จากคราวที่แล้วที่เราได้ UNBOX เจ้า ROG PHONE กันแล้ว คราวนี้เรามาดูกันว่าเมื่อนำมาเล่นเกมจริงๆ มันจะดีขนาดไหน บอกล่วงหน้าเลยว่านี่เป็นมือถือที่อุดมไปด้วยฟีเจอร์สำหรับเล่นเกม สเปกก็จัดเต็มแบบหายห่วง เล่นเกมได้อย่างไม่มีสะดุด
สเปกอลังการสุดๆ เท่าที่จะอลังการได้
เมื่อพูดถึง “มือถือสำหรับเล่นเกม” ก็ต้องพูดถึงสเปกก่อนเลย ซึ่งเจ้า ROG PHONE ก็จัดเต็มสเปกมาแบบอลังการงานสร้างน่าดู
- ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 845 ปรับแต่งพิเศษ 2.96GHz
- แรม LPDDR4X 8GB
- ความจุ 128/512 GB UFS2.1
- หน้าจอ AMOLED 6 นิ้ว FHD+ 18:9 ความเร็วในการตอบสนอง 1 วินาที
สว่าง 550 nits
รองรับ Gaming HDR และ Mobile HDR โดยมีชิปประมวลผลแยก
108.6% DCIP3
100,000:1 contrast ratio
Multi-touch 10 จุด - ลำโพงคู่หน้า แม่เหล็ก 5 ชิ้น พร้อมแอมป์ NXP 9874
ช่องหูฟัง 3.5 มม.
รองรับเสียงระดับ Hi-res
DTS:X Ultra 1.0 - ไมโครโฟน 3 ตัว
- WLAN 802.11a/b/g/n/ac 2.4 & 5GHz
WLAN 802.11ad 60GHz (32 Antennas)
Bluetooth 5.0 - ซิมคู่ รองรับ 4G ทั้ง 2 ซิม
- แบตเตอรี่ 4000mAh AI & scheduled charging for battery protection
- Android Oreo 8.1 + ROG UI
X-Mode โหมดบ้าพลัง
เมื่อเข้า X-Mode เครื่องจะทำการเคลียร์แรมและเตรียมเครื่องให้พร้อมในการเล่นเกมมากที่สุด และเร่งความเร็วซีพียูด้วย สามารถเข้า X-Mode ได้ 2 วิธี
1. กดที่ทางลัดซึ่งอยู่หน้าแรกของเครื่อง
2. บีบเครื่องค้าง จนเครื่องสั่น
เวลาเข้า X-Mode แล้วธีมเครื่องจะปล่อยประกายสีแดงออกมา แสดงถึงพลังที่เพิ่มขึ้น
Game Profiles ปรับค่าเครื่องให้เหมาะสมกับเกมแบบรายเกม แถม Over/Under clock เครื่องได้ด้วย
ใน X-Mode จะมีสิ่งที่เรียกว่า Game Profile อยู่ เอาไว้ตั้งค่าเครื่องให้เหมาะสมกับเกม โดยตั้งค่าได้ตามนี้
- สามารถตั้งค่าให้เครื่องเข้า X-mode อัตโนมัติเมื่อเข้าเกม
- ตั้งให้เคียร์แรมอัตโนมัติก่อนเข้าเกม
- สามารถ Over/Under Clock ซีพียูได้ ซึ่งตรงนี้ถือว่าเด่นมากๆ และถูกใจสายเกมสุดๆ แน่นอน โดยปกติชิปเซ็ต Snapdragon 845 ที่ใช้ใน ROG PHONE มีรอบสัญญาณนาฬิกาสูงสุดที่ 2.8 GHz แต่ ROG Phone สามารถ Overclock ไปถึง 2.96 GHz ได้เลยทีเดียว แต่ถ้าเกมไหนที่อยากเล่นแบบชิลๆ ก็สามารถลด Clock ลงมาได้ถึง 2.09 GHz เพื่อประหยัดแบตและลดความร้อนได้
- สามารถปรับ Refresh rate ของหน้าจอได้ โดยมีให้เลือกระหว่าง 90 Hz และ 60 Hz ซึ่งการใช้ Refresh rate สูงๆ ทำให้การเคลื่อนไหวของอนิเมชั่นสมูทกว่า แต่ก็กินแบตเพิ่มขึ้นเช่นกัน
- Anti Aliasing ลดความเหลี่ยม ความหยักของกราฟิก ทำให้กราฟิกสวยงามขึ้น
- ปิดการแจ้งเตือนต่างๆ ทั้งหมด จะได้เล่นเกมได้อย่างไม่มีอะไรรบกวนใจ
ปรับแสงไฟที่ด้านหลังเครื่องได้อย่างอิสระ
