รีวิว Vivo S1 | จอสวยด้วย Amoled ถ่ายรูปเด็ดด้วยกล้องหลัง 3 ตัว เซลฟี่สุดสวยด้วยกล้องหน้า 32 MP มี AI ฝาหลังดูดีไล่เฉดสีสุดงดงาม ในราคา 8,999.-
ในปีนี้ Vivo ได้ออกสมาร์ทโฟนตระกูลใหม่โดยใช้ชื่อตระกูลว่า S โดยประเดิมด้วย Vivo S1 เป็นรุ่นแรกของซีรีส์ มาพร้อมจุดเด่นมากมายเกินราคา โดยมีสเปกดังนี้
- หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.38 นิ้ว ความละเอียด FHD+ พร้อมระบบสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ
- ปลดล็อกด้วยใบหน้า
- ขนาดตัวเครื่อง 159.53 x 75.23 x 8.13 มม.
- น้ำหนัก 179 กรัม
- ชิปเซ็ต MediaTek Helio P65
- พื้นที่เก็บข้อมูล 128 GB eMMC
- แรม 6 GB
- กล้องหลัง 16 MP f/2.2 + 8 MP f/2.2 Ultra-wide + 2 MP f/2.4 Depth camera
- กล้องหน้า 32 MP f/2.0
- Wi-Fi Dual Band
- Bluetooth 5.0
- แบตเตอรี่ 4,500 mAh พร้อมระบบชาร์จเร็ว 18W
- micro USB
- ระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 9 ( มีพื้นฐานบน Android 9.0)
แกะกล่อง
Vivo S1 ให้อุปกรณ์ต่างๆ มาอย่างครบครันพร้อมใช้งาน ประกอบด้วย
- ตัวเครื่อง Vivo S1
- เคส
- สายชาร์จ micro USB
- อแดปเตอร์ชาร์จไฟ 18W
- หูฟัง
- เข็มจิ้มซิม
ดีไซน์ฝาหลังเล่นกับแสงแบบไม่ซ้ำใคร
Vivo S1 มีให้เลือก 2 สี คือ สีดำ Diamond Black และสีน้ำเงิน Skyline Blue โดยเครื่องที่ผมได้มารีวิวเป็นสี Diamond Black โดยเป็นสีดำอมน้ำเงินเข้ม และเมื่อสะท้อนกับแสงจะเปล่งประกายเป็นลายสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดสีฟ้า เหมือนแสงที่สะท้อนออกจากเพชรที่โดนเจียระไนมาอย่างดี
กล้องทั้ง 4 ตัวและแฟลชตัดขอบด้วยสีทอง พร้อมตัวหนังสือ AI TRIPLE CAMERA และ VIVO สีทองวางแนวนอนออกแบบมาให้อ่านง่ายเวลาถือแนวนอนเพื่อถ่ายรูป แสดงถึงความจริงจังด้านกล้องของรุ่นนี้
ขอบเครื่องใช้สีเดียวกับฝาหลัง โดยด้านขวาเป็นปุ่มปรับระดับเสียงและปุ่ม Power ส่วนด้านซ้ายมีการเพิ่มปุ่มเรียกผู้ช่วยอัจฉริยะเข้ามา
ด้านล่างเครื่องเป็นศูนย์รวมพอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ ทั้งพอร์ต micro USB สำหรับเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์และชาร์จไฟ รวมถึงช่องหูฟัง 3.5 มม. ด้วย
สำหรับเคสที่แถมมาเป็นเคสใสพร้อมให้ใส่โชว์ลวดลายของเครื่อง ตัวเคสจะมีลายเป็นจุดเล็กๆ เพื่อที่เวลาใส่จะไม่เป็นลายน้ำ
ที่สำคัญคือเคสมีจุกปิดพอร์ต micro USB ป้องกันฝุ่นด้วย
