รีวิว HP Pavilion 15 โน๊ตบุ๊คสวยหรู สเป็กดีมี Optane ปลดล็อกด้วยใบหน้า ราคา 26,990 บาท
ในช่วงที่กำลังตัดสินใจว่าจะซื้อ PC ตั้งโต๊ะหรือโน๊ตบุ๊คดี ผมก็ลองไปเดินสำรวจราคาที่ฟอร์จูน แล้วก็มาสะดุดตากับ HP Pavilion 15-CS0057TX ที่ดีไซน์สวยมาก พอเห็นสเป็กและราคาก็ยิ่งน่าสนใจ โดยเฉพาะการเลือกใช้ Intel Optane ที่ถือว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ในท้องตลาด ซึ่งใหม่ในแบบที่สินค้าพึ่งเข้าและผมก็เป็นคนแรกของร้านที่ได้ซื้อเครื่องรุ่นนี้ด้วย
Highlight
- สเป็กดีทั้ง CPU Intel Core i7 Gen 8 และ GPU Nvidia GeForce MX150
- แรมของการ์ดจอ Nvidia GeForce MX150 สูงถึง 4GB
- เทคโนโลยีใหม่ของ Intel Optane ช่วยให้ Harddisk มีความเร็วสูงขึ้น
- ดีไซน์สวยมาก โดยเฉพาะส่วนของลำโพงที่เป็นแบบ 3D สะท้อนกับแสงเงา
- หน้าจอขนาด 15 นิ้วความละเอียด Full HD แบบ IPS
- ลำโพงและระบบเสียง พัฒนาร่วมกับ B&O
- แป้นพิมพ์มีแสงไฟสีขาว กับโหมด Function และ Action ที่ใช้ง่าย
- รองรับการสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกผ่าน Windows Hello
- ให้แรมมาเพียง 4GB แต่มี 2 Slot
- ราคา 26,990 บาท
ความโดดเด่นสง่างามของ HP Pavilion 15-CS0057TX ท่ามกลางโน๊ตบุ๊คหลายสิบรุ่นที่วางเรียงกันหน้าร้าน ทำให้ผมต้องหยุดชะงักแล้ววางมือลงสัมผัสตัวเครื่อง ด้วยลำโพงที่มีการออกแบบเป็น 3D ให้สะท้อนกับแสงแล้วเกิดเงาสวยงาม และแสงไฟสีขาวใต้แป้นพิมพ์ พร้อมกับการตัดขอบรอบเครื่องที่มีเฉียงเหลี่ยมมุมสวยพิมพ์ใจ จนผมต้องหันไปดูรายละเอียดเพิ่มเติม
สเป็กของ HP Pavilion 15-CS0057TX จัดเต็มเกือบทุกส่วนได้แก่ CPU Intel Core i7-8550U ที่เป็นแบบ 4 Core, 8 Thread และการ์ดจอ Nvidia GeForce MX150 (4GB) หน้าจอขนาด 15 นิ้ว ความละเอียด Full HD แบบ IPS BrightView และ Windows 10 Home ของแท้ ในราคา 26,990 บาท
ส่วนหน่วยความจำหลักเป็นเทคโนโลยีใหม่คือ Intel Optane ขนาด 16GB ร่วมกับ Harddisk 1TB ซึ่งทาง Intel กำลังเดินสายโปรโมทให้เห็นว่าเทคโนโลยีนี้ช่วยทำให้ Harddisk แบบเดิมๆ เร็วขึ้นทั้งลูก แม้ว่าจะช้ากว่า SSD แต่ก็ถือว่าเร็วกว่าเดิมมาก แต่ส่วนที่ขัดใจสำหรับรุ่นนี้คือการให้แรมมาเพียง 4GB เท่านั้น แต่ยังดีว่ามี 2 Slot ให้เราอัพเกรดได้ ส่วนน้ำหนักก็ตามมาตรฐานทั่วไปของ 15 นิ้วยุคนี้ คือราวๆ 1.8 กิโลกรัม
พอร์ตการเชื่อมต่อจัดว่ามาให้ครบถ้วนเริ่มด้วย HDMI, LAN, USB-C และไฟแสดงสถานะการทำงานของ Harddisk ตามด้วยช่องเสียบหูฟังแบบ Combo ส่วนอีกฝั่งเป็นช่องเสียบสายชาร์จ, USB*2 และ Card Reader
