ปีก่อนผมได้ยก altron LTV-4005 เข้ามาตั้งไว้ในบ้าน แล้วรู้สึกว่านี่เป็น Smart TV ที่คุ้มค่ามาก ระบบก็เสถียรแถมมีประกันอีก 3 ปี ผมก็มีความสุขกับมันมาตลอดกระทั่งได้เห็นการเปิดตัวของ altron LTV-6501 หรือชื่อเต็มคือ altron Smart TV 4K 65 ก็ทำให้ผมห้ามใจไม่ไหวจนยกมาแทนที่ของเดิม ด้วยความสวยงาม คุณสมบัติและราคาที่คุ้มค่ามากๆ
สรุปแบบเข้าใจง่าย altron ก็คือธานินทร์
ถ้าใครยังไม่คุ้นหูและยังไม่มั่นใจในชื่อแบรนด์ altron ผมก็ขอยกเนื้อหาบางส่วนจากบทความรีวิวเดิมมาอธิบายสั้นๆ ว่า altron ก็คือภาคต่อของแบรนด์ระดับตำนานอย่าง “ธานินทร์” ซึ่งคนรุ่นพ่อรุ่นแม่เรารู้จักอย่างแน่นอน เพราะนี่คือแบรนด์ไทยที่คุณภาพดีและได้การยอมรับ
ความน่าสนใจของ altron Smart TV 4K 65
ความเด็ดของ altron LTV-6501 อยู่ตรงที่มันคือทีวีขนาด 65 นิ้ว ความละเอียด 4K ULTRA HD (3840×2160) มีโหมด HDR ในราคาเปิดตัว 29,990 บาท ซึ่งจัดว่าค่อนข้างถูก และนอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นของร้านค้าต่างๆ อีก บางร้านก็ลดไปหลายพันเลย
รูปลักษณ์และงานประกอบของรุ่นนี้จัดว่าทำได้ดี และนั่นหมายถึงน้ำหนักของตัวทีวีที่ค่อนข้างมากไม่สามารถยกคนเดียวได้ สิ่งหนึ่งที่ผมกังวลกับทีวีที่ราคาประหยัดคือขอบจอ (bezel) ที่มักจะหนาและไม่สวย ซึ่งจุดนี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับ altron Smart TV 4K 65 เครื่องนี้ เพราะขอบจอค่อนข้างบางและดูสวยงาม
ข้อดีของ altron Smart TV ที่ผมใช้ตั้งแต่รุ่น altron LTV-4005 จนเปลี่ยนเป็น altron LTV-6501 คือความเป็น Smart TV ที่เสถียรมาก ไม่เคยมีอาการงอแงแม้แต่ครั้งเดียว
ตัวระบบขับเคลื่อนด้วย Android 7.1 ที่ปรับแต่งในแบบฉบับของ altron เพื่อให้คนไทยใช้งานกันได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็กหรือผู้สูงวัย ไม่ต้องมีความรู้ด้าน Smart TV
มีหน่วยความจำภายใน 8GB และแรม 1.5GB ที่ติดตั้งแอพเพิ่มได้จาก Google Play ซึ่งความจุและแรมขนาดนี้ก็ถือว่าเหลือเฟือสำหรับความเป็น Smart TV นอกจากนี้ยังมีช่อง microSD และ USB ที่สามารถใช้เป็นหน่วยความจำภายนอกสำหรับเก็บไฟล์หนังและเพลงได้
