รีวิว OPPO R17 Pro การกลับมาของผู้นำนวัตกรรม

รีวิว OPPO R17 Pro การกลับมาของผู้นำนวัตกรรม 3

แม้ว่าปีนี้สปอตไลท์จะส่องไปยังเรือธงของทางค่ายอย่าง OPPO Find X แต่การมาของ OPPO R17 Pro กลับมีความน่าสนใจกว่า ในระดับที่เรียกได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนของทางค่ายก็ว่าได้ โดยรุ่นนี้พกนวัตกรรมที่โดดเด่นเกินคาดโดยเฉพาะระบบชาร์จเร็ว SuperVOOC Flash Charge และกล้องที่ทำได้ดีมากทั้งกล้องหน้าและหลัง โดยมีราคาอยู่ที่ 24,990 บาท แต่มีโปรโมชั่นการจองที่มีของแถมและลดราคาเหลือเพียง 9,990 บาท

    • หมายเหตุ
    • เครื่องที่ใช้ทดสอบ เป็นเครื่องก่อนวางขายจริง บางส่วนจึงยังไม่สมบูรณ์หรืออาจแตกต่างจากเครื่องที่วางขาย

ชาร์จเร็วจนตะลึงด้วย SuperVOOC Flash Charge

รีวิว OPPO R17 Pro การกลับมาของผู้นำนวัตกรรม 5
นี่คงเป็นสิ่งที่ตื่นเต้นที่สุดเรื่องหนึ่งของรุ่นนี้ เพราะเดิมที VOOC Flash Charge ก็นับว่าเร็วมากแล้ว แต่สำหรับ SuperVOOC Flash Charge ทำได้เร็วยิ่งกว่าเดิมไปอีก โดยใช้เวลา 10 นาทีก็ชาร์จได้ถึง 40% ซึ่งทำได้เร็วกว่าเดิมเท่าตัวเมื่อเทียบกับ OPPO F9 ที่ใช้เวลา 10 นาทีชาร์จได้ราว 20% ถ้าเทียบอย่างง่ายแล้ว SuperVOOC Flash Charge จะให้ความเร็วในการชาร์จประมาณ 50W

SuperVOOC Flash Charge เป็นระบบที่ชาร์จเร็วที่สุดในเวลานี้ โดยมีการจ่ายไฟเทียบเท่า 50W ซึ่งเยอะกว่า HUAWEI SuperCharge ที่ทำได้ 40W

กล้องดีขึ้นอย่างเหลือเชื่อ

OPPO เป็นที่ยอมรับด้านการถ่าย Selfie แต่หลายคนก็เรียกร้องให้จัดเต็มกล้องหลังบ้าง ซึ่ง OPPO R17 Pro ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะจากการทดสอบต้องบอกว่าทำได้ดีกว่าเรือธงหลายๆ รุ่นเลยด้วย โดยผมได้ทำการทดสอบเทียบกับสุดยอดกล้องมือถือแห่งยุคอย่าง HUAWEI Mate 20 Series โดยเฉพาะที่แสงน้อยที่ OPPO ให้คำนิยามรุ่นนี้ว่า “Seize The Night” ที่หมายถึงความโดดเด่นยามค่ำคืน

รีวิว OPPO R17 Pro การกลับมาของผู้นำนวัตกรรม 7
เบื้องหลังความเก่งอย่างก้าวกระโดดนี้เกิดจากหลายส่วนประกอบกัน โดยใช้รูรับแสง 2 ค่าคือ f/1.5 และ f/2.4 และมีขนาดพิกเซลที่จัดว่าค่อนข้างใหญ่คือ 1.4 μm พร้อมกับกันสั่นแบบ OIS และระบบ Dual-Pixel ซึ่งโดยรวมแล้วต้องบอกว่าเป็นลักษณะเดียวกับ Samsung Galaxy Note 9 แต่จะมี Software รวมถึง AI และการปรับแต่งที่ให้ผลลัพธ์ต่างกัน
นอกจากนี้ยังมีทีเด็ดอีกอย่างคือกล้องหลังที่เป็นเลนส์ TOF 3D ที่ใช้ตรวจจับความลึก โดยกล้องตัวนี้ทำหน้าที่คล้ายตัวที่อยู่บนกล้องหน้าของหลายค่าย ซึ่งกล้องตรวจจับความลึกที่อยู่บนกล้องหน้ามีข้อจำกัดคือวัตถุต้องอยู่ในระยะไม่เกิน 1.2 เมตร แต่ OPPO พัฒนาให้ดีกว่าเดิมแล้วนำมาใช้กับกล้องหลัง เพื่อประมวลผลให้ดียิ่งขึ้น และยังเป็นการรองรับระบบ AR ในอนาคตอีกด้วย