แป้นพิมพ์และ TouchPad ถือว่าทำงานได้ดีตามที่ควร ตัวปุ่มไม่สูงมากนักและให้สัมผัสที่ค่อนข้างดี และยังมีส่วนของ NumPad ให้ใช้งานได้สะดวกตามสไตล์เครื่อง 15 นิ้ว ส่วนปุ่ม Function ด้านบนสามารถปรับโหมดได้ใน BIOS ว่าจะให้ค่าพื้นฐานคือ F1-F12 หรือเป็นการสั่ง Action ซึ่งข้อดีของรุ่นนี้เมื่อเทียบกับหลายๆ รุ่นก็คือ แม้ว่าเราจะตั้งค่าเป็น Action mode แต่ก็สามารถกดควบกับปุ่ม Ctrl หรือ Alt ได้ทันที เช่นปุ่น F4 เป็นการเลือกจอแสดงผล แต่ถ้ากด Alt+F4 ก็ยังคงเป็นมาตรฐานสากลคือการสั่งปิดหน้าต่าง ในขณะที่หลายๆ รุ่นที่อยู่ในโหมดนี้ต้องกดปุ่ม Fn เพิ่มไปอีกอันซึ่งไม่สะดวกมากๆ ดังนั้นจุดนี้ถือว่า HP ทำออกมาได้ดีมากครับ
ลำโพงที่เล่นกับแสงจนเกิดเงาสวยงามเป็นความร่วมมือกับ B&O ซึ่งจัดว่าเป็นแบรนด์ระดับโลก ทำให้เสียงที่ออกมาจากลำโพงของ HP Pavilion 15-CS0057TX มีน้ำเสียงที่ไม่แพ้ใคร แต่เรื่องความดังก็ต้องบอกว่าไม่ใช่รุ่นที่เสียงดังที่สุด แต่ก็เหลือเฟือสำหรับการเปิดฟังทั่วไป
จุดเด่นที่พึ่งมารู้ตอนแกะกล่องใช้งานแล้วคือระบบปลดล็อกเข้าเครื่อง โดยใช้งานร่วมกับ Windows Hello ด้วยการสแกนใบหน้า ซึ่ง HP Pavilion 15-CS0057TX มีกล้องที่มุมกว้างมากและยังมีอินฟราเรดเพื่อช่วยเพิ่มความแม่นยำอีกด้วย
การใช้ Intel Optane ทำให้การบูทเครื่องและเปิดโปรแกรมต่างๆ ทำได้เร็วกว่า Harddisk เดิมๆ อยู่ไม่น้อย ผลลัพธ์ที่ได้ของระบบนี้คล้ายกับ Apple Fusion Drive ที่เพิ่มความเร็วให้สูงขึ้น ซึ่ง Intel Optane ขนาด 16GB ถูกติดตั้งบนช่อง M.2 PCI Express โดยมีหลักการทำงานคล้ายกับการเป็นตัวกลางระหว่าง Harddisk กับแรม ซึ่งทำได้น่าประทับใจเมื่อเทียบความจุ 1TB กับราคาและความเร็ว
โดยปรกติแล้วค่ายอื่นมักจะซ่อนส่วนของ Recovery ให้พ้นสายตาของผู้ใช้งาน แต่ HP เลือกที่จะนำมาโชว์เป็น Drive D ก็เลยดูแปลกตาไปหน่อย และถ้าเป็นไปได้ก็ไม่ควรไปยุ่งกับส่วนนี้ เพื่อที่จะได้ทำการ Recovery ได้ง่าย
โดยปรกติแล้วการ์ดจอ Nvidia GeForce MX150 มักให้แรมมา 2GB แต่สำหรับรุ่นนี้ให้มาสูงถึง 4GB ทำให้การใช้งานทั่วไปรวมถึงเล่นเกมเบาสมองอย่าง The Sims 4 ก็ลื่นไหลไม่ขัดใจอะไร ซึ่งก็เป็นอานิสงค์จาก Intel Core i7-8550U ด้วย
แต่แรมที่ให้มาเพียง 4GB ทำให้การเปิด Google Chrome ก็ไม่ใช่เรื่องสนุกนัก เพราะ Chrome เองก็ขึ้นชื่อเรื่องการบริโภคแรมอยู่ไม่น้อย ดังนั้นเพื่อการใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพและคุ้มค่าแบบไม่คอขวด ผมแนะนำว่าควรซื้อแรมมาเพิ่มอย่างน้อยสัก 8GB ก็ยังดี
ซึ่งผมเองก็ยกไปร้าน Memory Today แล้วใส่แรมอีก 16GB ในช่องที่ว่าง พอรวมกับของเดิม 4GB ก็เป็น 20GB ทีนี้ก็ลื่นไหลเต็มประสิทธิภาพ แต่ถ้ามีงบเยอะกว่านั้นจะเปลี่ยน Harddisk เป็น SSD ก็ยิ่งเร็วกว่าเดิมอีก
แม้ว่าแรมจะให้มาน้อยนิดเพียงแค่ 4GB แต่เมื่อมองที่ภาพรวมแล้วจัดว่าน่าสนใจมากในราคา 26,990 บาท และนั่นก็เป็นเหตุผลที่รุ่นนี้เอาชนะใจผมได้ไม่ยากจนต้องพากลับมาอยู่ที่ห้องด้วย