น่าใช้จนเลือกไม่ถูกว่าจะซื้อ HUAWEI nova 3 หรือ nova 3i บทความนี้ช่วยคุณได้
HUAWEI nova 3 และ nova 3i เป็นอีกรุ่นที่คุ้มค่าและมีจุดเด่นกว่าหลายรุ่นในราคาเดียวกัน ทำให้หลายคนเลือกไม่ถูกว่าจะซื้อ nova 3i ก็เพียงพอ หรือจะเพิ่มเงินแล้วจัดเต็มกับ nova 3 เลยดี เพราะเหตุนี้เราจะมาสรุปดูจุดเด่นของทั้งคู่กันอีกครั้งพร้อมทั้งจุดต่างของทั้งสอง เพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ
จุดเด่นที่เหมือนกันของ nova 3 และ nova 3i
ครั้งแรกของโลกที่มี AI ทั้ง 4 กล้อง
ทั้ง nova 3 และ nova 3i ได้ยกระดับมาตรฐานของกล้องขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการใส่ AI แยกมาให้ทั้ง 4 กล้อง ทำให้สามารถวิเคราะห์วัตถุได้ดียิ่งขึ้น สามารถปรับ AI Scene แยกระหว่างวัตถุและฉากหลังได้ ช่วยให้ภาพสวยกว่าที่ผ่านมา
สภาพแสงไฟสีนวลแบบ indoor ก็เอาอยู่ |
ในภาพรวมแล้วเหมาะกับการถ่ายรูปอาหาร |
จัดว่าเป็นอีกรุ่นที่ถ่ายอาหารได้น่ากิน |
Portrait Mode ด้วยกล้องหลังกับภาพแสงในร้านอาหาร |
Selfie ได้สวยทั้ง nova 3 และ nova 3i
ถ้าชอบการ Selfie ก็ต้องบอกว่าทั้ง nova 3 และ nova 3i ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน เพราะทั้งคู่มีกล้องหน้าที่เหมือนกันคือ 24 + 2 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/2.0 แบบ ซึ่งกล้องคู่หน้าที่มี AI ก็ทำให้สามารถถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอได้สวยงาม และยังมี HDR Pro ที่ทำให้ถ่ายภาพย้อนแสงได้สวยกว่าเดิมมาก
นอกจากนี้ยังแบ่งหน้าที่ AI เป็น 2 ส่วนคือการทำ Selfie AI สำหรับปรับแต่งให้หน้าตาออกมาดูดียิ่งขึ้น และเก่งกว่าเดิมเพราะสามารถแยกแยะเชื้อชาติเพื่อปรับแต่งผิวให้เหมาะสม ผสานกับ AI Scene ที่วิเคราะห์สิ่งแวดล้อมเพื่อปรับแต่งสีสัน นับเป็นการวิวัฒนาการระบบ Selfie ขึ้นไปอีกขั้น โดยทาง Huawei ได้อธิบายการวิวัฒนาการ Selfie ไว้ทั้งหมด 4 ขั้นตอน ได้แก่
- Basic Selfie Beauty
- 3D Selfie Beauty
- Natural Selfie Beauty
- AI Beauty + AI Scene
ไม่ใช่แค่ Beauty แบบภาพนิ่งแต่มี Beauty VDO ด้วย
จุดเด่นที่หลายคนหลงใหล HUAWEI ก็คือโหมด Beauty VDO ที่สามารถถ่ายได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ทำให้สามารถถ่ายวีดีโอแบบหน้าสวยเนียนได้ไม่ต่างจากการถ่ายภาพนิ่ง
