รีวิว HUAWEI Mate 20 Pro สมาร์ทกว่าสมาร์ทโฟนที่เคยมีมา
อ้างอิงสถิติแล้วคงปฏิเสธไม่ได้ว่าช่วงปีที่ผ่านมา HUAWEI คือแบรนด์สมาร์ทโฟนที่โดดเด่นที่สุด ด้วยยอดขายที่พุ่งทะยานโกยส่วนแบ่งระดับโลกอย่างรวดเร็ว มาถึงตอนนี้ HUAWEI Mate 20 Pro ก็นำเสนอสิ่งที่ยกระดับวงการอีกครั้ง และเป็นค่ายเดียวที่ Google ขึ้นเวทีการันตรีประสบการณ์ใช้งาน เรียกได้ว่านาทีนี้ไม่มีใครครบเครื่องเกิน HUAWEI Mate 20 series อีกแล้ว
HUAWEI Mate 20 series คือการต่อยอดความสำเร็จจาก HUAWEI P20 series ในแบบที่ของเดิมมีอะไรตอนนี้ก็มีและดีกว่า นับว่าเป็นแบรนด์หัวแถวรายเดียวที่ Google ขึ้นเวทีเพื่อบอกว่ามีการปรับแต่งระบบได้น่าใช้ และเป็นไปตามมาตรฐานของ Android สองปีติด นอกจากนี้ Android 9 เป็นการขับเคลื่อนด้วย AI อย่างเต็มตัว นั่นทำให้ HUAWEI ที่วางรากฐานด้าน AI มานานกว่าสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นจึงได้เปรียบกว่า
ประกอบกับการพัฒนา Hardware อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะชิปเซ็ต SoC Kirin ที่ช่วงแรกถูกตั้งคำถามเรื่องประสิทธิภาพ แต่ก็พัฒนาและพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีดีพอที่จะแย่งชิงเบอร์หนึ่งของศึกสมาร์ทโฟน โดยเฉพาะ Kirin 980 ที่เป็นไปตามมาตรฐานของ ARM และเป็นรายแรกที่ใช้สถาปัตยกรรมที่ใหม่กว่า
เมื่อรวมด้าน Hardware ที่มาแรงเข้ากับ Software ที่ดีแบบ Google การันตี นั่นหมายถึงสมาร์ทโฟนที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดในเวลานี้ ที่เราสามารถสัมผัสได้จริง
ต่อยอดความโดดเด่นด้านกล้อง
เมื่อตอนเปิดตัว HUAWEI P20 series ก็สร้างความโดดเด่นด้านการถ่ายรูป โดยเฉพาะการซูมและ Night mode ที่ไม่ต้องใช้ขาตั้ง ซึ่งยังไม่มีค่ายไหนทำได้นอกจาก HUAWEI พอเป็น HUAWEI Mate 20 series ก็เป็นการต่อยอดขึ้นไปอีกขั้น ซึ่งตรงนี้สามารถอ่านรายละเอียดเชิงเทคนิคได้จากบทความก่อนหน้านี้
ความต่างในการใช้จริงไม่อิงสเปก
สิ่งแรกที่หลายคนอยากรู้คือกล้องของ HUAWEI Mate 20 และ Mate 20 Pro รวมถึง P20 Pro ต่างกันมากน้อยแค่ไหน จากการทดสอบใช้งานจริงในแบบฉบับของผู้ใช้ทั่วไป พบว่ามีผลลัพธ์ที่ต่างกันเล็กน้อย ซึ่งตรงนี้ขึ้นอยู่ความชอบส่วนบุคคลว่าถูกใจสีสันแบบไหน