หน้าจอ Super AMOLED สวยงามจับใจ พร้อมสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ
หลังจากเราชมดีไซน์ของตัวเครื่องกันแล้ว มาดูหน้าจอของ Vivo S1 กันครับ โดยหน้าจอของ Vivo S1 มีขนาด 6.35 นิ้ว ชนิด Super AMOLED ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการแสดงสีสัน โดยเฉพาะความสามารถในการแสดงสีดำที่ดำสนิทเหมือนปิดหน้าจอเลยทีเดียว พร้อมความละเอียดระดับ FHD+ ให้การแสดงผลที่คมชัด
หลายคนมักจะเข้าใจผิดว่าจอ Super AMOLED มีสีสันที่สดจนแสบตา ซึ่งไม่เป็นความจริง โดยหน้าจอ Vivo S1 สามารถปรับความสดใสของสีได้ถึง 3 โหมด และยังปรับอุณหภูมิสีได้อีกที
ในการใช้งานตอนกลางคืน สามารถเปิดโหมดถนอมสายตา ที่จะปรับสีจอเป็นโทนอุ่น ลดแสงสีฟ้า ซึ่งเป็นแสงที่ทำให้เราตื่นตัวและทำให้นอนไม่หลับ โดยจะเปิดปิดด้วยตัวเอง หรือตั้งให้เปิดปิดอัตโนมัติตามเวลาที่เรากำหนดก็ได้
และโหมดสุดท้ายที่ขาดไม่ได้สำหรับมือถือจอ Super AMOLED ที่สามารถแสดงสีดำได้สมจริงคือโหมดมืด ที่ช่วยลดแสงที่ส่องออกมาจากหน้าจอด้วยการปรับอินเทอร์เฟซส่วนใหญ่ของหน้าจอเป็นสีดำ ทำให้การใช้งานในที่แสงน้อยสบายตาขึ้น รวมถึงช่วยประหยัดแบตเตอรี่อีกด้วย โดยจะตั้งให้เปิดตลอดเวลาหรือเปิดปิดตามเวลาที่ตั้งไว้ก็ได้
ที่สำคัญคือโหมดมืดนี้ยังมีผลกับแอปอื่นๆ ในเครื่องอีกด้วย แม้แต่แอปที่ไม่มีโหมดมืดอย่าง Facebook ก็ถูกปรับสีเป็นสีดำให้
และพอเป็นหน้าจอ Super AMOLED จึงสามารถใช้ฟีเจอร์ Always on Display ที่ทำให้แสดงผลเวลาและการแจ้งเตือนบนหน้าจอได้ตลอดเวลาโดยใช้พลังงานอันน้อยนิด
โดย Always On Display ของ Vivo S1 รองรับการปรับแต่งได้อย่างหลากหลายตั้งแต่รูปแบบ พื้นหลัง จนถึงสีสันเลย
รุ่นนี้ยังมีอีกฟีเจอร์สำคัญคือการสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอเพื่อทำการปลดล็อกเครื่องที่ทำงานได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทำงานคู่กับการปลดล็อกด้วยใบหน้าได้ด้วย โดยเมื่อกดที่บริเวณสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ เครื่องจะทำการสแกนใบหน้าด้วยทันที หากสิ่งไหนปลดล็อกสำเร็จก่อน เครื่องก็จะปลดล็อกให้ทันที
สำหรับเอฟเฟกต์ปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือสามารถเปลี่ยนได้ตามความชอบ
การสแกนใบหน้าและสแกนลายนิ้วมือยังใช้ในการล็อกแอปและซ่อนแอปอีกด้วย
สำหรับใครที่จะใช้ Vivo S1 ดู Netflix รุ่นนี้มี Widevine DRM แค่ L3 ไม่สามารถดูแบบ HD ได้
การเชื่อมต่อและเซ็นเซอร์ที่ให้มาอย่างครบครัน