รองรับ AR mode และมี 3D Qmoji
AR Mode ที่มีทั้ง 3D Qmoji และสามารถเปลี่ยนพื้นหลังได้ง่ายๆ ก็ช่วยเพิ่มสีสันให้สนุกยิ่งขึ้น ซึ่ง 3D Qmoji มีจุดเด่นตรงที่สามารถเลือกบันทึกเป็นวีดีโอหรือไฟล์ GIF ก็ได้ ทำให้สามารถแชร์ไปยังช่องทางต่างๆ ได้หลากหลาย
ถ่ายวีดีโอแบบ Manual Mode ได้
ในโหมด Pro ที่ใช้ตั้งค่ากล้องให้ละเอียดเหมือนมืออาชีพใช้งาน ก็สามารถใช้ร่วมกับการถ่ายวีดีโอได้เช่นกัน ซึ่งข้อดีก็คือทำให้เราสามารถเลือกระยะโฟกัสหรือแก้แสงสี White Balance ได้ดียิ่งขึ้น
หน่วยความจำภายใน 128 GB และรองรับ microSD
สิ่งที่หลายคนไม่รู้ก็คือหน่วยความจำภายในทำงานได้เร็วกว่า microSD หลายเท่าตัว ดังนั้นการจัดเต็มให้หน่วยความจำภายในมาสูงถึง 128 GB ทำให้ได้รับประสิทธิภาพความเร็วของเครื่องเต็มๆ แต่สำหรับใครที่ใช้งานไม่เพียงพอจริงๆ ก็ยังมีทางเลือกให้ใส่ microSD ได้เช่นกัน
มีช่องเสียบหูฟังมาให้ ไม่ต้องลำบากหาตัวแปลง
แม้ว่าเทรนช่วงหลังจะนิยมตัดช่องเสียบหูฟังและให้หันไปใช้หัวแปลงแทนด้วยสารพัดเหตุผล แต่ในทางปฏิบัติแล้วหลายคนยังต้องการที่จะเสียบหูฟังง่ายๆ นั่นจึงทำให้ nova 3 และ nova 3i น่าสนใจเพราะมีช่องหูฟังมาให้เสียบใช้งานได้ทันที
หน้าจอใหญ่ ดีไซน์สวย
ทั้งคู่มีหน้าจอขนาด 6.3 นิ้วกับความละเอียด FHD+ แบบ IPS ที่จัดว่าหน้าจอสวยเอาเรื่อง และยังมีโหมดอุณหภูมิสีให้เลือกทั้งแบบปรกติและสีจัดจ้าน นอกจากนี้ยังสามารถเลือกเปิดหรือปิดติ่งจอ (Notch) ได้ตามความชอบอีกด้วย ที่สำคัญคือมีบระบบ Smart Screen Resolution ที่จะทำการปรับความละเอียดหน้าจอให้อัตโนมัติระหว่าง HD+ และ FHD+ เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ให้อึดขึ้น
ทรวดทรงองค์ประกอบของตัวเครื่องมีความโค้งมนทุกสัดส่วน ไม่มีเหลี่ยมมุมใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้ถือได้ง่ายแม้ว่าจะมีหน้าจอที่ใหญ่ถึง 6.3 นิ้วก็ตาม
เล่นเฟซบุ๊คแชทไลน์ได้ 2 ไอดี และรองรับเจ้าของเครื่องหลายคน
งานนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับ EMUI ที่ทาง HUAWEI พัฒนาขึ้นมา เพราะจัดเต็มอัดแน่นฟีเจอร์มากมาย โดยเฉพาะระบบ 2 ไอดีที่หลายคนต้องการ แต่นอกจากจะเล่น 2 ไอดีได้แล้วต้องบอกว่า HUAWEI เด่นกว่าหลายๆ ค่ายตรงที่รองรับเจ้าของเครื่องหลายคน