- หมายเหตุ
- การทดสอบเปรียบเทียบนี้เป็นการถือถ่ายทั้งหมดโดยไม่ใช้ขาตั้ง อาจมีแสงและมุมต่างกันเล็กน้อย โดยเลือกรุ่นอ้างอิงที่เข้าใจง่ายที่สุดคือ iPhone และสาเหตุที่เทียบกับ iPhone X เพราะ ณ วันที่ทำการทดสอบ iPhone XS ยังไม่วางขาย
แม้ว่าภาพจะออกมาดูดีในแทบจะทุกสถานการณ์ แต่บางคนก็มองว่า HUAWEI เร่ง Sharpen เกินไป ทำให้ภาพดูคมจนขาดความเป็นธรรมชาติ
โบ้เก้ที่เลือกได้หลากหลายยิ่งขึ้น
โบเก้เป็นอีกสิ่งที่หลายคนชื่นชอบ และครั้งนี้ HUAWEI ได้เพิ่มตัวเลือกของโบเก้เป็น 5 แบบได้แก่ None, Circles, Hearts, Swirl, Discs และใช้งานได้ง่ายเพียงแค่เลือกรูปแบบก่อนเริ่มถ่าย
ข้อดีก็คือ HUAWEI เป็นรุ่นที่ถ่าย Portrait ได้ง่ายมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ค่อยมีปัญหากับระยะความใกล้ไกลในการถ่าย ทำให้ได้ภาพโบเก้สวยๆ แบบที่ใครก็ถ่ายได้ ซึ่งใช้ได้ทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า
เก็บภาพได้มากกว่าด้วยมุมกว้าง Ultra Wide
เดิมที HUAWEI P20 Pro ก็สร้างเสียงฮืฮฮาด้วยการซูมที่ไกลและคมชัดกว่ารุ่นอื่น มาถึงตอนนี้ HUAWEI ก็ได้ตอบสนองความต้องการของแฟนๆ ด้วยการใส่มุมกว้างมาให้ในตัว แบบที่ไม่ต้องหาเลนส์เสริมมาใส่เพิ่ม ซึ่งมุมกว้างแบบ Ultra Wide เหมาะสำหรับเก็บภาพวิวหรือถ่ายในห้องแคบๆ
และที่เด็ดกว่านั้นก็คือมุมกว้าง Ultra Wide สามารถใช้กับโหมดเด่นๆ ได้อย่างเช่น Night Mode อันเลื่องชื่อ รวมถึงการถ่ายวิดีโอที่ได้มุมกว้างยิ่งกว่า และการถ่ายมุมกว้าง Ultra Wide ด้วย Night Mode ได้ นับเป็นการทลายข้อจำกัดของมุมกว้างบนสมาร์ทโฟน ที่ส่วนใหญ่มุมกว้างจะให้คุณภาพที่แย่โดยเฉพาะที่แสงน้อย แต่สำหรับ HUAWEI มีการประมวลผลออกมาได้น่าประทับใจ
ปรกติแล้วเลนส์ที่มุมมองกว้างมากๆ จะมี Distortion หรือขอบโค้งทำให้ภาพดูเบี้ยว แต่จะเห็นได้ว่า Ultra Wide ของ Mate 20 series ให้ภาพค่อนข้างตรงกับความเป็นจริง
มุมกว้าง Ultra Wide มีการประมวลผลแก้ไข Distortion ในตัว ทำให้ภาพที่ออกมามีความผิดเพี้ยนน้อย
ถ่ายได้ใกล้กว่าด้วย Super Macro ด้วยระยะเพียง 2.5 ซม.