หนึ่งสิ่งที่มักจะทำให้สมาร์ทโฟนที่ไม่ใช่รุ่นท็อปขาดความน่าสนใจคือให้เซ็นเซอร์และการเชื่อมต่อต่างๆ มาไม่ครบ ทำให้มีปัญหาในการใช้งานบางอย่าง แต่ไม่ใช่กับ Vivo S1 แน่นอน
ด้านเซ็นเซอร์ต่างๆ Vivo S1 ให้มาอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเซ็นเซอร์เข็มทิศที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการนำทาง Proximity และ Light sensor ที่ช่วยให้การปรับแสงหน้าจออัตโนมัติเป็นไปอย่างแม่นยำ และช่วยให้ปิดจออัตโนมัติเวลาเอามือถือแนบหู จนถึง Gyroscope และ Accelerometer ที่ทำให้ใช้งานด้าน VR, ดูวิดีโอแบบ 360 องศา จนถึงช่วยในการหมุนหน้าจออัตโนมัติ
Wi-Fi รองรับแบบ Dual-Band ได้ทั้ง 2.4 GHz และ 5 GHz
Bluetooth เป็นเวอร์ชัน 5.0 ซึ่งเป็นเวอร์ชันล่าสุดที่ส่งข้อมูลได้เร็วกว่าและไกลกว่าเดิม รองรับ Bluetooth Codec แบบครบครันจนถึง LDAC ที่สามารถส่งข้อมูลเสียงให้คุณภาพใกล้เคียงต้นฉบับ
Funtouch OS สนุกกว่าเดิม สะดวกกว่าเดิม
Vivo S1 ใช้ระบบปฏิบัติการของตัวเองที่ชื่อว่า Funtouch OS ซึ่งมีพื้นฐานบน Android 9 Pie อีกที ซึ่งได้รับการปรับปรุงมาให้มีหน้าตาที่สวยงามตั้งแต่หน้าจอล็อกสกรีนที่จะเปลี่ยนภาพทุกครั้งที่เราปลดล็อก และเครื่องจะดาวน์โหลดรูปภาพใหม่ๆ มาเปลี่ยนเรื่อยๆ ไม่มีเบื่อ
สำหรับหน้าจอหลัก เมื่อปัดจากด้านบนลงมาจะเป็นศูนย์รวมการแจ้งเตือนในเครื่อง เมื่อปัดจากด้านล่างจะเป็นศูนย์ทางลัดสำหรับปรับตั้งค่าต่างๆ และเมื่อปัดไปที่หน้าจอซ้ายสุดจะเป็น Smart launcher ที่รวมข้อมูลที่น่าสนใจประจำวัน
ที่แถบแจ้งเตือนและหน้า Smart launcher จะมีแถบค้นหาแบบครอบจักรวาลที่ค้นได้ทุกอย่างตั้งแต่รายชื่อ ข้อความ แอปในเครื่อง จนถึงค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต
สำหรับใครที่เบื่อง่าย สามารถเข้าไปดาวน์โหลดธีมต่างๆ มาเปลี่ยนได้เลย โดยเปลี่ยนได้ทั้ง วอลล์เปเปอร์ รูปแบบหน้าล็อกหน้าจอ จนถึงแบบอักษรภายในเครื่อง
เครื่องรองรับการโคลนแอป ทำให้ใช้แอป Social media ต่างๆ แบบ 2 แอคเคาท์ได้
i Manager เป็นแอปดูแลเครื่องแบบครบวงจร ไม่ต้องไปหาดาวน์โหลดจากที่ไหนมาเพิ่ม โดยมีฟีเจอร์ดังนี้
- ล้างพื้นที่ ลบไฟล์ขยะในเครื่องเพื่อเพิ่มพื้นที่ว่าง
- การสแกนไวรัส สแกนไวรัสเพื่อความปลอดภัยของเครื่อง โดยเฉพาะคนที่ดาวน์โหลดไฟล์บ่อยๆ ใช้เอนจินจาก Avast โปรแกรมสแกนไวรัสชื่อดัง