การรองรับเจ้าของเครื่องหลายคนหมายความว่า เราสามารถสร้างผู้ใช้งานขึ้นมาได้หลายคน โดยที่แต่ละคนจะมองเห็นเฉพาะแอพและข้อมูลของตัวเองเท่านั้น โดยวิธีสลับไอดีเจ้าของก็ทำง่ายๆ เพียงแค่การสแกนลายนิ้วมือเท่านั้น
ออกแบบมาเพื่อคอเกมด้วย Game Suite
Game Suite ช่วยยกระดับประสบการณ์เล่นเกมให้ดีขึ้นด้วยคุณสมบัติ 2 อย่างคือ
- Game Acceleration ที่จะปรับแต่งรีดประสิทธิภาพให้เกมลื่นไหลกว่าเดิม
- Uninterrupted Gaming ป้องกันสิ่งกวนใจด้วยการปิดการแจ้งเตือนให้เหลือเฉพาะสิ่งที่จำเป็น
จัดเต็มระบบเสียง
นอกจาก aptX และ aptX HD ที่จัดว่าเป็นระบบเสียงไร้สายที่คุณภาพดีแล้ว ทั้ง nova 3 และ nova 3i ยังจัดเต็มเหมือนรุ่นพี่ใหญ่ด้วยระบบเสียง HWA อีกด้วย
โดย HWA หรือ Hi-res Wireless Audio ได้เปิดตัวครั้งแรกในงาน Huawei P20 | P20 Pro ซึ่งจุดเด่นก็คือการเป็นระบบเสียงไร้สายคุณภาพดีที่มี Partner ชื่อดังมากมาย เช่น Astell&Kern, Sennheiser, Audio-Technica ฯลฯ และเป็นมือถือแบรนด์เดียวในเวลานี้ที่มีระบบนี้
มากกว่าการแชร์เน็ต 4G เพราะสามารถแชร์ Wi-Fi ได้
ปรกติแล้วเรามักจะแชร์เน็ต 4G จากซิมให้กับอุปกรณ์อื่นๆ เลยอาจนึกไม่ออกว่าเราจะแชร์ Wi-Fi ต่ออีกทอดเพื่ออะไร
แต่ในกรณีที่เน็ตหมดจริงๆ หรือไปพักตามโรงแรม หรือเดินทางไปต่างประเทศที่จำกัด Wi-Fi แค่เครื่องเดียวก็จะเห็นประโยชน์จากคุณสมบัตินี้ทันที ด้วยสิ่งที่เรียกกว่า Wi-Fi Bridge ทำให้เราสามารถปล่อยเน็ต Wi-Fi ที่เราเชื่อมต่ออยู่ โดยกระจายออกไปต่อได้อีก 4 เครื่อง นับว่าเป็นอีกฟีเจอร์ที่ดีมากๆ
แชร์ไฟล์ง่ายทั้งมือถือและคอมพิวเตอร์
Huawei Share ที่สามารถแชร์ไฟล์ให้กับ Huawei เครื่องอื่นๆ ได้ง่ายเพียงแค่กดปุ่ม Share และแตะเลือกที่ชื่อมือถือปลายทาง นอกจากนี้ Huawei Share ยังสามารถแชร์ไฟล์ให้กับคอมพิวเตอร์ได้อีกด้วย ซึ่งรองรับทั้ง Windows และ macOS
จุดที่แตกต่างระหว่าง nova 3 และ nova 3i
ชิปเซ็ตระดับเรือธง กับชิปเซ็ตรุ่นใหม่ที่เปิดตัวครั้งแรก
nova 3 ที่มีฉายาว่า “นักฆ่านักฆ่าเรือธง“ จึงไม่แปลกนักถ้าจะให้ชิปเซ็ตระดับเรือธงอย่าง Kirin 970 ที่เป็นชิปเซ็ตตัวแรกที่มี NPU ไว้ประมวลผลด้าน AI ซึ่งเป็นตัวที่อยู่บน HUAWEI P20 Pro และโดดเด่นระดับที่ผู้บริหาร Google มาขึ้นเวทีและพูดถึงด้าน NPU ด้วย
