รีวิว olloClip เลนส์กล้องสำหรับมือถือ ใช้ง่าย ถ่ายสวย
พูดไปก็จะหาว่าผมบ้าบอที่ซื้อเลนส์ olloClip เพื่อมาต่อกับมือถือเพราะราคามันไม่ใช่ถูกๆ แต่เพราะผมเคยลองเลนส์สำหรับมือถือมาหลายๆ แบบ ทั้งแบบหนีบหลักร้อยจนไปถึงหลักพัน หรือแม้แต่ที่ออกแบบมาเฉพาะอย่างของ Ztylus แล้วพบว่า olloClip คือรุ่นที่เหมาะกับ iPhone 6s มากที่สุด
แม้ว่าเลนส์แบบหนีบอย่าง Aukey ที่ผมเคยรีวิว จะให้ผลลัพธ์ที่ดีและยืดหยุ่น แลดูคุ้มค่าเพราะใช้ได้กับมือถือแทบทุกรุ่น แต่เพราะการสวมใส่แบบหนีบทำให้มันไม่สะดวกสำหรับงานที่ต้องแข่งกับความเร็ว อย่างเช่นการรายงานข่าวหรือทำ Facebook Live แบบสดๆ ในงานเปิดตัว แบบที่หยิบเลนส์แล้วประกอบร่างพร้อมใช้ เพราะว่าการหนีบต้องเลื่อนหาตำแหน่งกล้องเพื่อให้ได้ภาพที่คมชัดที่สุด และยังต้องระวังไม่ให้ใครมาชนไม่งั้นเลนส์ก็จะเลื่อนไม่ตรงกับตัวกล้อง เลยไม่เหมาะกับการใช้งานแบบมืออาชีพจริงจัง แต่เหมาะกับการใช้งานชิวๆ มีเวลาให้ประกอบ มีพื้นที่แบบที่ว่าจะไม่มีใครหันมาชนเลนส์ สุดท้าย Aukey เลยกลายเป็นเลนส์ที่ผมเอามาใช้กับ iPad Pro 9.7 เท่านั้น
ตอนแรกผมลังเลที่จะซื้อเลนส์ของ Ztylus เพราะหาได้ง่ายในบ้านเรา แต่พอดูแล้วตัวเคสกับเลนส์มันเทอะทะมากๆ และไม่เหมาะจะประกอบกับอุปกรณ์อื่นๆ ต่างจาก olloCase และ olloClip ที่ใช้ง่ายและต่อกับอุปกรณ์อื่นได้สะดวก แต่อย่างที่เกริ่นไปในรีวิว olloCase แล้วว่ารุ่นที่ขายในไทยส่วนใหญ่เป็นเลนส์แบบ 4 in 1 ประกอบด้วย Fisheye, Wide, Macro 10X และ Macro 15X ซึ่งผมไม่เน้น Macro ก็เลยไม่ต้องการตัวนี้ แต่ปัญหาคือเลนส์แบบอื่นหาซื้อในไทยไม่ได้ เลยจำเป็นต้องสั่งจากเมืองนอก
ผมสั่งเลนส์ไป 2 แบบคือ Active Lens ประกอบด้วย เลนส์ 2 ชิ้นคือ Tele 2X และ Ultra Wide ในราคา 99.99 usd หรือราว 3,500 บาท และอีกตัวเป็นชุดครอบจักรวาลอย่าง Tele 2X, Wide, Macro 10X และ CPL ในราคา 119.99 usd หรือราว 4,100 บาท …นี่มันบ้าอะไรเนี่ย เบ็ดเสร็จรวมค่าส่งก็ประมาณ 10,000 บาท แม้ว่าผมจะได้คูปองส่วนลดแล้วก็ยังรู้สึกว่ามันบ้าบอมากที่จะซื้อ olloClip แต่ผมคิดแล้วว่ามันจะต้องเป็นเลนส์ที่เหมาะกับผมมากๆ ก็เลยตัดสินใจสั่งซื้อไป และมันก็ไม่ทำให้ผมผิดหวัง
การประกอบใช้งานกับ iPhone 6s สามารถทำได้ง่ายแม้ไม่ได้ใช้เคสของ olloCase เพียงแต่มันต้องใช้กับ iPhone 6s ที่ไม่ได้ใส่เคสหรือติดฟิล์มที่หนาเกินไป ไม่งั้นจะเสียบไม่ได้… ดังนั้นการใช้ร่วมกับ olloCase ดูจะเป็นคู่หูที่เข้ากันที่สุดแล้วล่ะ