ณ วันที่ทำการทดสอบ TOF 3D ยังไม่เปิดให้ใช้งาน แต่จะมีการอัพเดท OTA ตามมาภายหลัง

สำหรับใครที่ชอบถ่ายไฟล์ RAW ก็ต้องบอกว่ารุ่นนี้ให้ความสำคัญกับส่วนนี้ด้วย โดยไฟล์ RAW HDR จะเป็นแบบที่ไม่ถูกบีบอัด เพื่อให้มีคุณภาพสูงสุด

และเพื่อให้เข้าใจถึงประสิทธิภาพของกล้อง OPPO R17 Pro ได้มากขึ้น ผมเลยเอา HUAWEI Mate 20 X  มาเทียบกัน ซึ่งผลลัพธ์โดยรวมคือ OPPO R17 Pro ให้ภาพที่ดูนุ่มนวลกว่า ส่วน HUAWEI Mate 20 X จัดการเรื่องแสงและเก็บรายละเอียดได้ดีกว่า เรียกได้ว่ามีจุดเด่นจุดด้อยต่างกันไป

หากบอกว่า HUAWEI Mate 20 series คือสมาร์ทโฟนที่กล้องดีที่สุด ก็คงต้องบอกว่า OPPO R17 Pro ทำได้ดีไม่แพ้กัน โดยเฉพาะการถ่ายรูปบุคคลที่แม้จะเป็นรูปปั้นจำลอง ก็ยังไล่สีได้สวย และยังมี Night Mode ที่ถือถ่ายได้โดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้องคล้ายกับที่ HUAWEI ทำได้

รีวิว OPPO R17 Pro การกลับมาของผู้นำนวัตกรรม 9รีวิว OPPO R17 Pro การกลับมาของผู้นำนวัตกรรม 11รีวิว OPPO R17 Pro การกลับมาของผู้นำนวัตกรรม 13รีวิว OPPO R17 Pro การกลับมาของผู้นำนวัตกรรม 15รีวิว OPPO R17 Pro การกลับมาของผู้นำนวัตกรรม 17รีวิว OPPO R17 Pro การกลับมาของผู้นำนวัตกรรม 19รีวิว OPPO R17 Pro การกลับมาของผู้นำนวัตกรรม 21รีวิว OPPO R17 Pro การกลับมาของผู้นำนวัตกรรม 23รีวิว OPPO R17 Pro การกลับมาของผู้นำนวัตกรรม 25รีวิว OPPO R17 Pro การกลับมาของผู้นำนวัตกรรม 27รีวิว OPPO R17 Pro การกลับมาของผู้นำนวัตกรรม 29รีวิว OPPO R17 Pro การกลับมาของผู้นำนวัตกรรม 31รีวิว OPPO R17 Pro การกลับมาของผู้นำนวัตกรรม 33รีวิว OPPO R17 Pro การกลับมาของผู้นำนวัตกรรม 35รีวิว OPPO R17 Pro การกลับมาของผู้นำนวัตกรรม 37รีวิว OPPO R17 Pro การกลับมาของผู้นำนวัตกรรม 39รีวิว OPPO R17 Pro การกลับมาของผู้นำนวัตกรรม 41รีวิว OPPO R17 Pro การกลับมาของผู้นำนวัตกรรม 43รีวิว OPPO R17 Pro การกลับมาของผู้นำนวัตกรรม 45รีวิว OPPO R17 Pro การกลับมาของผู้นำนวัตกรรม 47

สแกนนิ้วบนหน้าจอได้อย่างรวดเร็ว

รีวิว OPPO R17 Pro การกลับมาของผู้นำนวัตกรรม 49

นอกจากการปลดล็อกหน้าจอด้วยรูปแบบที่เราคุ้นชินแล้ว OPPO R17 Pro ยังสามารถปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือด้วยการสแกนบนหน้าจอได้ด้วย การฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้บนหน้าจอ ทำให้มีพื้นที่บนตัวเครื่องมากขึ้น และยังทำให้ฝาหลังสวยงามกว่าเดิมอีกด้วย