ด้านการเชื่อมต่อต้องบอกว่าให้มาครบถ้วน โดยมี HDMI จำนวน 3 ช่อง ต่อเน็ตได้ทั้ง LAN และ Wi-Fi ซึ่งต้องย้ำว่ารุ่นนี้รองรับ Wi-Fi 5 Ghz ด้วย และยังมี Bluetooth 4.0 สำหรับเชื่อมต่อลำโพงหรือหูฟังได้อีกด้วย
ระบบเสียง Dolby Digital กับลำโพงที่ดีและดัง ไม่จำเป็นต้องมี Soundbar มาช่วยก็สามารถอิ่มเอมดับเสียงที่ขับกล่อมได้ไม่ติดขัดอะไร เว้นเสียแต่ว่าคุณจะเป็นคนที่ซีเรียสเรื่องเสียงจริงๆ จังๆ
การสตรีมขึ้นหน้าจอทำได้ 3 วิธีคือ iMirror, Screen Mirroring และ E-Share ซึ่งมีข้อดีตรงที่รองรับ Android และ iOS แบบที่โยนภาพขึ้นหน้าจอได้ทันที โดยเฉพาะ E-Share ซึ่งเป็นแอพให้ติดตั้งบนมือถือ สามารถใช้เป็นรีโมทในการควบคุม รวมถึงเอาภาพจากหน้าจอทีวีมาแสดงผลบนมือถือ รูปแบบนี้มีประโยชน์แบบคาดไม่ถึง อย่างเช่นกำลังดูบอลหรือดูหนังแล้วไม่อยากขาดช่วง ก็ทำได้ด้วยการโยนภาพจากหน้าจอทีวีมาบนมือถือแทน
เบื้องหลังของการสตรีมแบบ Screen Mirroring คือ Miracast ทำให้ต้องเปิดหน้าจอมือถือทิ้งไว้ระหว่างสตรีมขึ้นทีวี รูปแบบนี้เหมาะกับงานบางประเภทเช่นการทำ Presentation ที่นำเสนองานในระยะเวลาไม่นานมาก
ตัวรีโมทติดตั้งปุ่ม DOONEE มาให้ เนื่องด้วย altron มองว่าต้องการทำสินค้าเพื่อคนไทย และ DOONEE เป็นแอพดูหนังที่พากษ์ไทยทั้งหมด นั่นจึงเป็นสาเหตุหลักที่เลือกจับมือกับ DOONEE และแน่นอนว่า alron รองรับการแสดงผลเมนูภาษาไทยด้วย
ด้านการแสดงผลจัดว่าทำได้น่าประทับใจมาก สามารถรับชมคลิปและหนังได้ที่ความละเอียด 4K และยังมีระบบรีดประสิทธิภาพอย่าง HDR และ 4K Enhanced ที่ช่วยทำให้ภาพสวยยิ่งขึ้น
ระบบ CEC ที่ทำการผนวกรวมตัวกล่อง Set Top Box ให้สามารถควบคุมการเปิด-ปิด หรือการเข้าเมนูต่างๆ ด้วยรีโมทเพียงอันเดียว ซึ่ง Set Top Box ที่ว่าก็คือพวกกล่อง AIS Play Box, TrueID TV หรือ Mi Box S นั่นเอง
ความรู้สึกหลังจากใช้งาน 2 เดือน
ความตระการตาของหน้าจอแบบ 65 นิ้วมันทำให้ผมตื่นตาตื่นใจมาก และยิ่งมีระบบ 4K, 4K Enhanced และ HDR ต้องบอกว่าในการใช้งานจริงมันทำให้สภาพสวยและนุ่มกว่าเดิมเยอะมาก อย่างเช่นการเปิด Tom & Jerry ก็จะเห็นเลยว่าภาพมีความสมูธกว่าที่เคย ซึ่งตรงนี้บางคนก็อาจจะไม่ชิน จะเอาไปดูบอล ดูหนัง ดูอะไรก็สวยไปหมด ยิ่งจับคู่กับไฟล์ดีๆ แล้วมันดีงามมาก
แต่ในความอลังการนี้เองก็มีข้อเสียแฝงอยู่ เพราะมันกลายเป็นทีวีขี้ฟ้องมากๆ ถ้าเราเปิดไฟล์ที่คุณภาพต่ำ เราจะเห็นความแตกของภาพทันทีโดยเฉพาะการนั่งใกล้กว่าระยะ 2 เมตร