- การจัดการเครือข่าย สำหรับคนที่มีปริมาณอินเทอร์เน็ตจำกัด ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้เราจำกัดได้ว่าแอปไหนสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตจากเครือข่ายได้บ้าง
- ตัวจัดการแอป รวมการตั้งค่าต่างๆ ของแอปในเครื่องไว้ที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นการอัปเดต ถอนการติดตั้ง ให้สิทธิ์ต่างๆ เป็นต้น
- ป้องกันการรบกวน จัดการเบอร์ที่บล็อก
- การเข้ารหัสแอป บังคับให้ใส่รหัสก่อนเข้าใช้งานแอป
สำหรับคนที่ทำธุรกรรมผ่านมือถือบ่อยๆ สบายใจได้ด้วยระบบความปลอดภัยในการชำระเงินที่จะสแกนระบบให้มั่นใจว่าปลอดภัย ไม่โดนล้วงข้อมูล
การใช้งานอัจฉริยะ เป็นศูนย์รวมฟีเจอร์พิเศษจาก Vivo ที่ทำให้เราใช้งานเครื่องได้สะดวกสบายมากขึ้น
- Smart wake สั่งงานเครื่องขณะที่จอปิดด้วยการวาดสัญลักษณ์ลงบนหน้าจอ
- ใช้งานโดยไม่สัมผัส สั่งงานเครื่องด้วยการโบกมือไปมาเหนือหน้าจอเวลาเครื่องวางอยู่บนพื้นและปิดหน้าจออยู่
- เปิด/ปิด หน้าจอแบบอัจฉริยะ เป็นฟังก์ชันที่ทำให้เราควบคุมการเปิดปิดหน้าจอได้สะดวกขึ้น ไม่ต้องกดปุ่ม Power อย่างเดียว เช่น ยกมือถือขึ้นมาแล้วหน้าจอเปิดเอง แตะที่หน้าจอสองครั้งเพื่อเปิดจอ หน้าจอจะไม่ดับเองเวลาเราจ้องจออยู่ เป็นต้น
- เขย่าเพื่อเปิดไฟฉาย เขย่าเครื่องเพื่อเปิดฟังก์ชันไฟฉาย
- การเตือนอัจฉริยะ เวลาเรายกมือถือขึ้นจากโต๊ะ หน้าจอจะขึ้นแจ้งเตือนให้เราดูอัตโนมัติ
เริ่มต้นใช้งานด่วน ตั้งค่าให้เวลากดปุ่มลดเสียงค้างเวลาปิดหน้าจอเป็นคีย์ลัดต่างๆ โดยตั้งได้อิสระว่าจะให้เปิดไฟฉาย เปิดกล้อง หรือจะให้เปิดแอปก็ได้
ภาพหน้าจอพิเศษ รวมทุกการตั้งค่าเกี่ยวกับการจับภาพหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นจับภาพหน้าจอด้วยการปัดสามนิ้ว รวมถึงการบันทึกวิดีโอหน้าจอ
ฟีเจอร์จุใจคอเกม
สำหรับใครที่คิดจะซื้อ Vivo S1 มาเล่นเกมต้องอ่านตรงนี้ สำหรับ Vivo S1 ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Helio P65 ซึ่งได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจาก Helio P60 อัปเกรด CPU มาใช้ 2X Cortex-A75 และ 6X Cortex-A55 ทางด้าน GPU เปลี่ยนมาใช้ Mali-G52 พร้อมพื้นที่สำหรับเก็บข้อมูล ลงแอป ลงเกม แบบจุใจถึง 128 GB และแรมอีก 6 GB สำหรับรันแอปต่างๆ สามารถออกจากเกมมาแชทแล้วกลับเข้าไปใหม่โดยไม่ต้องกลัวเกมปิดตัวเอง
โดย Funtouch OS จะมีโหมด “อัลตร้าเกม” มาให้เพื่อคอเกมโดยเฉพาะ เมื่อเข้าเกม โหมดนี้จะทำการปรับปรุงสภาพแวดล้อมของเครื่องให้เหมาะกับการเล่นเกมมากที่สุด และเมื่ออยู่ในเกม เราสามารถตั้งค่าต่างๆ ได้โดยการปัดแผงควบคุมออกจากขอบจอด้านซ้ายของเครื่อง โดยมีฟีเจอร์ดังนี้