นับเป็นอีกจุดเด่นที่น่าสนใจมาก เพราะสมาร์ทโฟนทั่วไปมีระยะโฟกัสใกล้สุดที่ประมาณ 10 ซม. แต่สำหรับ Mate 20 series สามารถได้ถ่ายใกล้ถึง 2.5 ซม. โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมเลย
จัดการมัวเร่และแสงสีได้ดี
ปัญหาหนึ่งของกล้องบนสมาร์ทโฟนก็คือ Moiré Pattern จำพวกตารางที่เป็นลายๆ เมื่อถ่ายรูปพวกนี้ก็จะเกิดริ้วๆ อย่างเช่นบนหน้าจอกระดานต่างๆ
แม้ว่าภาพถ่ายจาก HUAWEI Mate 20 Pro จะยังมีปัญหา Moiré Pattern แต่ก็ถือว่าทำได้ดีมากเมื่อเทียบในระดับสมาร์ทโฟนด้วยกัน และเมื่อบวกกับการจัดแจงแสงสีและมุมมอง Ultra Wide ก็ทำให้สามารถเก็บภาพบรรยากาศในช่วงเวลาสำคัญได้
ตัวอย่างภาพถ่าย
นี่คือภาพตัวอย่างบางส่วนที่ได้จากการหยิบ HUAWEI Mate 20 Pro ถ่ายไปเรื่อย ในแบบฉบับการใช้งานทั่วไปที่ใครๆ ก็ถ่ายได้
กล้องที่มากกว่าการถ่ายรูป
แอพกล้องของ HUAWEI มีระบบ HiVision ที่ใช้กล้องประมวลผลอื่นๆ ได้แก่
- QR Code สำหรับสแกน QR
- Translate แบบที่ส่องกล้องแล้วแปลภาษาให้ทันที
- Shopping ถ้าเห็นอะไรแล้วอยากได้ ก็แค่ส่องกล้องแล้วสั่งซื้อ
- Identify ค้นหาข้อมูลจากสิ่งที่เห็น
HiVision มีความคล้ายกับบริการของ Google เช่นการแปลภาษาคล้าย Google Translate ส่วน Identify คล้ายกับ Google Lens แต่มีคุณสมบัติปลีกย่อยที่ต่างกัน
การแปลภาษา ณ วันที่ทำการรีวิวยังไม่รองรับภาษาไทย โดยมีภาษาที่รองรับคือ อังกฤษ, ญี่ปุ่น, เกาหลี, สเปน, ฝรั่งเศส, รัสเซีย, อิตาลี่, เยอรมันนี, โปรตุเกส, จีน ส่วนวิธีใช้ก็แค่ส่องกล้องไปยังข้อความที่ต้องการแปล แล้วข้อความที่ถูกแปลก็จะ Replace แทนที่บนภาพต้นฉบับทันที
ถ้าใจร้อนอยากให้แปลไทยได้ด้วย แนะนำว่าให้โหลด Google Translate มาใช้ แต่ Google Translate ก็มีเงื่อนไขเล็กๆ ตรงที่การแปลเป็นภาษาไทยจะต้องระบุภาษาต้นทางเอง ยังไม่สามารถใช้ระบบ Auto-Detect Language ได้
การส่องแล้วซื้อของก็จะเป็นการค้นหาสินค้าจาก ecommerce ต่างๆ โดยตอนนี้ยังไม่รองรับ Platform ในไทย แต่อยู่ระหว่างการพัฒนาร่วมกับ Lazada และ Shopee
จากการทดสอบส่องกล้องไปยังหุ่น Minion ตัว HiVision ก็ทำการค้นหาและพบข้อมูลจาก Tesco Direct และ Amazon เมื่อกดเข้าไปก็จะเป็นหน้าเว็บสำหรับสั่งซื้อสินค้า
ส่วนของการ Identify เป็นการค้นหาข้อมูลของวัตถุ เท่าที่ได้ทดสอบพบว่า HiVision ใช้ฐานข้อมูลในการค้นหารูปภาพจาก Microsoft และในกรณีที่เป็นอาหารก็จะใช้ฐานข้อมูลแคลอรี่จาก Azumio