การสอดไส้ขับเคลื่อนด้วย Android ทำให้หลายคนถามหา NetFlix แต่เท่าที่ลองพบว่ามันใช้งานไม่ได้ หรือถ้าใช้ได้ก็ต้องเล่นท่าแปลกและไม่ค่อยเสถียรเท่าที่ควร ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก และปัญหาต่อมาคือแม้พี่ท่านจะรองรับการสตรีมจากมือถือหลายรูปแบบ แต่ดันไม่มี Chromecast มาให้ ซึ่ง Chromecast ถือว่าเป็นรูปแบบการสตรีมที่ง่ายและสะดวก แอพก็รองรับเยอะ
จุดอ่อนต่อมาก็คือแม้จะเป็น Android TV แต่ก็ถูกปรับแต่งมาพอตัวและไม่มีไมค์บนรีโมท ทำให้ไม่สามารถสั่งงานด้วยเสียงได้
ด้วยสาเหตุนี้ทำให้ผมจับมันต่อเข้ากับ Mi Box S ซึ่งเป็น Android Box ที่ผ่านมาตรฐานทุกสิ่งตามที่ควรจะเป็น ทำให้รองรับ NetFlix และมี Chromecast ในตัว รองรับการแสดงผลแบบ 4K และสั่งงานด้วยเสียงได้อีกด้วย การจับคู่ระหว่าง altron LTV-6501 และ Mi Box S จึงเป็นคู่ที่เหมาะสมกับอย่างยิ่ง
ระบบ CEC ทำงานได้สมบูรณ์แบบเมื่อจับคู่กับ Mi Box S คือเมื่อเปิดหรือปิด Mi Box S ตัวทีวี altron ก็จะเปิดและปิดตาม แต่การควบคุมกดเลื่อนเข้าเมนูต่างๆ ต้องใช้รีโมทแยกกัน ในขณะที่กล่อง AIS Play Box ยังทำได้ไม่สมบูรณ์แบบนักในแง่การเปิดปิด แต่ในแง่การควบคุมเลื่อนเมนูนี่สามารถใช้รีโมทของ altron ควบคุมได้แทบทั้งหมด
ข้อดีอีกอย่างของรีโมท altron คือปุ่มสลับระหว่างการเลื่อนเมนูกับการเลื่อนแบบ cursor ซึ่งกล่อง Android บางตัวไม่รองรับโหมดนี้ ข้อดีของรูปแบบนี้จะเห็นชัดเมื่อต้องใช้งาน Web Browser ที่การเลื่อนแบบ cursor ให้ความรู้สึกแบบเดียวกับการใช้เมาส์ก็เลยทำให้สะดวกกว่า
ช่องทางการสั่งซื้อ altron
alron มีทีวีขายหลายรุ่นหลายขนาด ซึ่งส่วนใหญ่มีอยู่บน Shopee และ Lazada รวมถึงอุปกรณ์เสริมต่างๆ อย่างเช่นลำโพงหรือสาย HDMI
แต่อาจเป็นเพราะขนาดที่ใหญ่หรืออย่างไรก็ไม่ทราบ ทำให้ altron LTV-6501 ขนาด 65 นิ้วรุ่นนี้ไม่มีบนช่องทางออนไลน์เลย ต้องติดต่อหน้าร้านเท่านั้น
ถ้ามองที่ราคาเปิดตัว 29,990 บาท กับสิ่งที่ได้รับ บางคนอาจจะลังเลเมื่อเทียบกับคู่แข่ง แต่ในความเป็นจริงแล้วแต่ละร้านก็มีโปรโมชั่นที่แตกต่างกันไป พอบวกลบคูณหารกับราคาที่หาซื้อได้จริงก็ต้องบอกว่า altron LTV-6501 เครื่องนี้น่าสนใจมากครับ
