การมาของ Mobile Projector อย่าง Sony MP-CD1 อาจทำให้บางคนเข้าใจว่านี่เป็นรุ่นใหม่ที่มาแทน Sony MP-CL1A แต่ความจริงแล้วทั้งคู่มีจุดเด่นที่ต่างกัน โดยจุดต่างหลักก็คือ MP-CD1 มีความสว่างที่มากกว่า ทำให้มีความยืดหยุ่นในการใช้งานมากกว่า ไม่ต้องอยู่ในสภาพแสงที่มืดมากก็ใช้งานได้ เหมาะแก่การพกพายิ่งขึ้น
Sony MP-CD1 มีความสว่างสูงกว่ารุ่นก่อนที่ ANSI 105 Lumen บนความละเอียด 854 × 480 โดยฉายภาพได้ใหญ่สุดที่ 120 นิ้วด้วยระยะห่างเพียง 3.45 เมตรเท่านั้น และใช้ระยะ 1.15 เมตรสำหรับการฉายภาพขนาด 40 นิ้ว ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีเพราะใช้ระยะทางน้อยมาก
การที่เป็น Mobile Projector จึงมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh ที่ใช้เป็นโปรเจคเตอร์ต่อเนื่องได้ 2 ชั่วโมง และสามารถต่อเข้ากับ Power Bank หรือเสียบปลั๊กระหว่างใช้งานได้ โดยจุดเด่นที่ปรับปรุงจากรุ่นแรกอีกอย่างคือการเปลี่ยนการชาร์จมาใช้ USB-C แทน
ความโดดเด่นอีกอย่างก็คือความคล่องตัวในการใช้งาน เพราะสามารถเปิดเครื่องพร้อมฉายภาพได้ในระยะเวลาเพียง 5 วินาทีเท่านั้น และสามารถเสียบสาย HDMI ใช้งานได้ทันที โดยผมได้ทดสอบวางห่างจากกำแพงประมาณ 3 เมตร ก็ได้ภาพขนาดความยาวราว 2 เมตร พร้อมกับมุมองศาที่ค่อนข้างตรง
นั่นเพราะจุดเด่นของ Sony Mobile Projector ก็คือระบบปรับองศาภาพให้อัตโนมัติ แม้ว่าเราจะวางตัวโปรเจคเตอร์เอียงแต่ภาพที่ออกมาจะถูกปรับองศาให้ตรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ นอกจากนี้ยังมีช่อง 3.5 mm output สำหรับต่อหูฟังหรือลำโพงเพื่อให้มีคุณภาพเสียงที่ดียิ่งขึ้น
แต่ด้วยความสว่างที่เพิ่มขึ้นเป็น 105 Lumen ต่างจากรุ่นแรกที่เป็นเพียง 40 Lumen เท่านั้น จึงทำให้ Sony MP-CD1 ต้องตัดฟีเจอร์บางอย่างออกเพื่อเคลียทางให้กับตัวระบายความร้อน ส่งผลให้ Sony MP-CD1 ไม่มีการเชื่อมต่อแบบไร้สายใดๆ ทั้งสิ้น ต้องใช้ Dongle จำพวก Miracast หรือ Chromecast แทนในกรณีที่ต้องการใช้งานแบบไร้สาย
อย่างไรก็ตามเมื่อมองถึงสถานการณ์ปัจจุบันก็ไม่ใช่ปัญหานัก เพราะเดี๋ยวนี้ Dongle ก็มีราคาหลักร้อยหรือไม่เกินพันต้นๆ และอีกส่วนก็คือทาง Google และแอพดูหนังส่วนใหญ่ไม่อนุญาตให้สตรีมภาพขึ้นจอผ่าน Miracast แล้ว ดังนั้นการหายไปของการเชื่อมต่อไร้สายจึงไม่ใช่ปัญหานัก เพราะยังไงก็ต้องใช้ Chromecast อยู่ดี
เมื่อเริ่มเปิดใช้งานผ่านการเชื่อมต่อกับ Chromecast ผลที่ออกมาน่าประทับใจมาก ด้วยการทำงานที่เงียบไร้เสียงรบกวนแต่จัดการความร้อนได้ดี มีการปรับองศาให้ภาพอัตโนมัติโดยที่ห้องไม่ต้องมืดสนิทก็เห็นภาพได้ชัดเจน สามารถดูหนังจาก Netflie, iflix ได้ไม่มีปัญหา แม้ว่าความละเอียดจะมีเพียง 854 × 480 ก็ไม่ใช่เรื่องแย่นัก เพราะโปรเจคเตอร์หลายตัวก็มีความละเอียดประมาณนี้ และเมื่อภาพถูกฉายให้มีขนาดใหญ่ก็ทำให้เรามองข้ามเรื่องความละเอียดนี้ไปได้
ด้วยคุณสมบัติด้านความสว่างและการพกพาที่ง่าย รวมถึงการเสียบสาย HDMI ได้ทันที จึงทำให้เหมาะกับการนำไปใช้ในลักษณะการประชุมหรือนำเสนองานอีกด้วย นอกจากนี้ผมได้ทดสอบต่อเข้ากับ Huawei P20 Pro ที่มี Desktop Mode ก็สามารถใช้งานได้เสมือนมีคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่ นับว่าเป็นคู่หูสำหรับพกพาออกนอกสถานที่ได้ดีมากๆ
ถ้าวัดกันที่สีสันและความคมชัดแล้วรุ่นเก่าอย่าง Sony MP-CL1A อาจจะดูโดดเด่นกว่า แต่ถ้ามองในแง่ความคล่องตัวที่สู้แสงได้เก่งกว่าก็ทำให้ Sony MP-CD1 ใช้ได้กับทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นแนว Entertainment อย่างการเปิดคลิปดูหนังในห้องนอน หรือในงานปาร์ตี้ รวมถึงการใช้งานจริงจังเน้น Production เช่นการพรีเซนต์สินค้าก็ได้เช่นกัน จัดว่าเป็นไอเท็มอีกชิ้นที่น่าสนใจมากๆ
