รีวิว Xiaomi Mi 8 Pro: สเปกจัดเต็มพร้อมสแกนนิ้วบนหน้าจอ ใช้งานแบบหล่อ ๆ ด้วยดีไซน์ฝาหลังใสในราคา 19,990 บาท
เปิดตัวในไทยกันมาได้ 2 เดือนกว่า ๆ แล้วกับ Xiaomi Mi 8 Pro สมาร์ทโฟนระดับเรือธงจากค่าย Xiaomi ซึ่งเจ้า Mi 8 Pro ตัวนี้จะมีความแตกต่างจาก Mi 8 รุ่นธรรมดาตรงที่เพิ่ม Ram เป็น 8 GB, ความจุเครื่องมีเพียงรุ่น 128 GB, มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ, ระบบปลดล็อคใบหน้าด้วยอินฟราเรด และที่เป็นไฮไลต์ของรุ่นนี้เลยก็คือ ฝาหลังแบบใสที่เห็นแผงวงจรภายใน
เกร็ดน่ารู้: Mi 8 Pro มีอีกชื่อหนึ่งคือ Mi 8 Explorer Edition
Highlight
- สเปคระดับเรือธง Ram เยอะสะใจถึง 8 GB
- ระบบรักษาความปลอดภัยมีทั้งสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอและปลดล็อคด้วยใบหน้า 3 มิติ
- ฝาหลังโปร่งใสเห็นแผงวงจรภายใน
Specification
- ชิปเซ็ต Qualcomm® Snapdragon™ 845 AIE
- Ram 8 GB LPDDR4x
- Storage แบบ UFS 128 GB
- จอแสดงผล ขนาด 6.21 นิ้วแบบ AMOLED อัตราส่วน 18.7:9 ความละเอียด 2248 x 1080 (FHD+)
- กล้องหลังคู่ กล้องตัวที่ 1 เป็นเลนส์มุมกว้าง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมระบบกันสั่นแบบ OIS 4 แกน ขนาดรูรับแสง f/1.8 กล้องตัวที่ 2 เป็นเลนส์ซูม ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ขนาดรูรับแสง f/2.4 พร้อม AI สำหรับช่วยถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K 30 fps
- กล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล พร้อม AI สำหรับช่วยถ่ายภาพ
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
- ระบบปลดล็อคใบหน้าด้วยอินฟราเรด 3 มิติ
- แบตเตอรี่ 3000 mAh พร้อมระบบชาร์จเร็ว Quick Charge 4.0+
- พอร์ต USB Type-C
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมแบบ Nano Sim
- รองรับ WiFi 2.4 GHz และ 5 GHz
- รองรับ Bluetooth 5.0
- รองรับตัวแปลงสัญญาณเสียง AAC/aptX/aptX-HD
- GPS แบบ Dual GPS
- ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ที่ครอบทับด้วย MIUI 10.0
ดีไซน์ฝาหลังใส โชว์ไส้ในกันไปเลย
ฝาหลังของ Xiaomi Mi 8 Pro นั้นเป็นกระจกใสที่เผยให้เห็นแผงวงจรภายในเครื่อง ทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นนี้มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเป็นพิเศษ เรียกได้ว่ามองจากระยะไกลนั้นก็รู้เลยว่าเป็น Mi 8 Pro
ภาพฝาหลังของ Xiaomi Mi 8 Pro |
ดูส่วนบนแบบใกล้ ๆ กันหน่อย |
