ช่วงหลังผมสนใจการถ่ายวีดีโอมากขึ้น และพบว่าปัญหาหลักคือระบบกันสั่นของมือถือและกล้องส่วนใหญ่ยังไม่ดีพอ ซึ่ง Zhiyun Smooth-Ⅱ ก็เป็นอีกตัวช่วยที่จัดว่าระดับมืออาชีพ และมีจุดเด่นที่ดีพอจะเบียด DJI OSMO ได้เลยทีเดียว
Smooth-Ⅱ ก็เป็นอุปกรณ์แนว gimbal หรือ stabilizer เช่นเดียวกับ DJI OSMO ที่เคยรีวิวไว้ แต่จุดต่างอยู่ตรงที่ OSMO เกิดมาเพื่อใช้งาน outdoor มากกว่า เลยทำให้มีมุมมองที่กว้างมากๆ และ distortion น้อยมากๆ แม้ว่าการถ่ายโอนไฟล์ระหว่าง OSMO กับมือถือยังไม่สะดวกเท่าที่ควร มันก็มีจุดเด่นหลายอย่างที่ทำให้คนในระดับมืออาชีพใช้กัน
ในขณะที่ Smooth-Ⅱ จัดอยู่ในกลุ่มของ stabilizer สำหรับมือถือ นำไฟล์ไปใช้งานได้ง่ายและมีแอพต่างๆ ให้เลือกใช้ได้เยอะกว่า ซึ่งทางผู้ผลิตระบุไว้ว่าใช้ได้กับมือถือที่ขนาดเล็กกว่า 6 นิ้ว และที่จริงแล้ว stablizer สำหรับมือถือก็มีอยู่หลายรุ่นหลายค่าย แต่ความต่างก็อยู่ตรงวัสดุ ความเนียนในการกันสั่น ลูกเล่นต่างๆ ของแอพ ฯลฯ
ก่อนจะตัดสินใจซื้อ Smooth-Ⅱ ผมใช้เวลาหาข้อมูลนานเป็นเดือน เพื่อค้นหา stabilizer สำหรับมือถือที่น่าใช้ที่สุด ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นแบรนด์ฝั่งจีนทั้งนั้น และสิ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจเลือกรุ่นนี้ ก็เพราะผมไปเห็นคลิปที่นำเสนอฟีเจอร์ของรุ่นนี้อยู่บนเพจ Zhiyun Thailand แล้วรู้สึกว่า… เฮ้ย! มันเจ๋งกว่ารุ่นอื่นอ่ะ
ว่าแล้วก็จัดแจงเจรจาหลังไมค์ไปสอบถามจนได้ใจว่าความ เค้าคือร้าน Smartcam1988 ซึ่งผมก็ไม่รู้จักอยู่ดี ๕๕๕ …แต่เอาเป็นว่าพอสอบถามได้ข้อมูลเรียบร้อย ก็ขายไตกำเงินไปราวๆ 12,000 บาท เพื่อแปลงเป็น Smooth-Ⅱ
ตอนแกะกล่องมาลองในร้านก็ยอมรับว่ามึนงงกับการใช้งาน เพราะเคยใช้แต่ OSMO ที่มันดูเฉพาะทางมากกว่านี้ ก็เลยแพคของใส่เป้เอามาลองมั่วเองที่บ้านดีกว่า
ในกล่องก็มีตัว Smooth-Ⅱ, แบตเตอรี่, ตัวถ่วงน้ำหนัก และสาย microUSB สำหรับชาร์จ ซึ่งผมก็ไม่เคยจับเวลาจริงจังว่าใช้เวลาชาร์จนานแค่ไหน และใช้ได้นานเท่าไร เพราะมันสามารถชาร์จผ่าน microUSB ได้เหมือนมือถือและ gadget ทั่วไป ทำให้หาที่ชาร์จได้ง่ายมาก และสามารถเสียบ Power Bank เพื่อชาร์จระหว่างใช้งานได้ด้วย… ซึ่งนี่เป็นอีกจุดที่สะดวกกว่า OSMO
และผมก็สอบถามทางร้านเพิ่มเติมได้ใจความว่า เราสามารถซื้อแบตเตอรี่แยกต่างหากได้ในราคาประมาณ 400 บาท แต่ที่เค้าไม่นิยมก็เพราะว่ารุ่นนี้ใช้วิธีเสียบ microUSB ชาร์จได้โดยตรง ไม่เหมือนรุ่นเก่าที่ต้องถอดแบตเตอรี่ออกมาใส่ถาดเพื่อชาร์จ