อีกจุดเด่นที่แสดงความเป็น Gaming Gear ของ ROG PHONE คือไฟ LED ด้านหลังเครื่องที่สามารถปรับแต่งได้ตามใจ สามารถปรับแยกได้ระหว่างโหมดธรรมดาและ X-Mode ว่าจะให้ไฟแสดงผลอย่างไร โดยเลือกได้ว่าจะให้เปิดค้างไว้, ไฟ Breathing, Strobing หรือจะให้ค่อยๆ เปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ ก็ยังได้ และหากเรามีเพื่อนที่ใช้ ROG PHONE เหมือนกัน เราสามารถให้ซิงก์ไฟให้เหมือนกันได้ด้วย
Game Genie ผู้ช่วยในการปรับค่าเครื่องเวลาเล่นเกม
เมื่อเข้าหน้าเกมแล้วเราต้องการตั้งค่าเครื่องนู่นนั่นนี่ เราไม่จำเป็นต้องออกจากหน้าเกมเพื่อไปปร้บ เพียงแค่สไลด์แถบนำทางออกมาจากด้านข้างเครื่อง จะมีปุ่มพิเศษรูปจอยเกมเพื่อเข้าหน้า Game Genie โดยจะเหมือนเป็น Control Panel สำหรับตั้งค่าที่จำเป็นในการเล่นเกมได้
ใน Game Genie ยังมีฟีเจอร์หนึ่งที่น่าสนใจมากคือ Real-time info ที่จะบอกสถานะต่างๆ ของเครื่องไม่ว่าจะเป็นการทำงานของ CPU, GPU ความร้อนของเครื่อง และเฟรมเรท เรียกว่าถูกใจสายเกมแน่นอน
AirTriggers ทริกเกอร์ล่องหน ปรับได้ดังใจ
สำหรับนักเล่นเกมแนว Battle Royale การบังคับเดินและยิงปืนไปด้วยไม่ใช่เรื่องง่าย หลายคนเลยมักจะซื้อตัว Trigger มาใช้เพื่อให้เล่นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่สำหรับ ROG PHONE มี Trigger ติดมากับบเครื่องเลย โดยใช้การรับคำสั่งด้วยคลื่นความถี่สูงผ่านขอบเครื่อง จึงไม่ต้องมีปุ่ม เพียงแค่แตะที่ขอบเครื่องเท่านั้น เราสามารถกำหนดตำแหน่งบนหน้าจอให้ทัชเวลากด Trigger ได้ และเครื่องจะจำตำแหน่งนั้นให้อัตโนมัติทุกครั้งที่เปิดเกม สำหรับเกมดังๆ บางเกมจะมีการเซ็ตตำแหน่งมาให้อัตโนมัติเลยด้วย ตัวทริกเกอร์ตอบสนองได้ว่องไวและแม่นยำมาก ใช้งานได้สะดวก ไม่บังหน้าจอ
Macro การทัชก็ได้
สำหรับใครที่ไม่รู้จักฟีเจอร์ Macro มันคือการสั่งให้เครื่องกดคำสั่งต่างๆ ตามที่เราตั้งไว้ล่วงหน้าโดยกดคีย์ลัดแค่ปุ่มเดียวเท่านั้น ปกติฟีเจอร์นี้จะมีในพวกคีย์บอร์ด Gaming Gear แต่ ROG PHONE ได้นำฟีเจอร์นี้มาอยู่ในมือถือด้วย โดยสามารถบันทึกการทัชของเราและสั่งให้เครื่องทำตามได้เลย
บันทึกหน้าจอและไลฟ์สตรีมได้อย่างมืออาชีพ
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่จะมาตอบสนองเหล่า Game Caster ได้เป็นอย่างดีคือฟีเจอร์บันทึกวิดีโอหน้าจอ ที่จะบันทึกทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนหน้าจอ โดยสามารถบันทึกวิดีโอของเราผ่านกล้องหน้าได้ด้วย สำหรับแหล่งเสียงก็สามารถเลือกได้ว่าจะใช้เสียงจากในตัวเครื่องหรือเสียงจากไมโครโฟน หากใครต้องการไลฟ์สด เจ้า ROG PHONE ก็สามารถไลฟ์สตรีมหน้าจอของเราได้เช่นกัน โดยปัจจุบันรองรับ YouTube และ Twitter
หน้าจอ HDR ที่สามารถอัปเกรดการแสดงผลได้ทุกๆ หน้าจอ