ส่วน nova 3i เลือกใช้ชิปเซ็ตรุ่นใหม่อย่าง Kirin 710 ที่พัฒนาต่อยอดจาก Kirin 659 ซึ่งมีประสิทธิภาพเพิ่มหลายส่วน เริ่มตั้งแต่ความเร็วแบบ Single Core เพิ่มขึ้น 75% และ Multi Core เพิ่มขึ้น 68% ส่วนด้าน GPU ที่ใช้ประมวลผลกราฟิกก็บริหารพลังงานดีขึ้น 100% และประสิทธิภาพดีขึ้น 130% ด้วย
ซึ่งทาง Huawei ได้อ้างอิงผลคะแนนจาก Antutu ว่า Kirin 710 มีประสิทธิภาพดีกว่า Snapdragon 660 และ MediaTek MTK P60 ด้วย
นอกจากนี้ยังรองรับ Dual 4G ก็คือใช้งาน 4G ได้ทั้งสองซิม และยังรองรับ LTE Cat 12/13 ด้วย ทำให้ความเร็วในการดาวโหลดและอัพโหลดเพิ่มขึ้น 100% และ 50% ตามลำดับ
คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า SoC (หรือที่เรียกติดปากว่า CPU) มีหน้าที่ทำให้เครื่องเร็วเท่านั้น แต่ความเป็นจริงมันรวมไปถึงการประมวลผลทุกอย่างบนเครื่อง รวมถึงสาเหตุที่ทำให้กล้องของ Huawei สวยโดดเด่น เพราะส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากการที่ Huawei ผลิต Kirin เอง จึงสามารถปรับแต่ง DSP+ISP ได้ตามที่ต้องการ
* DSP+ISP = Digital Signal Processor + Image Signal Processing
นอกจากนี้ยังมีจุดต่างด้านสเป็กอีกส่วนคือแรม โดย nova 3 ให้มา 6GB ส่วน nova 3i ให้มา 4GB ซึ่งในการใช้งานจริงก็ถือว่าเพียงพอทั้งคู่ เพียงแต่ nova 3 จะเหมาะกับการสลับใช้งานระหว่างแอพใหญ่ๆ มากกว่า
การเชื่อมต่อแบบ USB-C ที่เป็นมาตรฐานใหม่ กับ Micro USB ที่หาอุปกรณ์ได้ง่าย
HUAWEI nova 3 เลือกใช้การเชื่อมต่อแบบ USB-C ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ รองรับอุปกรณ์ในอนาคต แต่สำหรับ HUAWEI nova 3i เลือกใช้ Micro USB ที่ยังแพร่หลายกว่า และมีอุปกรณ์เสริมที่หาได้ง่ายกว่าโดยเฉพาะสายชาร์จที่ส่วนใหญ่ยังเป็น Micro USB
แม้ว่าในเชิคเทคโนโลยีแล้ว USB-C จะใหม่กว่า แต่ในทางปฏิบัติแล้วนับว่า Micro USB มีข้อดีที่ต่างกันไป
Smart Rotate ของดีที่มีอยู่บน HUAWEI nova 3
ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายคนชอบนอนเล่นมือถือ และปัญหากวนใจก็คือระบบ Auto Rotate Screen ที่มีประโยชน์เวลาหมุนเปลี่ยนแนวตั้งและแนวนอน กลับกลายเป็นตัวกวนใจเมื่อเอนตัวนอนเล่นมือถือ
แต่สำหรับ Huawei Nova 3 มีระบบที่ชื่อว่า Smart Rotate ที่จะตรวจจับองศาของใบหน้าว่าเรากำลังนั่งหรือนอนท่าไหน เพื่อให้หน้าจอมีทิศทางที่เหมาะสมกับสายตา แบบที่ไม่ต้องไปกดสลับโหมดหน้าจอเองให้วุ่นวาย
ฟีเจอร์ลูกเล่นของกล้องที่ต่างกัน