รายละเอียดบนแผงวงจรเผยให้เห็นสเปคบางส่วน เช่น ชิปเซ็ต Snapdragon ที่ผลิตโดย Qualcomm, หน่วยความจำแบบ UFS 2.1 ที่ผลิตโดย Samsung, ขนาดของพิกเซลของกล้องหลักที่มีขนาด 1.4µm และขนาดเซ็นเซอร์ของกล้องหลักที่มีขนาด 1/2.55 นิ้ว รวมไปถึงยังมี Easter egg เกี่ยวกับรายละเอียดของหุ้น Xiaomi Corp อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีข้อความที่แปลได้ประมาณว่า “จงเชื่อมั่นว่าบางสิ่งที่น่ามหัศจรรย์กำลังจะเกิดขึ้น” และ “นวัตกรรมสำหรับทุกคน”
จากการที่ลองเอา 1810.HK ไปเสิร์ชใน Google ดูว่าหมายถึงอะไรก็พบกับข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นของ Xiaomi Corp ปรากฎขึ้นมา เลยตีความข้อความ 17.00 1810.HK 20180709 ได้ว่า 1810:HK คือสัญลักษณ์การซื้อขายหุ้นของ Xiaomi 20180709 หมายถึงวันที่ 9 กรกฎาคม 2018 ซึ่งเป็นวันแรกที่หุ้นของ Xiaomi ได้เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ส่วน 17.00 น่าจะหมายถึงราคา IPO ของหุ้นที่ขายให้นักลงทุนที่ 17 ดอลล่าร์ฮ่องกงต่อหุ้น
ในส่วนด้านล่างก็มีข้อความที่แปลได้ประมาณว่า “จงเป็นบริษัทที่เจ๋งที่สุดในใจลูกค้าของพวกเรา” |
ตรงขอบด้านขวาของเครื่องจะมีปุ่ม Volume สีดำ ถัดลงมาทางด้านล่างจะเป็นปุ่ม Power ที่มีสีแดง ทำให้ดูโดดเด่นจากปุ่ม Volume และขอบของเครื่อง |
ขอบด้านซ้ายจะมีถาดใส่ซิม |
ขอบด้านล่างของเครื่องเรียงจากซ้ายไปขวาตามภาพจะพบช่องลำโพง พอร์ต USB Type-C ที่ภายในเป็นสีแดง และช่องไมโครโฟน ตามลำดับ |
ภาพ Hardware Diagram จาก https://www.mi.com/global/mi8/specs/ |
อย่างไรก็ตาม แผงวงจรที่เห็นในฝาหลังโปร่งแสงนั้นไม่ใช่แผงวงจรของจริงแต่อย่างใด แต่เป็นแผงวงจรจำลองที่ทำขึ้นมาเพื่อตกแต่งให้สวยงามเท่านั้น ถึงกระนั้นก็อย่าพึ่งไปกล่าวหาว่า Xiaomi ทำแผงวงจรปลอมขึ้นมาหลอกลวงนะครับ เพราะว่าถ้าเอาแผงวงจรของจริงมาโชว์นั้นมันก็จะไม่ออกมาสวยแบบที่เห็นกันอยู่แน่นอน
ภาพ Screenshot จากคลิป Mi 8 Explorer Edition Durability Test – Is it FAKE?! จากช่อง JerryRigEverything |
ใช้งานแบบเต็มตา ด้วยหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.21 นิ้ว
มาดูในส่วนของหน้าจอกันบ้าง หน้าจอของ Mi 8 Pro นั้นมีขนาด 6.21 นิ้ว อัตราส่วน 18.7:9 มีรอยบากหน้าจอตามเทรนด์ในยุคปัจจุบัน
ข้อดีของ Mi 8 Pro คือเมื่อเวลาเปิดวิดีโอใน YouTube หรือ Netflix ดูแล้วขยายให้เต็มจอ วิดีโอจะไม่แสดงผลเลยไปตรงบริเวณรอยบากด้านบน
ทดลองเปิดคลิปวิดีโอใน YouTube แล้วขยายเต็มจอ |
ทดลองเปิดซีรีส์ใน Netflix แล้วขยายเต็มจอ |
แต่ถ้าหากคุณเป็นสมาชิกสมาคมต่อต้านจอติ่ง(หรือจอมีรอยบาก)แห่งประเทศไทยแล้วล่ะก็ Mi 8 Pro มีฟังก์ชั่นซ่อนหน้าจอติ่งมาให้คุณเลือกด้วย
ซึ่งการปิดรอยบากมีข้อดีคือทำให้ชมวิดีโอแบบเต็มจอโดยที่ขอบภาพด้านที่มีรอยบากไม่โดนตัดเป็นมุมเหลี่ยม แต่มีการโค้งมนของจอเสมอกับด้านที่ไม่มีรอยบาก (ถ้าสังเกตภาพก่อนหน้าที่จะปิดรอยบากจะเห็นได้ว่าตรงด้านที่มีรอยบากขอบภาพจะถูกตัดเป็นมุมเหลี่ยม)