ในการใช้งานจริงต้องบอกว่าการ Identify ยังทำได้ไม่แม่นยำเท่าไรนัก โดยเฉพาะการวิเคราะห์แคลอรี่ของอาหาร เนื่องจากความเป็นจริงแล้วเมนูอาหารทั่วโลกมีหลากหลายมาก นั่นทำให้การ Identify ใช้งานได้ระดับหนึ่งเท่านั้น
3D Emoji และ AR Live Model
HUAWEI Mate 20 series ทุกรุ่นสามารถทำ 3D Emoji ด้วยกล้องหน้าได้ แต่สำหรับ Mate 20 Pro ที่มีเซ็นเซอร์วัดความลึกก็จะตรวจจับได้ละเอียดกว่า ในระดับที่สามารถจับการเคลื่อนไหวของลิ้นได้ด้วย
และนอกจากนี้ยังสามารถถ่าย AR Live Model โดยการสแกนตุ๊กตาหรือโมเดลของเล่น จากนั้นนำมาประมวลผลให้กลายเป็น AR ที่ขยับได้ แต่เครื่องที่ผมได้มาทดสอบก่อนวางขายจริงยังไม่มีโหมดนี้ครับ
ปฏิวัติการถ่ายวีดีโอด้วย AI Cinema
HUAWEI Mate 20 series ทุกรุ่นสามารถถ่ายวีดีโอแบบ AI Cinema ได้ ซึ่งสามารถประมวลผลได้แบบ Real-time โดยมีคุณสมบัติเด่นคือการดูดสีพื้นหลังออกจากคลิปวีดีโอ และโหมดวีดีโอโบเก้ที่สามารถถ่ายวีดีโอแบบหน้าชัดหลังเบลอได้ นอกจากนี้ยังสามารถถ่ายคลิปวีดีโอในอัตราส่วน 21:9 ซึ่งเป็นอัตราส่วน Cinema ได้อีกด้วย ซึ่งโดยรวมแล้วทำได้ดีแต่ก็มีบางจังหวะที่ประมวลผลคลาดเคลื่อน
อีกส่วนหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ AI Zoom โดยเราสามารถเลือกล็อกโฟกัสไว้ที่เป้าหมาย จากนั้นกล้องจะพยายามซูมเข้าหรือซูมออก เพื่อให้เป้าหมายอยู่ในเฟรมตลอดเวลา และเท่าที่ได้ทดสอบ AI Zoom ก็พบว่าทำได้ค่อนข้างดี แต่การซูมยังเป็นแบบ Step ทำให้คลิปไม่ Smooth เท่าที่ควร
นอกจากนี้ยังมี AI Video Editor ที่ให้เราเลือกใบหน้าบุคคลที่อยู่ในคลิป แล้วระบบจะตัดต่อคลิปสั้นๆ ให้อัตโนมัติ ซึ่งเบื้องหลังการทำงานส่วนนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง GoPro Quik กับ HUAWEI AI
AI ให้เลือกว่าจะตัดต่อคลิปของใคร |
เลือกตัดต่ออัตโนมัติในความยาวที่ต้องการ |
หลังจากที่ปล่อยให้ AI ทำการวิเคราะห์ใบหน้าบุคคลในคลิป และส่งต่อหน้าที่การตัดต่อให้ Quik ผลที่ได้ก็จะเป็นคลิปสั้นๆ สวยๆ แบบนี้ครับ
ในกรณีที่ตัวคลิปไม่มีการวิเคราะห์ใบหน้าเพื่อนำมาตัดต่ออัตโนมัติ ให้กดเข้าไปในหน้าคลิปแล้วปัดขึ้นเพื่อทำการ Analysis วิเคราะห์หาใบหน้าและช่วงเวลาที่ตัดต่อออกมาสวยงามที่สุด
คะแนน AnTuTu นำเป็นอันดับหนึ่ง
สำหรับคนที่ชอบดูคะแนนเยอะๆ บนตาราง ก็ต้องบอกว่า HUAWEI Mate 20 Pro มีดีพอที่จะแซงนำขึ้นไปเป็นอันดับหนึ่งบนตาราง AnTuTu โดยโหมดความเร็วปรกติได้คะแนนประมาณ 227,700 และเมื่อเปิดโหมดประสิทธิภาพก็จะได้คะแนนราว 301,100