แม้ว่าในภาพรวมและคุณสมบัติหลักของกล้อง nova 3 และ nova 3i จะเหมือนกัน แต่ถ้าเจาะลึกรายละเอียดลงไปก็จะพบเหตุผลความต่างของทั้งคู่ อย่างแรกเลยก็คือความละเอียดกล้องหลังที่ต่างกัน โดย nova 3 มีความละเอียดสูงสุดที่ 24 ล้านพิกเซล ส่วน nova 3i มีความละเอียดสูงสุดที่ 16 ล้านพิกเซล แต่ในการใช้งานจริงหลังจากเปิดระบบ AI จะได้ความละเอียดกล้องหลังเท่ากันที่ 16 ล้านพิกเซล
Cinema ที่ให้อัตราส่วนภาพคล้ายในโรงหนัง |
ถัดมาคืออัตราส่วนภาพของ nova 3 และ nova 3i จะเลือกได้ทั้ง 4:3 , 1:1 , 18.8:9 แต่ nova 3 จะเลือกได้เยอะกว่าหนึ่งแบบคือ Cinema ที่ให้อารมณ์ภาพเหมือนหนังในโรง
Aperture Mode จิ้มเลือกจุดโฟกัสเพื่อทำหน้าชัดหลังเบลอ |
โหมดจำลองรูรับแสง Aperture ที่ใช้ถ่ายหน้าชัดหลังเบลอได้ง่ายๆ ก็มีความต่างตรงที่ nova 3 สามารถซูมได้ 2X ส่วน nova 3i ไม่สามารถซูมได้ในโหมดนี้ ส่วนโหมดวีดีโอของ nova 3 มีระบบ Dynamic focus ที่ช่วยให้จับโฟกัสได้ดียิ่งขึ้น เหมาะสำหรับจับภาพวัตถุที่เคลื่อนไหวเช่นรถยนต์บนท้องถนน
ปลดล็อกด้วยใบหน้าแม่นยำทุกสภาพแสงด้วย HUAWEI nova 3
แม้ว่า HUAWI nova 3i จะสามารถปลดล็อกด้วยใบหน้าได้ แต่สำหรับ nova 3 ล้ำไปอีกขั้น เพราะโดดเด่นกว่าด้วยการเพิ่ม Infrared Emitter เพื่อให้สแกนใบหน้าได้ในทุกสภาพแสง
nova 3 มีระบบชาร์จเร็ว HUAWEI Fast Charge
จุดต่างอีกอย่างที่ทำให้ nova 3 น่าสนใจกว่าก็คือระบบชาร์จเร็วแบบ HUAWEI Fast Charge ที่ไม่มีบน nova 3i
บทสรุปการเลือกซื้อ HUAWEI nova 3 และ nova 3i
ปฏิเสธไม่ได้ว่าช่วงเวลานี้เราได้เห็นมือถือสมาร์ทโฟนออกมาแข่งกันหลายรุ่น ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นสเป็กแรงในราคาที่เขย่าตลาดแต่ลดคุณสมบัติส่วนอื่นๆ ลงมา ในขณะที่ nova 3 และ nova 3i มีภาพรวมที่ครบเครื่องกว่า ทั้งเรื่องกล้อง หน้าจอ ระบบเสียง ช่องต่อหูฟัง วัสดุ ฯลฯ
ความจริงแล้ว nova 3i ก็มีหลายอย่างที่เด่นกว่าคู่แข่งหลายราย และมีคุณสมบัติพื้นฐานครบถ้วน แต่ nova 3 เป็นการเติมเต็มในระดับที่สูงขึ้นไปอีกเฉกเช่นเรือธง ที่ไม่ใช่แค่สเป็กสูงขึ้นแต่เป็นเรื่องของรายละเอียดปลีกย่อยที่ต่างกันอีกด้วย
ถ้าสรุปอย่างง่ายก็คือ nova 3 และ nova 3i น่าใช้ทั้งคู่ โดย nova 3i ก็ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไป แต่ถ้างบไม่อั้นแล้วเลือก nova 3 ก็จะได้ของที่จัดเต็มยิ่งกว่านั่นเอง