รีวิว Plantronics BackBeat Fit รุ่นเด่นดั้งเดิมแต่เพิ่มโค๊ชออกกำลังกาย

ปรกติแล้วผมจะพกพาใช้งาน Plantronics BackBeat Pro 2 ทุกวันเพราะคุณสมบัติและคุณภาพเสียงที่น่าประทับใจมาก แต่บางครั้งก็อยากพกพาอะไรที่เล็กกว่านั้นซึ่ง Plantronics BackBeat Fit เป็นตัวเลือกที่ทำผมตะลึงไปพักใหญ่เมื่อได้ลองใช้งานครั้งแรก

ตั้งแต่ผมเริ่มใช้ Smartphone เครื่องแรกคือ HTC P3300 หรือ HTC Artemic ที่วางขายเมื่อราวปี 2006 ผมก็ใช้หูฟังแบบ Bluetooth มาตลอดเพราะความสะดวกของการไร้สาย ทำให้ผมได้เห็นถึงความต่างและปัญหาของการใช้งานจริงรวมถึงพัฒนาการของหูฟัง Bluetooth ซึ่งเดิมทีมีข้อจำกัดหลายอย่างเช่น คุณภาพเสียงที่แย่กว่าแบบมีสายเป็นอย่างมาก, การเชื่อมต่อสัญญาณที่ไม่เสถียร, แบตเตอรี่ที่หมดเร็ว แต่ในช่วงราวปี 2014 ก็เริ่มมีหูฟัง Bluetooth ที่คุณภาพเสียงดีใกล้เคียงกับแบบสายพร้อมกับคุณสมบัติต่างๆ ที่พัฒนามากขึ้น โดย Plantronics จัดว่าเป็นผู้นำของหูฟังในกลุ่มนี้โดยเฉพาะคุณภาพของสัญญาณและไมค์ เนื่องจากฐานลูกค้าเดิมของค่ายนี้คือกลุ่ม Call Center ที่เน้นคุณสมบัติด้านการสื่อสาร

Plantonics BackBeat Fit เป็นรุ่นที่วางขายมาสักพักใหญ่ แต่เพราะเป็นรุ่นที่มียอดขายดีอย่างต่อเนื่องจึงทำให้ต้นสังกัดเพิ่มเติม Minor Change ด้วยการ Bundle แอพสำหรับออกกำลังกายโดยในแอพจะมีโค๊ชระดับโลกมาช่วยเทรนและให้ใช้ฟรีเป็นระยะเวลา 6 เดือน

รีวิว Plantronics BackBeat Fit รุ่นเด่นดั้งเดิมแต่เพิ่มโค๊ชออกกำลังกาย 3

ด้านของรูปลักษณ์ของ Plantronics BackBeat Fit มีความเป็นยางเพื่อให้วัสดุมีความยืดหยุ่น เหมาะสำหรับใส่ใช้งานประจำวันหรือแม้แต่จะใส่ออกกำลังกายก็ได้ เพราะว่ารุ่นนี้มีการกันน้ำที่ IP57 ที่สามารถกันเหงื่อหรือป้องกันน้ำจากการใช้งานทั่วไปได้ และยังมีแบตเตอรี่ที่อึดพอสมควรด้วยการฟังเพลงต่อเนื่องได้สูงสุดที่ 8 ชั่วโมง และยัง Standby ได้สูงสุด 14 วันอีกด้วย ข้อดีของมันก็คือถ้าเราหลุดจากระยะการเชื่อมต่อ Bluetooth หรือไม่ได้ใช้งานสักพักมันก็จะเข้าโหมด Sleep เพื่อประหยัดพลังงาน และสามารถกดปุ่มเพื่อทำการเชื่อมต่อและใช้งานต่อได้ทันที

บางรุ่นอาจมีตัว Earbuds มาให้ในกล่องหลายขนาดเพื่อความเหมาะสมกับขนาดหูแต่ละคน แต่สำหรับ Plantronics BackBeat Fit มีเพียงขนาดเดียว ในการใช้งานอย่างจริงจังวันแรกผมรู้สึกค่อนข้างปวดหูเพราะตัว Earbuds มันมีขนาดไม่พอดี แต่ใช้ไป 2-3 วันเริ่มรู้สึกว่ามันกระชับมาก ไม่หลุดจากหูง่ายๆ และจุดสังเกตอีกอย่างก็คือมันเป็นหูฟังที่ไม่ใช่แบบ In-Ears ซึ่งมันก็มีข้อดีคือเรายังได้ยินเสียงแวดล้อม เหมาะกับการใส่วิ่งออกกำลังกายหรือใช้งานประจำวันที่ควรรับฟังเสียงรอบข้างบ้าง รวมถึงการใส่นานๆ แล้วไม่ทรมานเนื่องจากบางคนไม่ชินกับแบบ In-Ears

การควบคุมจัดวางไว้ได้ดีคือแบ่งการควบคุมตามมาตรฐานโดยฝั่งหูขวาเป็นส่วนของการโทร, การ Pair, ปุ่ม Power และการชาร์จแบบ microUSB ที่มีจุกปิดทับอีกชั้น ส่วนฝั่งซ้ายจะเป็นการควบคุมการเล่นเพลงและปรับระดับเสียง โดยปุ่มเล่นเพลงจะแบ่งการควบคุมออกเป็น 3 อย่างคือ

  • กดเพื่อ Play/Pause
  • กด 2 ครั้งเพื่อเลื่อนเพลง
  • กดค้างเพื่อย้อนกลับ

และปุ่มปรับเสียงที่มีเพียงปุ่มเดียวก็แบ่งการใช้งานไว้คือ

  • กดเพื่อเพิ่มเสียงทีละระดับ
  • กดค้างเพื่อลดเสียง

ด้านคุณภาพเสียงทำได้ดีเกินคาด เพราะหูฟังแบบ Bluetooth ราคาราว 4,000 บาทมักจะขาดๆ เกินๆ เช่น วัสดุดีแต่เสียงไม่ดีหรือเสียงดีแต่วัสดุไม่ดี ในขณะที่ Plantronics BackBeat Fit มีวัสดุและคุณสมบัติดีแต่ก็ไม่ได้อ่อนข้อให้กับระบบเสียงแต่อย่างใด เพราะมันให้เสียงที่ดีเกินคาดประเภทว่าน้องๆ Plantronics BackBeat Pro 2 เลย เพียงแต่เสียงจะไม่พุ่งโดดเด่นขนาดนั้น แต่ก็จัดว่าเสียงดีเหลือเฟือสำหรับใส่ออกกำลังกายและใช้ในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังมีให้เลือกหลายสีได้แก่ ฟ้า, เขียว, เทา, แดง ให้เหมาะกับความชอบของแต่ละคน

เมื่อเทียบกับ Plantronics BackBeat Pro 2 ที่ผมใช้เป็นประจำก็ถือว่ารุ่นนี้ทำได้น่าประทับใจมาก โดยมีจุดเด่นเรื่องการพกพาและกันน้ำ แต่ด้อยกว่าในเรื่องของคุณภาพเสียงและระบบตัดเสียงรบกวน แต่ถ้าเทียบในระดับราคาประมาณ 4,000 บาทก็ถือว่า Plantronics BackBeat Fit เป็นหูฟังไร้สายที่น่าสนใจอันดับต้นๆ เลยครับ