เมื่อพูดถึงจอมือถือปัจจุบัน จอต้องรองรับการแสดงผลแบบ HDR (High Dynamic Range) ที่ให้สีสันที่สมจริงกว่า แต่จะเห็นผลก็ต่อเมื่อเปิดคอนเทนต์ที่รองรับ HDR เท่านั้น สำหรับ ROG PHONE ไม่มีข้อจำกัดนั้นเพราะว่ามันสามารถอัปเกรดทุกหน้าจอการแสดงผลเป็น HDR อัตโนมัติได้แบบ Real-time เลย ไม่ว่าจะเป็นดูหนัง เล่นเกม หรือใช้งานทั่วไปก็ได้
ระบบเสียงแบบจัดเต็ม
ROG PHONE มาพร้อมลำโพงแบบลำโพงคู่ด้านหน้า ให้มิติเสียงที่ดีกว่าวางลำโพงที่ตำแหน่งอื่นๆ และเวลาเล่นเกมมือจะไม่ไปอุดช่องลำโพงด้วย หรือถ้าจะเปลี่ยนมาใช้หูฟัง ROG PHONE ก็ยังมาพร้อม DTS:X Ultra 1.0 ที่ให้ระบบเสียงรอบทิศทาง 7.1 แชแนล
ระบบระบายความร้อน GameCool พร้อมอุปกรณ์เสริมให้เครื่องเย็นถึงใจ
สเปกแรงขนาดนี้
แน่นอนว่าเครื่องต้องร้อนแรงตามแน่นอน ASUS
จึงได้พัฒนาระบบระบายความร้อนพิเศษมาเพื่อ ROG PHONE โดยเฉพาะ
มีทั้งแผ่นทองแดงช่วยกระจายความร้อน แผ่นคาร์บอนช่วยระบายความร้อน และ 3D Vapor Chamber ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว ทำให้เครื่องสามารถเค้นประสิทธิภาพได้อย่างเต็มที่ตลอดเวลา
และหากยังไม่สะใจ เราสามารถติดตั้งอุปกรณ์เสริม Aero Active Cooler ระบบระบายความร้อนด้วยพัดลม 4 ตัวช่วยลดอุณหภูมิตัวเครื่องได้มากที่สุดถึง
4.7 องศาเซลเซียส แถมอุปกรณ์เสริมตัวนี้ยังมีพอร์ต USB Type-C สำหรับชาร์จและช่องหูฟังมาให้ด้วย ทำให้เราสามารถเสียบชาร์จและเสียบช่องหูฟังจากตำแหน่งกึ่งกลางเครื่อง ไม่ไปเกะกะมือเวลาเล่นเกม
ตรงนี้ผมขอแทรกเรื่องพอร์ตชาร์จนิดนึง พอร์ตพิเศษตรงกลางเครื่องนี้ ปกติเราสามารถเสียบชาร์จได้อยู่แล้วโดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งพัดลมก่อน สำหรับเวลาที่เราติดตั้งพัดลมเข้าไป เรายังสามารถเสียบชาร์จและเสียบช่องหูฟังได้ที่ตูดเครื่องเหมือนปกติ ไม่จำเป็ต้องเสียบที่ตัวพัดลมเสมอไป แต่จะทำงานได้ทีละช่องเท่านั้น หมายความว่าถ้าเอาหูฟังมาเสียบ 2 คู่ ก็จะมีเสียงออกมาแค่คู่เดียว
กลับมาพูดถึงความร้อนกันต่อ ถามว่า ROG PHONE ร้อนไหม? บอกเลยว่าร้อน เมื่อดูข้อมูลจาก Real-time info ของเครื่อง พบว่าเครื่องพยายามรักษาอุณหภูมิไม่ให้เกิน 43 องศา ซึ่งบางครั้งก็รู้สึกได้เลยว่าร้อนมือ แต่การเล่นเกมยังลื่นไหลไม่มีกระตุกเหมือนเดิม
ทดสอบด้วยการเล่นเกม
พล่ามสรรพคุณมายาวพอละ เรามาดูกันว่าเมื่อจับ ROG PHONE มาลงสนามจริงจะเป็นอย่างไรบ้าง
RoV
สำหรับเกมแรกที่เราจะลองคือเกมแนว MOBA ยอดนิยม RoV นั่นเอง ซึ่ง ROG PHONE ก็เอาอยู่สบายๆ แม้จะปรับกราฟิกสุดทุกอย่าง เฟรมเรทก็ยังคงที่อยู่ที่ 60 FPS สบายๆ มีหล่นไป 58-59 FPS บ้าง แต่เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ไม่ถึงวินาที ไม่เห็นความแตกต่างในการเล่นใดๆ แถมตอนโหลดเกมก็โหลดครบ 100% ก่อนใครอีกด้วย
Asphalt 9: Legends
เกมถัดมาคือเกมแข่งรถ Asphalt 9: Legends ที่ยังสามารถเปิดกราฟิกระดับสูงสุดและเล่นได้ลื่นไหลโดยเฟรมเรทไม่ตก แม้จะเป็นฉากปะทะกันของรถหลายคันก็ไม่มีปัญหา