- การโทรในเบื้องหลัง เวลามีสายโทรเข้า สามารถกดรับได้เลยโดยไม่ต้องออกจากเกม และเล่นเกมไปคุยไปได้เลย
- การบล็อกการแจ้งเตือน ปิดไม่ให้มีแจ้งเตือนมารบกวนระหว่างการเล่นเกม
- สายที่ปฏิเสธ ตัดสายที่โทรเข้าอัตโนมัติ
- การเล่นอัตโนมัติขณะปิดหน้าจอ ปล่อยให้เกมรันต่อไปโดยปิดหน้าจออยู่เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ เหมาะสำหรับการเปิดบ็อทเกมต่างๆ
และเมื่อเราปัดสามนิ้วลงระหว่างเล่นเกม เราสามารถเลือกเปิดแอป Social Network เป็นหน้าต่างย่ออยู่เหนือเกมได้
เรียกผู้ช่วยอัจฉริยะได้เพียงกดปุ่ม
Vivo S1 จะมีปุ่มพิเศษสำหรับเรียกผู้ช่วยอัจฉริยะที่ด้านซ้ายของเครื่อง โดยสามารถตั้งค่าได้ 3 คำสั่ง ได้แก่ กดหนึ่งที, กดสองที และ กดค้าง โดยปุ่มนี้จะเน้นที่เรียกใช้งาน Google Assistant เป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันมีประโยชน์มากเพราะรองรับภาษาไทยแล้ว
นอกจากนั้น Vivo ยังใส่ผู้ช่วยอัจฉริยะของตัวเองที่ชื่อว่า Jovi เข้ามาด้วย โดยมีวิธีเรียกใช้ 2 จุดด้วยกัน
- จุดแรกอยู่ที่มุมซ้ายล่างของแอปกล้องเป็นผู้ช่วยในการช้อปปิ้ง เพียงนำกล้องไปส่องกับสิ่งของที่เราต้องการ ตัว AI จะทำการระบุสิ่งของและแนะนำลิงก์สำหรับช้อปปิ้งออนไลน์มาให้เราทันที
- อีกจุดจะอยู่ที่มุมขวาบนของหน้าแจ้งเตือน ตรงนี้จะรวมข้อมูลที่อาจจะเป็นประโยชน์กับเรา เช่น โปรแกรมการแข่งขันกีฬาของทีมโปรด, รายงานผลการออกกำลังกายของเรา, สภาพการจราจรในวันทำงาน, ข้อมูลทริปวันหยุดของเรา เป็นต้น
กล้อง 3 ตัวพร้อมระบบ AI
Vivo S1 มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว สำหรับกล้อง 2 ตัวแรกคือกล้องหลัก 16 MP f/2.2 และกล้องมุมกว้าง 8 MP f/2.2 Ultra-wide ที่ช่วยเพิ่มมุมมองใหม่ๆ ในการถ่ายภาพได้อย่างหลากหลายกว่าเดิม โดยเฉพาะการถ่ายวิวและสิ่งก่อสร้างต่างๆ
ตัวกล้องมีโหมด Perfect Portrait ที่จะมาแนะนำการจัดองค์ประกอบของภาพให้ถ่ายภาพบุคคลออกมาแล้วสวยงาม
สำหรับกล้องตัวที่ 3 เป็นกล้อง 2 MP Depth camera ช่วยให้การจำลองภาพถ่ายแบบหน้าชัดหลังเบลอ และถ่ายก่อนโฟกัสทีหลัง
สำหรับการเซลฟี หายห่วงด้วยกล้องหน้าความละเอียด 32 MP f/2.0 อัดแน่นด้วยฟีเจอร์คับแก้ว ซึ่งถือเป็นจุดเด่นรุ่นนี้เลย
ตัวกล้องมีฟิลเตอร์สีให้เลือกใส่เยอะมากๆ แล้วหลายๆ ฟิลเตอร์ทำมาสวยมาก พร้อมใช้งาน อย่างเช่นฟิงเตอร์ มินต์ ที่ผมชอบมาก
