เหตุผลที่ทำให้เว็บ WordPress โหลดช้าที่จริงก็มีอยู่ไม่กี่อย่าง ซึ่งสาเหตุหลักก็คือจำนวน plugin ที่เยอะเกินไปหรือ theme ไม่มีคุณภาพ และที่สำคัญเลยคือรูปภาพที่มีขนาดไฟล์ใหญ่เกินไป และนี่คือเรื่องที่เราจะมาขุดคุ้ยกันวันนี้ครับ
เรื่องพื้นฐานที่ควรรู้
ปัญหาแรกที่หลายคนเจอกันก็คือค่า config ดั้งเดิมมักจำกัดให้อัพโหลดไฟล์รูปขนาดไม่เกิน 2 MB ซึ่งหลายครั้งมันก็ไม่สะดวก ดังนั้นเราควรแก้ไขค่านี้ให้มากขึ้น แต่ปัญหาที่ตามมาก็คือไฟล์ที่ใหญ่เกินไป ดังนั้นสิ่งแรกที่เราต้องมีคือการติดตั้งปลั้กอินช่วย Resize ปรับขนาดกว้างยาวให้น้อยลง ซึ่งตัวที่นิยมและปัญหาน้อยก็คือ Imsanity ครับ ส่วนตัวผมตั้งไว้ที่ 2000 x 2000
นอกจากนี้ยังมี Option สำหรับแปลงไฟล์ BMP และ PNG เป็น JPG ด้วย ซึ่งบ่อยครั้งการแปลงเป็น JPG ก็ช่วยลดพื้นที่ได้ดีครับ ความอ้วนของรูปนอกจากจะทำให้เว็บช้าแล้วยังทำให้พื้นที่เต็มเร็วอีกด้วย
ลดขนาดไฟล์ขั้นกว่าด้วยการบีบรูป
สิ่งที่ควรทำอีกอย่างก็คือการติดตั้งตัวช่วยบีบรูป หรือที่เรียกกันว่า Image Optimizer นั่นเอง ซึ่งก็มีให้เลือกหลายตัว โดยแต่ละตัวก็ไม่ได้เหมาะกับทุกเว็บ และแต่ละตัวก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป ผมจะไล่เรียงตัวที่ผมเคยลองให้ดูทีละอันเลยละกันครับ
EWWW Image Optimizer
EWWW Image Optimizer นี่จัดว่าเป็นของดีที่หลายคนมองข้าม เนื่องด้วยมีข้อจำกัดที่ไม่เหมาะกับเว็บระดับเริ่มต้น เพราะเป็นการบีบไฟล์บนเซิร์ฟเวอร์ตรงๆ เลย ทำให้ไม่เหมาะกับพวก Shared Host หรือเซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพต่ำ แต่ถ้าใช้ควบคู่กับพวก Cloud Hosting ที่คุณภาพดีเช่น Vultr หรือ DigitalOcean ก็น่าประทับใจมาก
ข้อดีของ EWWW Image Optimizer คือการเป็นของฟรีที่ครบเครื่องมากๆ สามารถ Resize ได้ด้วย แปลงไฟล์เป็น JPG ก็ได้ แถมยังทำ WEBP ได้อีกต่างหาก แต่ถ้าอยากได้คุณภาพไฟล์ที่ดีกว่าเดิมก็ต้องจ่ายเพิ่ม โดยมี Option ให้แปลงไฟล์ผ่าน CDN ได้โดยที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ กับไฟล์ต้นฉบับ
ShortPixel
ShortPixel นี่คือปลั๊กอินบีบรูปลดขนาดไฟล์ที่นิยมที่สุดก็ว่าได้ สามารถบีบไฟล์ได้เยอะ ลดขนาดไฟล์ได้มาก แถมยังแปลงเป็น WEBP และ AVIF ได้ด้วย และยังรองรับการทำงานร่วมกับ Cloudflare ได้เป็นอย่างดี แต่ปัญหาก็คือราคาสูงมาก แถมการตั้งค่ายังค่อนข้างซับซ้อนอีกด้วย
