเทคโนโลยีที่เอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกับธุรกิจเพื่อยกระดับการดำเนินงานของสายพานคลังสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
เพราะระบบคลังสินค้าอีคอมเมิร์ซจำเป็นต้องใช้ความแม่นยำระดับสูงในการบริหารสินค้าแต่ละชิ้น Bluedock จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพตั้งแต่กระบวนการรับสินค้าเข้าคลัง (Inbound Process) การค้นหาตำแหน่งจัดเก็บที่เหมาะสม (Storage) พร้อมทั้งจ่ายสินค้าออกจากคลังด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพ (Picker) โดยระบบจะคัดเลือกสินค้าที่ควรออกจากคลังก่อน อย่างสินค้าที่เข้ามาในคลังเป็นอันดับต้นๆ หรือสินค้าที่อยู่ในโซนที่มีของน้อยกว่าและอยู่ด้านบน เพื่อให้มีพื้นที่สำหรับของที่จะเข้ามาในคลังต่อไป รวมถึงบริหารจัดการพื้นที่จัดเก็บอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยอำนวยความสะดวกในกระบวนการแพ็คสินค้า (Packing) ไปจนถึงติดตามสินค้าและขนส่ง (Order Status)
“Omniplus” ระบบบริหารการขายสินค้าอีคอมเมิร์ซครบวงจรครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม
แบรนด์สามารถบริหารจัดการยอดสั่งซื้อจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและโซเชียลมีเดียมากกว่า 10 ช่องทาง อาทิ Shopee, Lazada, Facebook, LINE และ TikTok ที่มียอดสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก โดย Omniplus จะรวบรวมยอดสั่งซื้อและสต๊อกจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่างๆ ให้อยู่ในฐานข้อมูลกลางที่เดียว เพื่อให้แบรนด์พร้อมบริหารจัดการยอดสั่งซื้อ จัดการ สต๊อก และช่วยจัดการข้อมูลสินค้า เพื่อป้องกันความผิดพลาด ไปจนถึงเตรียมจัดส่ง
ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากจะเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการต่างๆ ของสายพานอีคอมเมิร์ซแล้ว Omniplus ยังช่วยให้แบรนด์ลดต้นทุนจากการรวมสต๊อกสินค้าสำหรับหลายแพลตฟอร์มไว้ในที่เดียว โดยแบรนด์สามารถติดตามสถานะต่างๆ ตั้งแต่ลูกค้าสั่งซื้อ จัดส่ง จนถึง ได้รับสินค้า ในแบบเรียลไทม์
ทั้งนี้ ซอฟต์แวร์ดังกล่าวที่ เอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซ ได้พัฒนาและนำไปประยุกต์ใช้ในหลายประเทศที่ทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารธุรกิจ อีคอมเมิร์ซของแต่ละประเทศมากขึ้น ทำให้ทางบริษัทฯ มองเห็นโอกาสในการต่อยอดซอฟต์แวร์เหล่านี้สำหรับแบรนด์ใหญ่และผู้ประกอบการรายย่อยอื่นๆ ในวงกว้างเพื่อสร้างการเติบโตของธุรกิจ โดยในอนาคต บริษัทฯ มีแผนเปิดให้บริการ SaaS ที่สามารถยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้มากขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานในแต่ละธุรกิจที่แตกต่างกัน ตอกย้ำเป้าหมายหลักของ เอ็น-สแควร์ อีคอมเมิร์ซ ในฐานะส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซทั้งประเทศไทยและในภูมิภาคให้เติบโตขึ้นต่อไป