มี AI ที่จะมาช่วยปรับแต่งใบหน้าเราให้หล่อสวย ไม่ว่าจะปรับแต่งผิว รูปหน้า ตา หู จมูก ปาก ได้ทุกส่วน สามารถตั้งให้ AI แยกเพศชาย หญิง เพื่อให้การแต่งภาพเหมาะสมกับเพศได้ด้วย
เวลาที่ต้องถ่ายย้อนแสง เช่นถ่ายริมหน้าต่าง หรือถ่ายกับวิว ก็หมดปัญหาหน้ามืดหรือวิวหายด้วยโหมด HDR
(ซ้าย) ปิด HDR | (ขวา) เปิด HDR
มาพร้อมฟีเจอร์เอฟเฟกต์แสงที่เหมือนมีมืออาชีพมาจัดไฟให้เราเลย ซึ่งปกติจะหายากในมือถือที่ไม่ใช่รุ่นท็อป โดยเฉพาะเอฟเฟกต์แสงสีรุ้งที่ประทับใจมาก ปกติจะทำแบบนี้ได้ต้องพึ่งอุปกรณ์ยุ่งยากทีเดียว อันนี้กดทีเดียวจบ
การกดเซลฟี นอกจากจะกดปุ่มชัตเตอร์ในหน้าจอแล้ว ยังสามารถกดปุ่มลดเสียงแทนชัตเตอร์ ใช้การพูดว่า Cheese แทน และใช้ฝ่ามือแทนชัตเตอร์ได้ด้วย
สุดท้ายคือการเพิ่มเอฟเฟกต์น่ารักๆ ลงในรูปแบบ AR ที่จะเกาะติดหน้าเราแบบไม่ต้องลากมาวางเอง
และโหมดสุดท้ายที่มีประโยชน์สุดๆ คือ DOC ที่เอาไว้ถ่ายรูปเอกสารต่างๆ แล้วซอฟต์แวร์จะทำการจัดหน้า ตัดขอบให้ภาพออกมาเหมือนถ่ายเอกสาร
แบตเตอรีใหญ่จุใจ
เรื่องแบตสามารถใช้กันได้แบบสบายๆ ไม่ต้องกังวลแบตหมดระหว่างวัน ด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 4,500 mAh และถ้าแบตใกล้หมดจริงๆ ยังมีระบบชาร์จเร็ว 18W ที่ให้ชาร์จแบต 80% ได้ในเวลา 1 ชม. เท่านั้น เลยแทบไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่กับเครื่องนี้
บทสรุปของ Vivo S1
Vivo S1 เป็นมือถือที่เน้นความครบเครื่องในราคาที่ลงตัว มาพร้อมความพรีเมียมที่หน้าจอ Super AMOLED และสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ กล้องหลัง 3 ตัวพร้อมเลนส์มุมกว้าง Ultra-wide ช่วยต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ในการถ่ายภาพไปอีกขั้น เซลฟีภาพคมชัดด้วยกล้องหน้า 32 MP ที่มี AI มาช่วยในการแต่งภาพ มั่นใจว่าถ่ายแล้วสวยหล่อแน่นอน แถมสามารถแยกแยะชายหญิงเพื่อให้แต่งหน้าได้อย่างเหมาะสมอีกด้วย ฟีเจอร์ Perfect portrait ที่ช่วยจัดองค์ประกอบภาพเหมือนมีมืออาชีพมาสอนเอง เอฟเฟกต์แสงสุดงามเหมือนพกอุปกรณ์สตูดิโอไปด้วยทุกที่ ด้านเกมก็เล่นได้ลื่นทุกเกมด้วยชิปเซ็ต Helio P65 แรม 6 GB และพื้นที่ถึง 128 GB ทำให้ไม่ต้องคอยมาลบไฟล์ในเครื่อง แบตเตอรี่ 4,500 mAh พร้อมชาร์จเร็ว หมดห่วงไม่ต้องคอยชาร์จแบต สายเกมเล่นกันได้ยาวๆ สบายใจ หรือจะเอาไว้เปิดบ็อทก็เหมาะเพราะมีโหมดปล่อยให้เกมเดินระหว่างปิดจอได้ด้วย ทั้งหมดนี้คือความครบเครื่องในราคาที่ลงตัวจริงๆ