ในส่วนของ Active Lens เป็นเลนส์ที่เสียบใช้ได้โดยตรงไม่มีอะไรซับซ้อน ต่างจากอีกตัวที่ชื่อยาวมากมาย เพราะมันสามารถถอดส่วนของ Wide เพื่อใช้งานเป็น Macro 10X และส่วนของ CPL แท้จริงมันก็คือ Filter ที่เอาไว้ครอบทับเพื่อใช้ตัดแสงสะท้อน ซึ่งมีตลับเล็กๆ แยกต่างหากสำหรับเก็บเลนส์ CPL ส่วนการพกพาก็มีแท่นสำหรับเก็บตัว olloClip ที่มีมาให้ในกล่อง 3 สี พร้อมกับสายคล้องคอและซองผ้าเล็กๆ
ความต่างระหว่างเลนส์ถูกๆ ราคาหลักร้อยกับของหลักพันคือคุณภาพของไฟล์ที่ได้ เลนส์บางตัวทำให้ภาพดูขุ่นมัวไม่คมใส แต่ของ olloClip ยังคงรักษาคุณภาพได้ในระดับที่น่าพอใจ ( เว้นแต่จะเช็ดเลนส์ไม่สะอาด )
ส่วนเลนส์ Wide จะมี distortion เล็กน้อยและ Ultra Wide จะมี distortion อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งตรงนี้ก็อยู่ที่ความชอบและการประยุกต์ใช้
เมื่อบิดหมุนเลนส์ Wide ออกและใช้ Macro 10X ก็จะได้ภาพสุดสวยแบบนี้ มันเป็นการถ่ายแบบ Macro จริงๆ ที่ผมต้องเอามือถือเข้าไปใกล้วัตถุในระยะราวๆ 3-4 ซม. เท่านั้น
ถ้าต้องหยิบมาใช้แค่ตัวเดียวผมมักหยิบ Active Lens ติดตัวมากกว่า เนื่องจากมี Tele 2X ไว้ช่วยซูมเวลาอยู่ไกลๆ และ Ultra Wide ที่เอาไว้ถ่ายภาพกว้างๆ สำหรับเก็บบรรยากาศ
และก็ต้องสารภาพตามตรงว่าตอนแรกผมใช้ CPL ไม่เป็น ไม่รู้ว่ามันต้องหมุนปรับวงแหวนด้านหน้าหาองศา ทั้งที่เค้าก็เขียนอยู่ว่าให้หมุนเพื่อปรับ แต่ผมไม่เข้าใจไง นึกว่าเค้าหมายถึงการหมุนเพื่อปรับให้กระชับเข้าล็อกกับเลนส์ ก็เลยหาความต่างไม่เจอ เห็นแค่ว่าภาพมันดูเป็นสีเหลืองๆ มากขึ้น จนตอนหลังเริ่มฉลาดลองหมุนวงแหวนดูก็เลยเห็นว่ามันช่วยตัดแสงสะท้อนได้จริงๆ
อีกส่วนที่ทำให้ผมชอบก็คือมันรองรับทั้งกล้องหน้าและหลัง ต่างจากคู่แข่งอย่าง Ztylus หรือ Manfrotto ที่ต่อเลนส์ได้กับกล้องหลังเท่านั้น นั่นหมายความว่าผมสามารถเอา Ultra Wide ต่อกับกล้องหน้าเพื่อ selfie ในมุมที่กว้างมากๆ เพื่อเก็บภาพบรรยากาศหรือภาพหมู่ก็ได้
หลังจากซื้อ olloClip และ olloCase บวกกับการที่มีแฟลชจาก iblazr 2 กับไมค์ Saramonia ทำให้มันกลายเป็นชุดอุปกรณ์สำหรับถ่ายวีดีโอและทำ Facebook Live ที่ผมรักมากๆ ยังไม่นับ Zhiyun Smooth-II ที่เป็น Stablilizer สำหรับกันสั่นอีก ซึ่งมันทำให้ผมลืม DJI OSMO ไปเลย เพราะความสะดวกแบบที่ไม่ต้องถ่ายโอนข้อมูลมายังมือถือ สามารถอัพโหลดได้ทันที จะตัดต่อตกแต่งผ่านแอพก็ทำได้ง่าย เปลี่ยนเลนส์ก็ได้ ไมค์ก็ดี แฟลชก็มี… ครบทุกสิ่งที่ต้องการ
แม้ว่ารวมทั้งชุดแล้วเบ็ดเสร็จก็เป็นหมื่น แต่สำหรับการทำงานแบบมืออาชีพ ผมคิดว่ามันคุ้มค่ามากๆ เพราะมันทำให้ผมทำงานได้ง่ายขึ้นเยอะ