Life is Strange
เกมถัดมาเป็นเกมแนว Episodic Graphic Adventure ที่พอร์ตมาจาก PS4 ฟีเจอร์ Anti Aliasing ได้โชว์ความสามารถในเกมนี้ได้ดีมาก กราฟิกมีความเหลี่ยมๆ หยักๆ ลดลงชัดเจน
PUBG Mobile
เกมแนว Battle Royale ที่ได้รับความนิยมในไทย เมื่อเปิดกราฟิกสูงสุดก็ยังสามารถเล่นได้โดยเฟรมเรทเกาะอยู่ประมาณ 40 FPS ตลอดเวลา แม้แต่ฉากกระโดดร่มที่เฟรมเรทมักจะตกยังไม่มีปัญหาใดๆ แถมพอมี AirTriggers ยิ่งทำให้การเล่นเกมแนวนี้ง่ายขึ้นเยอะ
Free Fire
เกมนี้เป็นเกมที่อยู่ในโฆษณาของ ROG PHONE เลยทีเดียว แน่นอนว่าสามารถเปิดกราฟิกสูงสุดเล่นได้อย่างไม่มีปัญหาเช่นกัน
Honkai Impact 3rd
อีกหนึ่งเกมกราฟิกสวย เกมนี้ยังสามารถเปิดกราฟิกสูงสุดโดยเฟรมเรทไม่ตกเช่นเคย โดยจะมีปัญหาบ้างเวลาต้องดาวน์โหลดฉากใหม่ แต่ดูเหมือนจะเป็นปัญหาของตัวเกมมากกว่าสเปกเครื่องแรงไม่พอ
Ragnarok M: Eternal Love
ต่อขึ้นจอ เสียบเมาส์เสียบคีย์บอร์ดได้ พร้อม Key Mapping ในตัว
อีกฟีเจอร์ที่ผมได้ลองใช้คือการต่อ ROG PHONE ขึ้นจอและเสียบเมาส์กับคีย์บอร์ด เพื่อให้ได้ประสบการณ์เล่นเกมแบบเต็มรูปแบบ โดยในครั้งนี้ผมใช้ Professional Dock ของ ROG PHONE มาพร้อมกับพอร์ตดังนี้
- 2 x USB 3.1 Type-A
- 1 x USB 3.1 Type-C (DC & digital)
- 1 x HDMI
- 1 x RJ-45 Gigabit Ethernet
วิธีใช้งานคือเสียบ Dock เข้ากับพอร์ตกลางเครื่องของ ROG PHONE จากนั้นต่อเมาส์ คีย์บอร์ด ต่อ HDMI จาก Dock เข้าจอทีวี แล้วก็เสียบสายชาร์จเข้ากับ Dock ด้วย เพียงแค่นี้ก็พรอ้มใช้แล้ว ไม่ต้องตั้งค่าใดๆ ทั้งสิ้น
สำหรับการเล่นเกม ROG PHONE มีฟีเจอร์ Key mapping มาในตัว ไม่ต้องหาโปรแกรมเสริมใดๆ แถมฟังก์ชั่นก็ครบครัน มีทั้ง D-Pad คลิกซ้าย/ขวา รวมถึงการแพนเมาส์เพื่อหันทิศทาง (ปรับ Sensitivity ได้ด้วย) สามารถใช้เล่นเกมจำพวก Battle Royale แบบ PUBG ได้อย่างเต็มรูปแบบ
นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์เสริมตัวอื่นๆ ที่ผมยังไม่ได้ลองอีก อย่างเจ้านี่คืออุปกรณ์เสริม TwinView Dock จอที่ 2 พร้อมลำโพงและแบตเตอรี่อีก 6,000 mAh ให้คุณเล่นเกมได้ 2 จอ หรือจะเล่นเกมหนึ่งจอ แชทอีกหนึ่งจอก็ได้
และยังมี ASUS WiGig สามารถฉายภาพขึ้นจอได้แบบไร้สาย แถมยังสามารถเชื่อมต่อจอย Gamevice พร้อมกันได้อีกด้วย ให้อารมณ์เหมือนเล่นเกมคอรโซล
ASUS ROG PHONE เป็นสมาร์ทโฟนที่ถูกสร้างมาเพื่อการเล่นเกม นอกจากสเปกที่จัดเต็มแล้วยังอัดแน่นด้วยฟีเจอร์สำหรับเล่นเกม ไม่ว่าจะเป็น X-Mode ที่ช่วยเร่งประสิทธิภาพ ระบบระบายความร้อนที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ Game Genie ที่ให้คุณปรับแต่งเครื่องให้เหมาะสมแต่ละเกม รวมถึอุปกรณ์เสริมอีกมากมายหลายชิ้น สำหรับพาร์ทหน้าเราจะมาดูกันว่าในแง่การใช้งานทั่วไป ROG PHONE จะตอบโจทย์เราได้ขนาดไหน