หรือถ้าอยากจะให้หน้าจอแสดงผลได้เต็มตาเวลาใช้งานทั่ว ๆ ไป ก็ยังสามารถเลือกซ่อนปุ่ม Navigation bar ได้อีกด้วย โดยใช้ Gesture ในการควบคุมเครื่องแทน
สามารถปรับแต่งได้ตามใจชอบในหัวข้อ Full screen display ว่าจะใช้งานแบบโชว์หรือปิดรอยบาก ใช้ปุ่มหรือใช้การปาดนิ้วในการควบคุมเครื่อง |
สำหรับเรื่องสีสันของจอนั้นถ้ามองในมุมที่เป็นจอ AMOLED นั้นก็ไม่ได้มีสีสันที่จัดจ้านอะไรมาก เน้นใช้งานแบบสบายตา
เทียบสีสันของจอภาพกับ Google Pixel 2 (ซ้าย) |
เทียบสีสันของจอภาพกับ Google Pixel 2 (ซ้าย) |
เทียบสีสันของจอภาพกับ iPad (6th generation) |
และสิ่งที่น่าเสียดายสำหรับ Mi 8 Pro ก็คือไม่สามารถดู Netflix ที่ความละเอียด HD ได้ เนื่องจาก Widevine DRM ได้เพียงระดับ L3 เท่านั้น
ซอฟต์แวร์สุดลื่นและประสิทธิภาพสุดโหด
Mi 8 Pro มาพร้อมกับ Android 8.1 ที่ครอบทับด้วย MIUI 10.0
MIUI นั้นเป็นซอฟต์แวร์ที่ขึ้นชื่อว่ามีฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกที่รอบด้านและทำงานได้ลื่นไหลมาก
หน้า Home screen ของ MIUI 10.0 |
จุดที่ประทับใจมากคือเวลาสไลด์มาหน้าหลักที่มี Widget นาฬิกา เวลาที่บอกตรง Status bar จะหายไป จุดนี้เป็นอะไรที่ถูกใจมากเพราะส่วนตัวแล้วคนเขียนเป็นคนที่ไม่ชอบให้มีอะไรซ้ำซ้อน (ฮาา)
ในส่วนของแอป Security จะมีฟีเจอร์ต่าง ๆ มากมาย ซึ่งผู้ใช้งานสามารถ Optimize ระบบให้ทำงานได้ดีขึ้นในวงกลมด้านบนหลังจากที่สแกนเสร็จ นอกจากนี้ก็จะมีฟีเจอร์อื่น ๆ ได้แก่
- Cleaner ทำหน้าที่จัดการพวกไฟล์ Cache และไฟล์ต่าง ๆ ที่ไม่สำคัญไม่ให้กินพื้นที่เครื่อง
- Security scan ทำหน้าที่ตรวจหาไวรัสและยังเช็คเกี่ยวกับความปลอดภัยทางด้านการเงินได้อีกด้วย
- Battery usage ตรวจสอบการใช้งานแบตเตอรี่ของแอปต่าง ๆ และตั้งค่าโหมดประหยัดพลังงานให้ทำงานเป็นเวลาได้อีกด้วย
- Data usage ตรวจสอบการใช้ข้อมูลมือถือและจำกัดการใช้งานของแต่ละแอปได้
- Boost speed จัดการเคลียร์แอปต่าง ๆ เพื่อเคลียร์พื้นที่ Ram
- Manage apps จัดการอัปเดตแอป ลบแอป และดูเรื่องการขออนุญาตจากแอปที่จะขอเข้าถึงส่วนต่าง ๆ ของเครื่องได้อีกด้วย
- App lock ทำหน้าที่ป้องกันคนที่ไม่รู้รหัสเข้าถึงข้อมูลภายในแอปที่ล็อคเอาไว้ได้
- Deep clean ในส่วนนี้จะเป็นการจัดการไฟล์ต่าง ๆ ที่กินพื้นที่ในเครื่องแบบละเอียด โดยแยกไฟล์ออกเป็นแต่ละประเภทเพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจลบ
- WhatsApp cleaner ทำหน้าที่เคลียร์ข้อมูลต่าง ๆ ของไฟล์สำหรับแอป WhatApp โดยเฉพาะ
- Blocklist ใช้สำหรับบล็อค SMS และเบอร์โทรที่เราไม่ต้องการให้ติดต่อ