อย่างไรก็ตาม ผมย้ำอยู่เสมอว่าคะแนน Benchmark ไม่ได้บ่งบอกถึงความลื่นไหลเสมอไป เพราะในความเป็นจริงยังมีเรื่องอื่นๆ เช่น การ Optimize Software และด้าน AI ซึ่งความน่าสนใจก็คือ HUAWEI Mate 20 series ได้รับคำชมจาก Google อีกด้วยว่าเป็นการเติมเต็ม Android ให้มีประสบการณ์ใช้งานที่ดี นั่นหมายความว่าได้คะแนนเยอะ และยังให้ประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานจริงอีกด้วย
ถ้ายังคาใจเรื่องข่าวการโกงคะแนน ผมแนะนำให้อ่านบทความนี้ ซึ่งสรุปง่ายๆ ก็คือ HUAWEI สามารถใช้งานจริงได้เร็ว ต่างจากการโกงในยุคก่อนของบางรุ่นที่คะแนนเยอะแต่ใช้จริงช้า
สาเหตุที่โดนข้อหาโกงคะแนนเพราะมีการปรับแต่งประสิทธิภาพให้เหมาะสมกับแต่ละแอพ ซึ่งตรงนี้ผิดกฎของบริษัท Benchmark แต่แบรนด์อื่นๆ ในยุคนี้ก็ทำกัน โดย OPPO ให้เหตุผลในทำนองเดียวกันคือ การปรับความเร็วให้แต่ละแอพส่งผลให้ใช้จริงแล้วเครื่องลื่นไหล
และเพื่อให้เป็นไปตามกฎกติกา HUAWEI จึงเพิ่ม Performance Mode ให้ผู้ใช้เลือกได้เอง ซึ่งแบบนี้ไม่ผิดเงื่อนไขของบริษัท Benchmark
Google ชมระบบของ HUAWEI สองปีติดกัน
ถ้าใครได้เล่นสมาร์ทโฟนเยอะๆ จะรู้ว่า Hardware ไม่ใช่ทุกสิ่งและ Benchmark ไม่ได้บ่งบอกว่าใช้งานจริงจะดีเสมอไป เพราะยังมีส่วนของการประมวลผลอื่นๆ โดยเฉพาะ Software ที่มีผลอย่างมากในการใช้งานจริง ซึ่ง HUAWEI เองก็ร่วมมือกับ Google มาตั้งแต่ HUAWEI P20 | P20 Pro โดยครั้งนั้นทาง Google ได้เน้นพูดถึงเรื่อง AI และระบบของ HUAWEI ที่รีดประสิทธิภาพและเป็นไปตามแนวทางของ Android ที่ดี
และในครั้งนี้ Google ได้บอกว่า HUAWEI Mate 20 series ทุกรุ่นจะได้ Android 9 Pie เป็นกลุ่มแรก ซึ่งเวอร์ชั่นนี้จะเป็นการปลดปล่อยพลังด้าน AI และเมื่อ Android 9 ทำงานร่วมกับ EMUI ของ HUAWEI ก็จะทำให้มีประสิทธิภาพและคุณสมบัติที่โดดเด่น
จากการใช้งานมาระยะหนึ่งพบว่าเครื่องลื่นไหลมาก ไม่ว่าจะเป็น UI ต่างๆ หรือการเรียกใช้งานแอพ อาจบอกได้ว่าลื่นพอๆ กับกลุ่มของ Google Pixel เลยทีเดียว แม้กระทั่งการเล่นเกมอย่าง RoV ก็ให้เฟรมเรทค่อนข้างนิ่งอยู่ที่ 60 FPS
หน้าจอสีสันสวยงามพร้อมกับขอบจอแบบโค้ง
HUAWEI Mate 20 Pro แตกต่างจากรุ่นอื่นในซีรี่ส์ตรงที่มีหน้าจอความละเอียด 2K แบบ OLED และเป็นขอบโค้ง ซึ่งขอบโค้งมีผลดีในแง่ความสวยงาม ดูมีความสมดุลทั้งด้านหน้าและหลัง และยังไม่มีขอบจอ (Bezel) อีกด้วย ทำให้ตัวเครื่องมีขนาดเล็กและได้หน้าจอที่ใหญ่