บนด้ามจับมีปุ่มควบคุมทั้งหมด 3 อย่างคือ Joystick, Power, Shifter ซึ่งแต่ละปุ่มก็ทำหน้าที่ได้หลายบทบาทมากๆ เริ่มจาก Joystick ที่ใช้ควบคุมทิศทางการหมุนของกล้อง และยังสามารถกด Joystick ลงไปเพื่อเปลี่ยนโหมดทั้ง 3 และอธิบายความต่างแบบภาษาบ้านๆ ตามนี้
- Lock : หมุน Joystick เพื่อควบคุมแนวตั้งและแนวนอน ส่วนระดับความเอียงจะ auto
- Pan : หมุน Joystick เพื่อควบคุมแนวตั้ง ส่วนแนวนอนและระดับความเอียงจะ auto
- Pan and Tilt : แนวตั้งและแนวนอนจะ auto ส่วนระดับความเอียงควบคุมผ่าน Joystick
วิธีการสลับแต่ละโหมดก็มีบอกหลังกล่องคือ กด 1 ครั้งเพื่อสลับระหว่าง Lock และ Follow ถ้ากด 2 ครั้งเป็นการสลับเข้าโหมด Rear และยังสามารถสั่งให้หมุนกล้องเพื่อ selfie ด้วยการกด 3 ครั้งติดกัน ในกรณีที่ต้องการสั่งให้ sleep ก็ให้กดค้างไว้ราว 3 วินาทีครับ
ปุ่ม Power นอกจากจะทำหน้าที่เปิด-ปิด ก็ยังมีหน้าที่สั่งถ่ายรูปอีกด้วย และปุ่ม Shifter มีหน้าที่สลับโหมดระหว่างภาพนิ่งกับวีดีโอ และยังใช้สลับกล้องหน้ากับกล้องหลัง รวมถึงใช้ซูมได้ด้วย
Smooth-Ⅱ เชื่อมต่อกับมือถือผ่านบลูทูธและสามารถใช้ร่วมกับแอพกล้องทั่วไปได้ เพียงแต่การรีดประสิทธิภาพสูงสุดต้องทำผ่านแอพของ Zhiyun เท่านั้น ซึ่งจุดเด่นก็คือระบบตรวจจับใบหน้าหรือ Face Detection ที่จะหมุนตามหน้าคนตลอดเวลา… เจ๋งมากครับ
ข้อดีอีกอย่างก็คือตัวด้ามสามารถนำไปต่อเข้ากับขาตั้งกล้องทั่วไปได้ และเมื่อใช้ร่วมกับ Face Detection มันก็เหมาะกับการถ่ายรูปตัวเองมากๆ
ในการใช้งานจริง ผมประกอบเข้ากับ iPhone 6s ที่ใช้เคสของ olloCase และประกอบเข้ากับ olloClip กับไมค์ของ Saramonic และแฟลชของ iblazr 2 ทำให้มันกลายเป็นสุดยอดกล้องที่ทำให้ผมลืม OSMO ไปเลย เพราะความสะดวกที่ไม่ต้องถ่ายโอนไฟล์ สามารถตัดต่อด้วยแอพและอัพโหลดได้ทันที
ในกรณีที่มือถือมีขนาดใหญ่หรือมีน้ำหนักมาก ก็ต้องประกอบตัวถ่วงน้ำหนักเพิ่มเข้าไปเพื่อให้รักษาสมดุลได้ แต่ผมเลือกที่จะใช้มือถือขนาดเล็กอย่าง iPhone 6s เพื่อที่จะประกอบเข้ากับอุปกรณ์เสริมต่างๆ และใช้ตัวถ่วงน้ำหนักเข้ามาช่วย
สุดท้ายคงต้องบอกว่า Smooth-Ⅱ เป็นอุปกรณ์อีกชิ้นที่ผมรู้สึกว่ามันคุ้มค่าน่าใช้มากๆ ใช้งานแบบมืออาชีพได้เลย ตัวแอพกับพวกเฟิร์มแวร์ก็มีอัพเดทเป็นระยะ ตอนนี้ผมก็ลุ้นให้มีโหมด Auto Panorama เหมือนอย่างบน OSMO …ถ้ามีจริงเนี่ย มันจะสุดยอดมากๆ