- Second space ตรงส่วนนี้จะทำการแยกพื้นที่ในเครื่องออกเป็น 2 ส่วนซึ่งแยกการทำงานออกจากกันเพื่อปกป้องข้อมูลของเราที่ซ่อนอยู่ในนี้ และสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในนี้ก็จะไม่ส่งผลต่อพื้นที่หลักที่ใช้งานประจำ ในส่วนนี้ทำงานได้สะดวกมากเพราะสามารถตั้งลายนิ้วมือแยกต่างหากเพื่อเข้าถึง Second space ได้ทันทีหลังปลดล็อค
- Dual apps ช่วยให้สามารถล็อคอินแอปต่าง ๆ ได้ถึง 2 ไอดีในเครื่องเดียว เหมาะกับคนที่เล่นโซเชียล 2 แอคเคาท์ จะเอาไว้ขายของหรือซุกซ่อนกิ๊กก็ทำได้สะดวก (อย่างหลังไม่แนะนำนะ)
- Test network เอาไว้ทดสอบการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตโดยไม่ต้องลงแอปเสริม
เล่นเกมอย่างลื่นไหลด้วย Game speed booster
Game speed booster ช่วยให้เล่นเกมได้ลื่นไหลยิ่งขึ้น พร้อมกับฟีเจอร์อำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในการเล่นเกม เช่น ลดการใช้งานอินเตอร์เน็ตของแอปอื่น ๆ ขณะเล่นเกม, ปิดการแจ้งเตือนจากการโทรเข้าและแอปอื่น ๆ, ปิดปุ่มให้ไม่กินพื้นที่หน้าจอ, ป้องกันการปรับความสว่างของหน้าจอ, อัดวิดีโอหน้าจอขณะเล่นเกม, ฯลฯ
หน้าตาของ Game speed booster ที่ถูกเรียกใช้ขณะเล่นเกม ถ้าไม่ได้เรียกใช้ก็จะย่อตัวเป็นเส้นโค้งเล็ก ๆ ตรงบริเวณมุมของหน้าจอ |
ด้วยความที่สเปคของ Mi 8 Pro นั้นจัดว่าโหดมาก ๆ ทั้งชิปเซ็ต Snapdragon 845 ที่เป็นชิปเซ็ตระดับท็อป บวกกับ Ram ที่เยอะถึง 8 GB ทำให้แอปต่าง ๆ ในเครื่องไม่ต้องแย่งพื้นที่ Ram กันเวลาใช้งาน และยังมีซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้เล่นเกมได้ดีขึ้นอย่าง Game speed booster อีกด้วย จากการทดลองเล่น PUBG Mobile แบบปรับสุดและเล่นติดต่อกันหลาย ๆ ตาพบว่าสามารถเล่นได้อย่างลื่นไหลไม่มีอาการกระตุกแม้แต่น้อย และที่สำคัญคืออุณหภูมิของเครื่องก็ไม่ได้สูงขึ้นมากด้วย บอกได้เลยว่าถ้าซื้อมาเล่นเกมนั้นไม่มีผิดหวังอย่างแน่นอน
PUBG Mobile ปรับสุดยังเล่นได้ลื่น ๆ (ในส่วนของ Ultra HD ยังไม่เปิดใช้งาน) |
กล้องคู่พร้อม AI ถ่ายรูปได้ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา
Mi 8 Pro มาพร้อมกล้องหลังคู่ โดยกล้องตัวที่ 1 เป็นเลนส์มุมกว้าง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมระบบกันสั่นแบบ OIS 4 แกน ขนาดรูรับแสง f/1.8 ส่วนกล้องตัวที่ 2 เป็นเลนส์ซูม ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ขนาดรูรับแสง f/2.4 และยังมี AI สำหรับช่วยปรับแต่งโหมดการถ่ายให้เหมาะสมกับสิ่งที่ปรากฎในภาพได้อีกด้วย
ตัวอย่างการทำงานของ AI เมื่อ AI ตรวจจับวัตถุในภาพได้ก็จะขึ้นสัญลักษณ์สีฟ้า ๆ ของวัตถุนั้นตรงด้านบนพร้อมปรับให้ภาพเหมาะกับการถ่ายวัตถุนั้น ๆ
ถ่ายอาหารขึ้นสัญลักษณ์ช้อน ถ่ายต้นไม้ขึ้นสัญลักษณ์ใบไม้ ถ่ายแมวขึ้นสัญลักษณ์แมว |