แต่ถ้าคุ้นเคยกับหน้าจอแบบดั้งเดิม ก็คงต้องบอกว่าจอโค้งใช้งานค่อนข้างยาก เพราะอุ้งมืออาจโดนขอบจอเวลาถือเครื่อง นั่นทำให้เราไม่สามารถสัมผัสจอเพื่อสั่งงาน เพราะตัวเครื่องมองอุ้งมือเราเป็นการสัมผัสจอไปแล้ว รวมถึงขอบโค้งยังทำให้พิมพ์ยากอีกด้วย ต้องใช้เวลาในการปรับตัวสักพัก
ด้านสีสันและความละเอียดจัดว่าทำได้ดีมาก สมกับที่ผ่านมาตรฐานของ YouTube Signature Devices ซึ่งเป็นมาตรฐานที่บ่งบอกว่าสามารถดู YouTube ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเงื่อนไขมีดังนี้
- รองรับวิดีโอ High Dynamic Range (HDR) ซึ่งจะให้รายละเอียดและแสงสีที่สมจริงกว่า
- รองรับวิดีโอ 360 องศา
- สามารถถอดรหัสวิดีโอ 4K ได้ซึ่งจำเป็นสำหรับเทคโนโลยี VR
- รองรับวิดีโอเฟรมเรทสูง (60 fps ขึ้นไป)
- รองรับการถอดรหัสวิดีโอ VP9 ด้วย Hardware
- รองรับ DRM สำหรับภาพยนตร์ที่ซื้อและเช่าผ่าน Google
นอกจากนี้ยังรองรับโหมดสีแบบ Natural tone ที่จะปรับอุณหภูมิสีของจอให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมรอบข้าง ให้คล้ายกับแสงสีที่ได้จากกระดาษสีขาว
ลำโพงคู่ที่เสียงดังและคุณภาพระดับ Dolby Atmos
HUAWEI Mate 20 Pro เป็นลำโพงคู่แบบล่องหน โดยเสียงจะออกมาจากช่องเสียบ USB-C ด้านล่าง ส่วนเสียงด้านบนออกมาจากลำโพงที่ใช้ฟังโทรศัพท์ ซึ่งเสียงที่ได้ค่อนข้างดังและรายละเอียดดี
ความปลอดภัยระดับ Android Enterprise
HUAWEI Mate 20 Pro มีเซ็นเซอร์สำหรับกล้องหน้าที่เยอะกว่ารุ่นอื่นในซีรี่ส์ ทำให้มีความแม่นยำในการตรวจจับใบหน้ายิ่งขึ้น และสามารถตั้งค่า “ต้องมองจอ” เพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้นอีกระดับ
ส่วนการสแกนนิ้วบนหน้าจอถูกปรับปรุงขึ้นจาก HUAWEI Mate RS ให้แม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งรวดเร็วไม่ต่างจากการสแกนบนเซ็นเซอร์ดั้งเดิมเลย
นอกจากนี้ HUAWEI Mate 20 series ยังผ่านมาตรฐานของ Android Enterprise Recommended ที่หมายถึงมีความปลอดภัยสูงและมีระบบบริหารจัดการที่ดีในระดับที่สามารถใช้กับองค์กรได้
สารพัดฟีเจอร์และคุณสมบัติเด่นบน EMUI
EMUI 9 มีตัวเลือก Navigation bar ที่ปรับแต่งใหม่คือ Gestures ที่ใช้งานได้ง่ายขึ้น โดยมีการควบคุมคล้ายกับมาตรฐาน Android 9 คือปัดขึ้นเพื่อกลับหน้า Home, ปัดขึ้นและวางนิ้วค้างเพื่อเข้า Recent Apps, ปัดขอบจอเพื่อสลับแอพ
PC Mode ก็ใช้งานง่ายขึ้นไปอีกเพราะไม่จำเป็นต้องต่อสายอีกต่อไป โดยสามารถสตรีมขึ้น Smart TV หรือ Miracast Dongle ได้ทันที รวมถึงสตรีมเข้าโน๊ตบุ๊ค Windows ได้อีกด้วย