นอกจาก EWWW Image Optimizer ที่ประมวลผลโดยตรงบนเซิร์ฟเวอร์แล้ว พวก Image Optimizer อื่นๆ ที่เหลือรวมถึง ShortPixel ใช้วิธีการส่งไฟล์ออกไปประมวลผลที่อื่นแล้วส่งกลับมา ซึ่งวิธีนี้ไม่ต้องพึ่งพาเซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพสูง เป็น Shared Hosting ก็สามารถใช้งานได้
โดยรวมแล้ว ShortPixel เหมาะกับเว็บสไตล์โบรชัวร์หรือเว็บบริษัทที่ไม่ได้อัพเดทบ่อย ไม่เหมาะกับเว็บข่าวที่มีการอัพรูปบ่อยๆ เนื่องด้วยราคาที่สูงครับ
Imagify
Imagify เป็นผลงานจากทีมพัฒนาเดียวกับ WP-Rocket ที่คนนิยมกันเยอะมาก นั่นหมายความว่าถ้าใช้งานร่วมกันก็จะทำงานได้อย่างลงตัว ปัญหาค่อนข้างน้อย และยังมี Package Unlimited ที่ให้เราบีบรูปได้ไม่จำกัด เหมาะกับเว็บส่วนใหญ่โดยเฉพาะเว็บข่าวจะถูกใจมากๆ
ในภาพรวมแล้วการประมวลผลในการบีบไฟล์ช้ากว่า ShortPixel แต่หลังจากที่บีบรูปเสร็จเรียบร้อยก็แทบไม่ต่างกัน บางรูปอาจชัดกว่า บางรูปอาจบีบอัดได้เล็กกว่า แพ้ชนะสลับกันไปแล้วแต่เงื่อนไข แต่ถ้ามองในแง่ความคุ้มค่าแล้วชนะขาดครับ
WP Compress
WP Compress ถือว่าเป็นตัวสุดคุ้มที่ครบเครื่องมาก มีฟีเจอร์ที่เหมาะกับเอเจนซี่มากกว่าตัวอื่น เช่น White Label, Agency Report, Quota Limit และเป็นแบบ All in One ตัวเดียวจบครบทุกสิ่ง สามารถเลือกทำ Local Optimize หรือจะทำ CDN Optimize ก็ได้ รองรับ External Url เผื่อว่าหน้าเว็บเรามีการดึงรูป Banner มาจากเซิร์ฟเวอร์อื่น หรือเก็บรูปไว้บน S3
ในภาพรวมแล้วจัดว่าเป็นตัวสุดคุ้มที่ผมชอบมาก แต่ข้อเสียก็คือมักมีปัญหาด้าน Compatibility มีโอกาสที่จะผิดเพี้ยนกับบางเว็บหรือบาง Config
WPvivid Image Optimization
WPvivid Image Optimization เป็นอีกตัวที่คนมองข้าม เนื่องจากค่ายนี้โด่งดังจากการทำระบบ Backup ทำให้คนโฟกัสไปที่ส่วนนั้นมากกว่า โดยจุดขายคือ Unlimited บีบรูปได้ไม่จำกัด แถมยังเข้ากันได้ดีกับระบบ Backup ด้วยการบีบรูปก่อนสำรองไฟล์ ทำให้ไฟล์ Backup มีขนาดเล็กลง ถ้าเน้นเรื่องความคุ้มค่าก็จัดว่าเป็นอีกตัวที่น่าใช้ครับ
บทสรุปแล้วเลือกตัวไหนดี?
ส่วนตัวผมจ่ายเงินให้กับทุกตัวเลยครับ เพราะแต่ละเว็บแต่ละเซิร์ฟเวอร์ก็มี Config ที่ต่างกัน มันไม่มีสูตรสำเร็จว่าตัวไหนจะใช้ได้กับทุก Config แต่โดยรวมแล้วถ้าเซิร์ฟเวอร์แรงพอ ผมแนะนำให้ใช้ EWWW Image Optimizer เพราะปัญหาน้อยมาก ถ้าเป็นเว็บส่วนใหญ่ผมแนะนำ Imagify แต่ถ้ามีความ Advanced หรือเป็น Agency ผมแนะนำ WP Compress ครับ