กล้องตัวที่ 2 ของ Mi 8 Pro เป็นเลนส์ซูม ช่วยรักษารายละเอียดของภาพเวลาซูมภาพ
ทดลองซูมกันหน่อย |
และยังช่วยในการถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ ทำให้ได้ภาพที่ละลายฉากหลังและมีโบเก้ที่สวยงาม
นอกจากนี้ยังปรับระดับความเบลอได้ภายหลังพร้อมเปลี่ยนรูปทรงโบเก้ได้ถึง 6 แบบ รวมไปถึงปรับแสงเงาและปรับเปลี่ยนพื้นหลังสำหรับรูปคนได้อีกด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมด Auto พร้อมเปิด AI จากกล้องของ Mi 8 Pro
ดูภาพถ่ายสัตว์ สิ่งของ และสถานที่กันไปเยอะแล้ว ใครที่อยากดูการถ่ายภาพคนบ้าง สามารถเข้าไปดูได้ที่ ลองกล้อง Mi 8 Pro กับการถ่ายนางแบบ สไตล์ใช้งานจริง
ระบบรักษาความปลอดภัย มีมาให้ถึง 2 แบบ
Mi 8 Pro มาพร้อมระบบรักษาความปลอดภัย 2 แบบ (นอกจากระบบพื้นฐานที่มากับตัว Android เอง) นั่นก็คือระบบสแกนใบหน้าด้วยอินฟราเรดแบบ 3 มิติ และระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ ซึ่งทั้ง 2 อย่างนี้จัดว่าเป็นอะไรที่เด็ดมาก ๆ เพราะในบรรดาสมาร์ทโฟน Android ด้วยกันเองนั้นมีเพียงไม่กี่เจ้าที่ทำระบบสแกนใบหน้าแบบ 3 มิติ ที่ผ่าน ๆ มาจะเป็นแบบ 2 มิติซะมากกว่า และระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอเองที่เป็นเทคโนโลยีที่ค่อนข้างใหม่ มีเพียงไม่กี่เจ้าที่นำมาใช้งานจริง ๆ
จะเลือกใช้สแกนนิ้วมือบนหน้าจอหรือปลดล็อคด้วยใบหน้าก็เลือกได้ตามสะดวก หรือจะใช้ทั้ง 2 อย่างเลยก็ทำได้ |
สำหรับสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอนั้นเวลาปลดล็อคต้องใช้แรงกดลงบนตำแหน่งที่สแกนเล็กน้อย ถ้าแตะเฉย ๆ จะไม่ปลดล็อคให้ ช่วงแรก ๆ ที่ใช้งานมีปลดล็อคได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่พอใช้ไประยะเวลานึงก็จะมีความแม่นยำมากขึ้น ส่วนความเร็วในการปลดล็อคก็จะช้ากว่าพวกเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ไม่ได้อยู่บนจอเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ช้าจนรู้สึกหงุดหงิด
ในส่วนของสแกนใบหน้านั้นเป็นส่วนที่ทำได้น่าประทับใจมากกว่าที่คาดไว้ เพราะปลดล็อคได้รวดเร็วมาก เมื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่น Raise to wake กับ Allow Face unlock when screen lights up ก็จะสามารถปลดล็อคมือถือได้อย่างรวดเร็วเพียงแค่ยกขึ้นมาและมองไปที่จอเท่านั้น
ส่วนตอนสแกนเพื่อเก็บข้อมูลใบหน้านั้นก็แทบไม่ต้องทำอะไรมากครับ เหมือนแค่ถ่ายเซลฟี่เฉย ๆ แต่ก่อนสแกนอย่าลืมถอดแว่นหรืออะไรก็ตามที่ปิดบังบริเวณใบหน้าออกให้เรียบร้อย ขั้นตอนเก็บข้อมูลไวมากจนสงสัยว่าทำมาหลอก ๆ รึเปล่า เพราะอย่างตอนใช้ iPhone X นี่ต้องหันแล้วหันอีก แต่จากการทดลองหลับตาสแกนหรือเอาให้หลาย ๆ คนสแกนก็พบว่าปลดล็อคไม่ได้ครับ มีแค่ผมคนเดียวที่ปลดล็อคได้ และต่อให้ใส่แว่น ถอดแว่น หรือเปลี่ยนทรงผมก็ยังปลดล็อคได้เหมือนเดิม เรียกได้ว่าทำงานได้ไวและสะดวกสุด ๆ