ดีไซน์สวยและขนาดกระทัดรัด

รีวิว OPPO R17 Pro การกลับมาของผู้นำนวัตกรรม 51

หน้าจอขนาด 6.4 นิ้วพร้อมกับ Notch แบบ Waterdrop หรือที่เรียกกันว่า “จอหยดน้ำ” ซึ่งเป็นรอยบากแบบที่ OPPO มองว่ากลมกลืนและเกะกะสายตาน้อยที่สุด และยังเพิ่มพื้นที่แสดงผล ทำให้ OPPO R17 Pro มีอัตราส่วนด้านหน้าของตัวเครื่องเป็นส่วนของหน้าจอสูงถึง 91.5% กับความละเอียด FHD+ แบบ AMOLED

รีวิว OPPO R17 Pro การกลับมาของผู้นำนวัตกรรม 53

Snapdragon 710 ที่เล่นเกมดีพอตัว

การที่ OPPO R17 Pro เลือกใช้ชิปเซ็ตอย่าง Snapdragon 710 ที่มี GPU Adreno 616 กับหน่วยความจำภายใน 128GB แรม 8GB ก็ทำให้คนรู้สึกว่าน่าจะเลือกใช้ซีรี่ส์เรือธงอย่าง Snapdragon 845 มากกว่า แต่เราก็เคยเห็นแล้วว่าบางรุ่นที่ใช้ Snapdragon 845 แต่เล่นเกมกระตุกก็มี เพราะความลื่นไหลขึ้นอยู่กับการปรับแต่งหลายส่วนประกอบกัน ดังนั้นเราจะทดสอบการใช้งานจริงด้วยการเล่นเกมเลยดีกว่า

รีวิว OPPO R17 Pro การกลับมาของผู้นำนวัตกรรม 55

จากการทดสอบเล่นเกมดังอย่าง RoV พบว่าเฟรมเรทยังไม่นิ่งเท่าไร แม้ว่าส่วนใหญ่จะวิ่งอยู่ที่ 60 FPS แต่ช่วงบวกรัวนัวกันก็มีหล่นไปที่ราวๆ 44 FPS อยู่บ้าง ส่วนเกม PUBG Mobile ที่ปรับความละเอียดระดับ HD ก็ทำได้ลื่นไหลไม่มีปัญหาอย่างใด

ทีเด็ดสายบอทคือโหมด AFK ที่เปิดเกมทิ้งไว้แต่ลดแสงลงสุด และป้องกันการสัมผัสจอ

สำหรับการเล่นเกมแนวเปิดบอทอย่าง Ragnarok M ก็มีของดีทีเด็ดของค่ายอย่าง AFK mode ที่ทำการเปิดเครื่องให้รันบอทแต่ลดแสงหน้าจอลงสุดเพื่อประหยัดแบตเตอรี่และลดความร้อน และยังป้องกันการเผลอสัมผัสหน้าจออีกด้วย

บทสรุปของ OPPO R17 Pro

หลังจากที่ OPPO ไปเน้นตลาดระดับกลางมานานและเริ่มกลับมาตลาดบนกับ OPPO Find X ก็เริ่มเห็นผลชัดเจนบน OPPO R17 Pro ที่อัดนวัตกรรมด้านชาร์จเร็ว และถ่ายรูปได้ดีแบบคาดไม่ถึงว่าจะได้เห็นจาก OPPO ในปีนี้

ด้านการเล่นเกมก็ทำได้ดีพอตัวเพียงแต่ต้องรอการอัพเดทเพื่อรีดประสิทธิภาพเพิ่มเติม เมื่อเทียบกับราคา 24,990 บาท หลายคนก็มองว่าสูงไป แต่ถ้ามองว่าได้กล้องที่ดีมากๆ และระบบชาร์จที่เร็วสุดๆ ก็ไม่ได้แพงอะไรเลย และยิ่งมีโปรโมชั่น 9,990 บาทอีกก็นับว่าน่าสนใจมาก