หน้าตา UI เหมาะกับการใช้งานบนหน้าจอใหญ่ สามารถเปิดแอพและใช้งานพร้อมกันได้หลายหน้าต่างคล้ายกับการใช้ Windows 10โดยใช้ตัวสมาร์ทโฟนแทนเมาส์และคีย์บอร์ดได้ทันที หรือจะต่อเมาส์กับคีย์บอร์ดแยกต่างหากก็ได้
และระหว่างใช้งาน PC Mode ก็สามารถใช้งานมือถือได้ตามปรกติ นอกจากนี้ยังสามารถขีดเขียน รวมถึงการจับภาพหน้าจอได้อีกด้วย
การสตรีม PC Mode เข้าโน๊ตบุ๊ค Windows อาจดูเป็นเรื่องซ้ำซ้อน แต่ประโยชน์ของมันก็คือ เราสามารถนำโน๊ตบุ๊คที่สเปกต่ำมาทำหน้าที่เป็นหน้าจอ + เมาส์ + คีย์บอร์ด แล้วโยนภาระการประมวลผลให้ HUAWEI Mate 20 Pro แบบนี้ก็สามารถหาซื้อโน๊ตบุ๊คบางเบาราคาถูกมาใช้ได้ นอกจากนี้การใช้ PC Mode กับโน๊ตบุ๊ค สะดวกตรงที่เราสามารถใช้งานนอกสถานที่และเข้าถึงข้อมูลภาพถ่ายหรือข้อมูลบน HUAWEI Mate 20 Pro ได้ง่ายกว่า หรือแม้แต่การยืมโน๊ตบุ๊คคนอื่นใช้โดยไม่ต้องใส่ป้อนข้อมูลใดๆ ของเราลงไปเลย เพราะใช้การสตรีม PC Mode จาก HUAWEI Mate 20 Pro ทั้งหมด
IR remote สำหรับควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าแทนรีโมทก็ยังคงมีให้ใช้งาน ช่วยเพิ่มความสะดวกแบบที่ไม่ต้องเดินหาสารพัดรีโมทในบ้าน เพราะทุกอย่างจบได้ใน HUAWEI Mate 20 Pro เครื่องเดียว
แบตเตอรี่และการชาร์จ
HUAWEI Mate 20 Pro มีจุดเด่นตรงระบบชาร์จที่รวดเร็วกว่ารุ่นก่อนด้วย SuperCharge 40W และรองรับการชาร์จแบบไร้สาย
นอกจากนี้ Mate 20 Pro ยังเป็นรุ่นแรกของโลกที่สามารถชาร์จแบบไร้สายให้กับสมาร์ทโฟนเครื่องอื่นหรืออุปกรณ์เสริมได้ เพียงแค่กดเปิดโหมด Wireless Reverse Charge หลังจากนั้นก็เอาอุปกรณ์อื่นมาวางชาร์จด้านหลังเครื่องได้ทันที
ให้พิกัดที่แม่นยำยิ่งขึ้นด้วย Dual-GPS
ปัญหาของสมาร์ทโฟนหลายรุ่นคือ GPS ที่ขาดความแม่นยำ แต่สำหรับ HUAWEI Mate 20 series ที่เป็น Dual-GPS ให้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ โดยการทดสอบใช้งานพบว่าจับสัญญาณ GPS ได้เร็วและค่าที่ได้ค่อนข้างแม่นยำ
Kirin 980 ผู้อยู่เบื้องหลังนวัตกรรมทั้งหมด
คนทั่วไปเข้าใจผิดคิดว่าชิปเซ็ต SoC มีแค่ CPU และ GPU แต่ความเป็นจริงแล้วชิปเซ็ตประกอบไปด้วยหลายส่วนเช่น NPU, IPS, DSP, Modem ที่ทำให้เครื่องเร็วและลื่นไหลรวมถึงถ่ายรูปสวย
Kirin 980 มีความน่าสนใจตรงที่ใช้ CPU Cortex-A76 และ GPU Mali-G76 รุ่นแรกของโลก และยังมีการประมวลผล AI แบบคู่ Dual-NPU รุ่นแรกของโลกด้วย