การใช้งาน GPS ไม่ต้องกลัวหลงทาง เมื่อไปกับ Mi 8 Pro
อย่างที่รู้กันว่า Mi 8 Pro มาพร้อมกับ Dual GPS ที่จับสัญญาณได้ทั้ง L1 และ L5 ทำให้ระบุตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ อย่างไรก็ตาม Dual GPS ยังไม่เปิดให้ใช้งานใน MIUI เวอร์ชั่นนี้ ซึ่งต้องรออัปเดตอีกทีในอนาคต แต่ไหน ๆ แล้วก็ขอพาเจ้า Mi 8 Pro ไปนั่งรถเล่นรอบกรุงเพื่อทดสอบระบบ GPS กันหน่อย ก็ถือว่าจับสัญญาณได้ค่อนข้างแม่นพอสมควร นาน ๆ ทีจะเจอกระโดดจากตำแหน่งที่อยู่จริงกับหันทิศทางเพี้ยนไปจากความเป็นจริงบ้างเล็กน้อย คิดว่าถ้ามีอัปเดตให้ใช้งาน Dual GPS เมื่อไหร่ก็คงจะเป็นสมาร์ทโฟนที่จับสัญญาณ GPS ได้แม่นยำมากที่สุดรุ่นนึง
แบตเตอรี่ ความอึดไม่ใช่จุดเด่น แต่ความเย็นนี่ของจริง
สำหรับเรื่องแบตเตอรี่ของ Mi 8 Pro นั้นอยู่ในระดับกลาง ๆ ไม่ได้อึดมากมายอะไรเพราะขนาดไม่ต้องรับสัญญาณโทรศัพท์เนื่องจากไม่ได้ใส่ซิม ใช้งานด้วยการต่อ WiFi อย่างเดียวเพื่อเช็คความเคลื่อนไหวในโลกโซเชียลและถ่ายรูปนิดหน่อยช่วงระหว่างวันก็ถือว่าลดเยอะพอสมควร ส่วนเรื่องการชาร์จแบตนั้นเนื่องจากเครื่องรีวิวไม่ได้มีอุปกรณ์ชาร์จไวมาให้เลยไม่แน่ใจว่าชาร์จได้ไวขนาดไหน แต่ถ้าใช้ที่ชาร์จธรรมดาทั่ว ๆ ไปบอกเลยว่าค่อนข้างนานเอาเรื่องครับ
ถึงแบตจะไม่อึดมากแต่แบตของ Mi 8 Pro นั้นดีตรงเวลาใช้งานหนักติดต่อกันนาน ๆ กลับไม่เจอปัญหาเครื่องร้อนเพราะแบตเตอรี่แต่อย่างใด เล่น PUBG Mobile ติดต่อกันหลายตาก็ยังสบาย ๆ ขนาดเล่นไปชาร์จไปก็ยังไม่ร้อน คิดว่ากว่าเครื่องจะร้อนจี๋แบตคงหมดไปเรียบร้อยแล้ว
อุณหภูมิแบตเตอรี่อยู่ที่ 39 องศาเซลเซียสหลังจากโดดร่มติดต่อกันหลายตา |
ตัวอย่างกราฟการใช้งานแบตเตอรี่ของ Mi 8 Pro |
ฟีเจอร์ที่น่าประทับใจ ต่อ WiFi พร้อมปล่อย Hotspot ได้ในเวลาเดียวกัน
ฟีเจอร์นี้เป็นฟีเจอร์ที่ค่อนข้างถูกใจเป็นพิเศษ เพราะนอกจากเจ้า Mi 8 Pro จะจับสัญญาณ WiFi ได้ดีมากและเสถียรแล้ว ยังสามารถปล่อย Hotspot จากสัญญาณ WiFi ที่เชื่อมต่ออยู่ให้กับอุปกรณ์อื่น ๆ ได้อีกด้วย ซึ่งช่วยแก้ปัญหาเวลาที่เราต้องการใช้ WiFi พร้อมกันหลาย ๆ อุปกรณ์แต่เจ้าของ WiFi ให้โควตาเชื่อมต่อได้เพียงอุปกรณ์เดียว ก็เอาเจ้า Mi 8 Pro ต่อ WiFi นั้นและกระจายสัญญาณให้กับอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เราต้องการใช้งานก็เป็นอันจบ และไม่ต้องค้นหาชื่อ Hotspot กันให้วุ่นวาย แค่เอาอุปกรณ์ที่ต้องการต่อ Hotspot ไปสแกน QR code จาก Mi 8 Pro ก็สามารถใช้งานได้ทันที
สรุป Mi 8 Pro เป็นสมาร์ทโฟนที่เหมาะกับใคร?