การใช้ CPU, GPU ตัวใหม่ล่าสุดที่อิงตามมาตรฐานของ ARM นั่นหมายความว่าในแง่สถาปัตยกรรมแล้ว HUAWEI Mate 20 series จะมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน แต่สิ่งที่เป็นจุดเด่นเหนือค่ายอื่นมาหลายปีก็คือระบบ AI และยิ่งมีความร่วมมือกับ Google เพื่อรีดประสิทธิภาพบน Android 9 ก็ยิ่งทำให้ Kirin 980 ใช้งานจริงได้ดียิ่งกว่าเดิม
Kirin 980 ใช้สถาปัตยกรรมล่าสุดตามมาตรฐานของ ARM คือ CPU Cortex-A76 + Cortex-A55 และ GPU Mali-G76 ทำให้ในทางทฤษฎีแล้ว Kirin 980 คือชิปเซ็ตที่เร็วที่สุดในเวลานี้ โดยคู่แข่งรุ่นล่าสุดอย่าง Snapdragon 850 ใช้สถาปัตยกรรม Kryo ที่ดัดแปลงจาก Cortex-A75 + Cortex-A55 บวกกับ GPU Adreno 630 ของตัวเอง ส่วน Samsung Exyons 9810 ก็ดัดแปลง CPU เป็น Exynos M3 + Cortex-A55 แต่ก็ยังใช้ GPU Mali-G72 ตามมาตรฐาน ARM
ความพิเศษก็คือ HUAWEI เป็นรายแรกเห็นที่ความสำคัญของ AI โดยได้จับมือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อพัฒนาด้าน AI โดยเริ่มเห็นผลชัดเจนเมื่อปี 2016 ที่ร่วมมือกับ University of California, Berkeley ต่อด้วยปี 2017 ที่ร่วมมือกับ University of Edinburgh นั่นจึงทำให้ระบบ AI ของ HUAWEI ทำได้ดีกว่าคู่แข่ง และ Kirin 980 ก็ได้พัฒนาไปอีกขั้นด้วย Dual-NPU รุ่นแรกของโลก สำหรับการประมวลผลด้าน AI ที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมี Dual-ISP ที่ทำให้ภาพถ่ายสวยงามยิ่งขึ้น
ถ้า Google Pixel มีส่วนของ Hardware อย่าง Pixel Visual Core มาช่วยประมวลผลให้ภาพถ่ายสวยยิ่งขึ้น HUAWEI ก็มี Kirin 980 ที่มี Dual-ISP และ Dual-NPU ที่จัดการภาพถ่ายและประมวลผลแบบ Real-time
นอกจากนี้ยังมี GPU Turbo ซึ่งช่วยรีดประสิทธิภาพกราฟิกสำหรับการเล่นเกม และยังทำให้แบตเตอรี่อึดขึ้นอีกด้วย
บทสรุปของ HUAWEI Mate 20 Pro
ด้วยคุณสมบัติต่างๆ บวกกับการทดสอบใช้งานมาระยะหนึ่งพบว่า HUAWEI Mate 20 Pro เป็นรุ่นที่ครบเครื่องในแง่ความลื่นไหลในการใช้จริง โดยยังคงอัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์ที่หาตัวจับได้ยาก
ผมมองว่าคู่แข่งที่สำคัญของ HUAWEI Mate 20 Pro ไม่ใช่ใครอื่นใด แต่เป็น HUAWEI Mate 20 X ที่เป็นพี่น้องร่วมสายเลือด ด้วยคุณสมบัติเด่นอย่างหน้าจอ 7.2 นิ้วกับระบบระบายความร้อน รวมถึงการรองรับปากกา M-Pen นั่นจึงทำให้หลายคนหันมาสนใจ HUAWEI Mate 20 X มากกว่า ส่วน HUAWEI Mate 20 Pro ก็จะเหมาะกับคนที่ชอบเครื่องเล็ก จอละเอียด และมีนวัตกรรมล้ำๆ