Xiaomi Mi 8 Pro เป็นสมาร์ทโฟนอีกรุ่นที่จัดว่าคุ้มค่าคุ้มราคามาก จัดเต็มทั้งด้านสเปคที่ใช้ชิปเซ็ตระดับเรือธงและให้ Ram มาเยอะอย่างจุใจที่ไม่ว่าจะเล่นเกมไหน ๆ ก็เอาอยู่, ฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ให้มาเยอะมากซึ่งตอบสนองความต้องการได้อย่างรอบด้าน และนวัตกรรมใหม่อย่างสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอก็มีมาให้เช่นกัน พร้อมทั้งยังมอบประสบการณ์ใช้งานที่จัดว่าลื่นไหลไม่มีสะดุดให้กับผู้ใช้งาน ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามานี้อยู่ในสมาร์ทโฟนที่มีราคาไม่ถึง 20,000 บาท นอกจากเรื่องของสเปคและการใช้งานแล้วนั้นในส่วนของดีไซน์ก็จัดได้ว่าสุดยอดไม่แพ้กัน จริงอยู่ที่รอยบากบนหน้าจอและกล้องหลังแนวตั้งชวนให้นึกถึง iPhone X / XR / XS และ XS Max อยู่ไม่น้อย แต่ฝาหลังโปร่งใสที่มีแผงวงจรจำลองก็ทำให้ Mi 8 Pro มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองสูง ใครก็ตามที่มองเห็นจะรู้เลยว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มาพร้อมกับสเปคที่ไม่ธรรมดา ซึ่งถูกอกถูกใจพวกบรรดาสาย Geek และ Gamer อยู่ไม่น้อย แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ใช่ว่า Mi 8 Pro จะเป็นสมาร์ทโฟนที่เหมาะกับคนทุกกลุ่ม เพราะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการดูหนังฟังเพลงบนสมาร์ทโฟนนั้นก็ต้องคิดหนักสักหน่อยถ้าหากจะซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ เพราะสีสันของหน้าจอนั้นไม่ได้ถูกปรับแต่งมาให้จัดจ้านมากเมื่อเทียบกับเรือธงรุ่นอื่น ๆ ส่วนลำโพงนั้นก็เป็นลำโพงตัวเดียวที่ไม่ได้เสียงดีและดังมากมายอะไร ถ้าระหว่างถือเครื่องแล้วเผลอเอามือไปบังลำโพงเสียงจะดรอปจนแทบหายไปในทันที และสิ่งที่ควรตระหนักสำหรับผู้ที่เสพติด Netflix เป็นชีวิตจิตใจก็คือ Mi 8 Pro นั้นไม่สามารถดู Netflix ที่ความละเอียด HD ได้ซึ่งก็จะทำให้เสียอรรถรสในการรับชมไป
ถ้าคุณกำลังมองหาสมาร์ทโฟนสำหรับเสพภาพยนตร์และดนตรี สมาร์ทโฟนรุ่นนี้อาจไม่ตอบโจทย์ แต่ถ้าหากคุณกำลังมองหาสมาร์ทโฟนที่มีเทคโนโลยีคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปและเป็นเกมเมอร์ตัวยงที่อยากได้สมาร์ทโฟนดี ๆ ไว้ต่อกรกับผู้เล่นคนอื่น Xiaomi Mi 8 Pro คือสมาร์ทโฟนที่จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง